“มาร์ติน ฉันขอโทษ”
“อะไรนะ?”
มาร์ตินที่กำลังตะลีตะลานเปลี่ยนเสื้อผ้า มองมาอย่างประหลาดพิกล เมื่อได้ยินคำพูดนี้
พิมแสงก็มองเขาอย่างเงียบๆต่อไป : “ฉันหมายความว่า หนึ่งปีมานี้ ฉันก่อกวนชีวิตคุณจนวุ่นวายไปหมด ฉันขอโทษนะ”
มาร์ติน : “……”
สมองเธอดูท่าจะมีปัญหาหรือปล่าว?
คิดกลวิธีใหม่มาทรมานเขาแล้วเหรอ?
มาร์ตินละสายตากลับ หน้าตาที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเอ่ยว่า : “พอแล้ว เธอเลิกวุ่นวายได้แล้ว อยากจะพักผ่อน ก็นอนอยู่ที่นี่ดีๆ วันปีใหม่ทั้งที อย่าทรมานกันอีกเลยนะ”
หลังจากที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวจะออกไป
แต่พิมแสงอยู่ด้านหลังเรียกเขาไว้
“มาร์ติน ฉันนัดหมอไว้เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ก็สามารถทำการผ่าตัดได้ พอถึงตอนนั้นที่ฉันทำเสร็จแล้ว ก็จะกลับเมืองเคลียร์ ฉันสัญญาเลยว่า ต่อไปจะไม่ตามตอแยคุณอีก”
เสียงที่เศร้าสร้อยดังมาจากด้านหลัง จนคนฟังรู้สึกชาไปทั้งหลัง
มาร์ตินหยุดชะงักลงเสียที เขาหันหน้ามา สายตานั้นจ้องมองมาที่เธอ ราวกับเห็นผี
“พิมแสง เธอกำลังพูดอะไรน่ะ? เกิดเป็นบ้าอะไรอีกล่ะ?”
“ฉันไม่ได้บ้านะ หลายปีมานี้ ฉันไม่มีสติยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก มาร์ติน ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เป็นความผิดของฉันคนเดียว ฉันก็ไม่ควรตามตอแยคุณตั้งแต่แรก ฉันขอโทษที่ทำลายคุณจนตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ ฉันหวังว่า……หลังจากที่ฉันหายไปจากในชีวิตคุณ คุณยังกลับไปเป็นชายหนุ่มผู้สดใสคนนั้นได้นะ”
พิมแสงหันตัวเองออก มองไปทางนอกหน้าต่าง เวลานี้ ช่างเงียบสงบเป็นพิเศษจริงๆ
มาร์ตินเพ่งตามองไปครู่เดียว
เขาเดินเข้ามา แต่ถอยหลังกลับไปข้างกายผู้หญิงคนนี้ทีละก้าวๆ
“เธอเป็นอะไรไปกันแน่? โดนแม่ฉันด่าจนโง่หรือไง ไปโรงพยาบาล เธอหมายความว่ายังไง? ไม่ต้องการลูกคนนี้แล้วเหรอ?
เขามองไปทางก้อนกลมๆใต้ผ้าห่มซึ่งผู้หญิงคนนี้ยังคงนูนออกมาอยู่
เขาหูฝาดไปใช่ไหม? เธอหมายความว่าแบบนี้เหรอ? เธอก็ไม่ต้องการ ลูกวัยเจ็ดเดือนแล้วงั้นเหรอ?
เขาเกิดความเดือดดาลนิดหน่อยแล้ว!
แต่ วินาทีต่อไปผู้หญิงคนนี้ กลับบอกข่าวที่ทำให้เขาคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิมอีก
“อืม ไม่ต้องการแล้ว ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ใช่ลูกของคุณเหมือนกัน มาร์ติน ตอนแรกฉันก็แค่อยากจะอยู่ด้วยกันกับคุณ หลังจากนั้นถึงได้ไปทำเด็กหลอดแก้ว ที่จริงแล้วระหว่างเราไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ”
“……”
เพียงพริบตาเดียว ทุกอย่างในห้องนอนนี้ก็เงียบสงัดลง!
เธอเป็นคนเสียสติไปเเล้วจริงๆ!
ดวงตาทั้งสองข้างของมาร์ตินเป็นสีแดงเพลิงแล้ว วันนั้น หลังจากที่เขาได้สติ จึงทุบข้าวของทุกอย่างในห้องนอนจนหมด หลังจากนั้นไม่นานก็หายไป
ตอนที่ทางด้านคณาธิปได้ยินข่าวคราว ก็ตอนเช้าวันที่สองแล้ว และตอนนั้น พิมแสงถึงโรงพยาบาลแล้วด้วย
“พิมแสง เธอบ้าไปแล้วจริงๆใช่ไหม? พี่ต้องเชิญหมอจิตแพทย์คนหนึ่งมาตรวจดูให้เธอหน่อยไหม เธอรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่? และเธอรู้ตัวไหมว่าเธอสติฟั่นเฟืองอยู่มากแค่ไหน?”
คณาธิปที่ตามหาที่นี่จนพบแล้ว ก็โกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่ได้ และด่าเธอว่าสมองท่าจะมีปัญหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยัยหมอวายร้ายที่รัก