ยั่วรักทนายคนโหด นิยาย บท 359

ตอนที่359 คำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจกลับทำให้คนรู้สึกเจ็บปวด

เตชิตพาเด็กน้อยมากินร้านอาหารเช้าชื่อดังที่สุดในย่านนี้ ทิงหมิงเก๋อ เจ้าของเป็นคนใต้ เขาค่อนข้างชอบกินอาหารร้านนี้ ถ้าวันไหนเขายุ่งเขาก็จะใช้ให้ผู้ช่วยมาซื้อเข้าไปให้เขา

รถขับมาจอดที่ร้านอย่างปลอดภัย ภายในรถเงียบสงบ แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดแต่กลับให้ความรู้สึกอุ่นใจ

พอถึงที่นี่ก็เกือบจะแปดโมงแล้ว มีคนต่อแถวเต็มร้าน มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง วัยรุ่น คนแก่ และร่วมถึงเด็กที่มากับพ่อแม่

เตชิตจอดรถเสร็จ เขาลงจากรถไปเปิดประตูอุ้มเขาลงจากรถ เขาจูงมือให้เขาเดินอย่างเป็นธรรมชาติ มือเขาทั้งเล็กทั้งนุ่ม ในใจเขาตื่นเต้นมาก แต่แสดงออกด้วยใบหน้าที่นิ่ง

ตอนมา เตชิตโทรจองโต๊ะไว้แล้วกับเจ้าของร้าน เดินขึ้นไปในห้องชั้นสอง ไม่นานพนักงานก็เดินเอาเมนูมาให้ดู

เตชิตยังไม่ทันได้เปิดดูเมนู หันไปถามธีมนต์ก่อน “อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย”

ธีมนต์ขมวดคิ้ว “ผมอ่านไม่ออก”

เขาโตที่เมืองนอก ภาษาจีนนัชชาเป็นคนสอนเขา ด้วยความที่ยังเด็ก ตัวหนังสือในเมนูทำให้เขาอ่านไม่ออก

เตชิตรู้ตัว เขาประหม่าเอง เขารู้สึกเสียใจ ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “งั้นธีชอบกินหวานหรือเค็มครับ”

“หวานครับ”

เตชิตสั่งโจ๊ก ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก หมี่ เขาหันไปมองเมนูมุมขวามือ เกี๊ยวกุ้ง ซาลาเปาไส้ไข่ทะลัก ซาลาเป้าหน้าแตกไส้หมู เค้ก แกงกระหรี่ไข่ปลา........ ทั้งหมดเป็นอาหารที่นัชชาชอบกิน เขาไม่เคยลืมมันเพราะพวกเขาเคยมากินด้วยกัน เธอกินไปมากมายเท่าไหร่เขายังจำได้

พอนึกถึงเรื่องพวกนี้ เขายกยิ้ม สั่งมาทุกอย่าง ไม่ได้ดูว่านัชชาเธอไม่ได้อยู่ที่นี่

พนักงานเดินออกจากห้องไป เหลือเพียงพวกเขาสองคน เตชิตรินน้ำอุ่นในแก้วแล้วยื่นมันให้กับเขา “ดื่มน้ำก่อน”

ก่อนหน้านั้นเขาชอบเห็นผู้ใหญ่จะคอยถือน้ำไว้ให้เด็ก เขาเลยคิดว่าน้ำสำคัญกับเด็ก

ก่อนออกจากบ้านเขาเพิ่งดื่มมา รู้สึกอิ่ม ลังเลไปสักพัก ก็เลือกที่จะยกขึ้นดื่ม เพราะกลัวว่าเขาจะเสียใจ

“หลังจากกินเสร็จแล้วอยากไปไหนมั้ย” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ต่างกับคนที่เย็นชาในสายตาคนอื่นๆ

ธีมนต์วางแก้วลง “ผมอยากไปดูหนัง”

“ดูหนังหรอ”

“ครับ” เขาพยักหน้า “ก่อนหน้านั้นแม่จินต์บอกว่ามีการ์ตูนเรื่องหนึ่งเข้าใหม่ ความจริงเรานัดกันจะไปดูแต่เสียดายผมย้ายออกมาแล้ว”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย

เตชิตขมวดคิ้ว “แม่จินต์หรอ”

ธีมนต์ตอบ “ใช่ครับ น้าจินต์ไงครับ เธอเป็นเพื่อนสนิทของแม่ ผมเลยเรียกเขาว่าแม่จินต์ แม่บอกว่าเธอรักผมมากๆ”

เป็นจินต์เองหรอ

ตามคาด ทำไมเมื่อกี้เขานึกไม่ถึงนะ ความสนิทสนมระหว่างเธอกับจินต์แน่น

แฟ้นพอที่ธีมนต์จะเรียกเธอว่าแม่ได้แล้ว

“แล้วเธออยากเจอเพื่อนพ่อ....ลุงมั้ยครับ” เตชิตเกือบจะเผลอพูดคำว่าพ่อออกมาแล้ว

ในใจเขาเคยนึกอยากหลายครั้ง เลยเผลอหลุดออกมา

ธีมนต์สงสัย เพราะชีวิตเขาค่อนข้างน่าเบื่อ นอกจากนัชชากับชนุดมก็ไม่มีใครเล่นเป็นเพื่อนเขา โอกาสหาไม่ได้ง่ายๆ

แต่เขากลัวว่าลุงคนอื่นๆจะไม่ชอบเขา เพราะพวกเขาไม่รู้จักกัน

เขาเห็นความลังเลของเขา เตชิตยกมือจับหัวเขา “ไม่ต้องกลัว ไปกับลุงไม่มีใครกล้าทำอะไรธี พวกเราไปดูหนังด้วยกัน”

พอพูดถึงดูหนัง ธีมนต์ตาลุกเป็นวาว “จริงหรอครับ”

“จริงครับ”

ธีมนต์ก้มแคะเล็บ แต่ก็หักห้ามใจไว้ไม่ได้ “งั้น งั้นก็ได้ครับ”

ความหวังของเขาเป็นจริง ยกยิ้ม ตอนสำเร็จธุระกิจมูลค่าหลายหมื่นล้านเขาไม่รู้สึกดีใจขนาดนี้ แต่กลับแพ้ให้กับเรื่องของนัชชาและธีมนต์

สิบนาทีต่อมา พนักยกอาหารมาเสริฟท์ วางลงทีละอย่าง อาหารหน้าตาสวย น่ากิน กลิ่นหอมฟุ้ง เป็นเพราะเชฟใหญ่ลงมือทำอาหารเอง อาหารเลยออกมาสวยกว่าแกติ

เด็กน้อยตาโต เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นแบบนี้ เตชิตคีบเกี๊ยวกุ้งให้เขา เขาเป่าแล้วก็ใส่ปากอย่างรู้งาน ไม่ต้องคอยดูแลหรือคอยป้อนเขา สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วง

เตชิตมองดูเขาอย่างดีใจ เขาต้องขอบคุณฟ้าที่ทำให้เขาได้เจอนัชชา หลังจากที่เขาทำผิดต่อเธอ แต่เธอก็ยังมีลูกและเลี้ยงลูกของเขาเป็นอย่างดี

เหมือนเขาจะรู้สึกได้ถึงสายตาที่แปลก เด็กน้อยเงยหน้ามองเขาอย่างงงๆ เขารีบละสายตา กลัวว่าเขาจะจับความรู้สึกของเขาได้ เขาคีบอาหารให้

ธีมนต์กินอันนี้เสร็จเขาก็คีบอันใหม่มาให้ไม่ขาดสาย ตัวเองกลับไม่ค่อยกินอะไร

เขาพูดเตือนเขา “คุณลุงก็กินด้วยสิครับ ผมคีบเองได้”

เขารู้ว่าเขาไม่มีความนัยอะไร แต่พอได้ยินแล้วเขาตาแดงน้ำตาจะไหล

เขาอายุ37ปี พบเจอเรื่องอะไรมามากมาย แต่ตอนอยู่กับนัชชากับธีมนต์เขากลับยอมถอดชุดเกราะทุกอย่างทิ้ง

แล้วมันยังไง

เขามีลูกชาย ลูกชายเขาเป็นห่วงเขา เขาตื่นเต้นดีใจ

เป็นมื้อที่อุ่นใจ มีอาหารหลายอย่างที่กินไปแค่นิดเดียว ธีมนต์พยายามกินแล้วแต่ก็กินไม่หมด

เขามองดูอาหารบนโต๊ะ เขาสะกิดเตชิต “คุณลุงครับ”

“ว่าไงครับ”

“เหลือเยอะแยะเลย เราห่อกลับบ้านกันเถอะ” ธีมนต์ชี้ไปที่อาหาร

ห่อกลับบ้านหรอ

ได้ยินดังนี้ เตชิตตกใจ เด็กอายุสี่ขวบรู้จักห่อเอากลับบ้านหรอ

เตชิตรู้สึกปวดใจ เด็กในสมัยนี้ไม่เชิงว่าฟุ่มเฟือย แต่เด็กทุกคนเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของคนเป็นพ่อแม่ อยากได้อะไรก็พยายามหามาให้ แต่ไม่เคยมีใครที่กินข้าวนอกบ้านไม่หมดแล้วรู้จักห่อกลับบ้าน

เขาเจ็บปวด “แม่สอนเธอหรอครับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด