ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 11

ตอนที่ 11 ภาพวาด

ข้างๆ ร้านหนังสือจะมีร้านบะหมี่เจ้าหนึ่ง บรรยากาศร้านที่จริงก็ดูธรรมดาทั่วไป แทบจะเหมือนกับร้านหนังสือของโจวเจ๋อที่ร้านค้าเงียบเหงาไร้ผู้คน

เพราะว่าถนนคนเดินเส้นนี้เดิมทีถูกสร้างขึ้นบริเวณศูนย์กลางจัตุรัส แต่ศูนย์กลางของจัตุรัสถูกสั่งให้ ‘ยกเลิกใช้งาน’ ไปแล้ว ภายในศูนย์กลางจัตุรัสนั้นนอกจากธุรกิจโรงภาพยนตร์แล้วธุรกิจอื่นๆ ก็พากันย้ายออกไปหรือไม่ก็ปิดตัวลงกันหมด เพราะเหตุนี้ลานจัตุรัสทั้งหมดจึงเกือบกลายเป็นพื้นที่เปล่าเปลี่ยว ‘เป็นสถานที่ที่คนไปน้อยมาก’ แห่งหนึ่ง

อย่างน้อยๆ เพราะสภาพของการก่อสร้างของเมืองที่เกินจากความต้องการของตลาด ในเมืองในทงเฉิงนั้นก็ได้ประจักษ์ออกมาแล้ว ในช่วงไม่กี่ปีก่อน ได้สร้างโครงการศูนย์การค้าที่ออกจะเกินจริง แต่ทงเฉิงไม่ใช่เซี่ยงไฮ้เลยไม่ได้รับนิยมมากนัก

แต่โชคดีที่ร้านบะหมี่แห่งนี้สามารถทำกิจการแบบเดลิเวอรี่ได้ด้วย และกิจการก็ไม่เลวทีเดียว แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครรู้สึก ‘หิว’ ขึ้นมาแล้วจู่ ๆ ก็ใช้เดลิเวอรี่สั่งหนังสือสักสองสามเล่มกลับไปแทะเล่นที่บ้าน

โจวเจ๋อนั่งพิงบนเก้าอี้และยังเวียนหัวอยู่เล็กน้อย หมอหลินนั่งตรงข้ามโจวเจ๋อ และใช้ทิชชู่ของตัวเองช่วยโจวเจ๋อเช็ดตะเกียบซ้ำอีกหนึ่งรอบแล้ววางมันไว้ตรงหน้าโจวเจ๋อ

เธอละเอียดและเอาใจใส่มาก เช่นเดียวกับที่เธอปล่อยให้สวีเล่อนอนบนเตียงและเธอนอนบนพื้น แต่ในขณะเดียวกันเธอก็เย็นชามาก

โจวเจ๋อไม่ได้ถามว่าจริง ๆ แล้วเธอต่อต้านการแต่งงานแบบคลุมถุงชนหรือว่าเธอเป็นแค่เลสเบี้ยน เพราะคำถามนี้ถามไปก็ไร้ความหมาย โจวเจ๋อเองก็ไม่สนใจความสัมพันธ์ครอบครัวที่อธิบายไม่ได้ที่สวีเล่อทิ้งไว้ และไม่มีอะไรให้อาลัยอาวรณ์

“ร่างกายของคุณ ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม” หมอหลินเอ่ยถามอีกครั้ง

“เรื่องเล็ก เรื่องเล็กน่า” โจวเจ๋อเองก็เป็นแพทย์คนหนึ่ง เขารู้ว่าปัญหาการกินและการนอนหลับของเขาไม่สามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎีทางการแพทย์สมัยใหม่ได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการรักษาเลย

โชคดีที่ตอนนี้อาการนอนหลับสงบลงแล้ว เหลือก็แค่การกิน…ปวดหัวจริงๆ

ไม่กินอาหาร ตัวเองเพิ่งจะเป็นลมไปเมื่อสักครู่ แต่การกินอาหาร…ความคิดนี้แค่คิดก็เริ่มรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา

“เบื่ออาหารก็ดื่มน้ำบ๊วยเปรี้ยวหนึ่งถ้วยไปก่อน” เถ้าแก่ร้านบะหมี่อายุประมาณสามสิบกว่าปี แต่กลับมีรอยย่นบนใบหน้าบ้างแล้ว ดูๆ แล้วภาระชีวิตดูจะหนักหนามาก

“น้ำบ๊วยเปรี้ยวได้ผลเหรอ” โจวเจ๋อถามอย่างเลี่ยงไม่ได้

“เรียกน้ำย่อย” เถ้าแก่ร้านบะหมี่ยิ้มแล้วตะโกนไปที่ห้องด้านหลัง “คุณภรรยา บะหมี่ผักดองเสร็จหรือยัง”

เถ้าแก่เดินเข้าไปในห้องด้านหลัง และยังมีเสียงของคู่สามีภรรยาคุยกันดังออกมาจากที่นั่น

โจวเจ๋อมองดูน้ำบ๊วยเปรี้ยวที่อยู่ข้างหน้าเขา หยิบช้อน จิบและตักเข้าปาก ทันทีที่เขากลืนลงไปใบหน้าของโจวเจ๋อก็พลันเปลี่ยนไป

“เป็นอะไรไป” หมอหลินหยิบทิชชู่ออกมาแล้วส่งไปด้านหน้าคางของโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อทำหน้านิ่วพลางกุมท้องตัวเอง

จากนั้นหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ย

“เปรี้ยวจังเลย”

ใช่ เปรี้ยวจนจะเป็นตะคริวไปทั่วทั้งตัว จนกระทั่งกลบอาการคลื่นไส้อีกด้วย

“มาแล้ว บะหมี่มาแล้ว” เถ้าแก่เนี้ยยกบะหมี่เดินมาเสิร์ฟและวางไว้ด้านหน้าของโจวเจ๋อพร้อมกับเอ่ย “น้ำบ๊วยเปรี้ยวของตระกูลเราอย่าดื่มรวดเดียวแบบนั้น”

หมอหลินเหลือบมองบะหมี่ ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “บะหมี่นี้ ต้มจนเละเกินไปแล้ว”

ซึ่งหมายความว่าหากปรุงบะหมี่นานเกินไป บะหมี่จะเสียความเหนียวหนึบซึ่งส่งผลต่อรสชาติ

“นี่…บะหมี่ตระกูลเราก็เป็นแบบนี้แหละ” เถ้าแก่เนี้ยพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“ไม่เป็นไรๆ”

โจวเจ๋อโบกมือปัดๆ จะเละหรือจะไม่เหนียวหนึบ สำหรับเขาตอนนี้มันไร้ความหมาย ขอแค่กลืนลงไปได้ก็พอแล้ว เขาต้องการพลังงาน ถ้าหากว่ายังกินไม่ได้อีก โจวเจ๋อทำได้เพียงเลือกที่จะไปฉีดกลูโคสที่โรงพยาบาลเท่านั้น

เขาเงยหน้าขึ้นอย่างจริงจัง โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองเคร่งขรึมนิ่งเงียบราวกับคนตาย จากนั้นก็ก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว กรอกน้ำบ๊วยเปรี้ยวเกินจินตนาการเข้าปากไปรวดเดียว

ซี๊ด…

ความเปรี้ยวสะใจนั้น มันเหมือนกับการราดกรดกำมะถันลงในกระเพาะอาหารตัวเองเลย

แต่ต่อมา โจวเจ๋อหยิบตะเกียบคีบบะหมี่และส่งเข้าปากตัวเองทันที เขาตะกละเท่าที่จะตะกละได้ หลังจากห้าหรือหกคำ บะหมี่หนึ่งชามก็ถูกส่งเข้าไปในท้องของเขา จากนั้นยกชามกรอกน้ำซุปบะหมี่ทั้งหมดลงไป

ฟู่ว…

“ตึง!”

โจวเจ๋อวางชามเปล่าลง

หายใจเข้าลึกๆ กินมันเข้าไปแล้ว!

วินาทีต่อมา โจวเจ๋อยื่นมือกุมหน้าอกตัวเองไว้ อาการคลื่นไส้กลับมาหลังจากถูกซุปบ๊วยเปรี้ยวกดเอาไว้ แต่สิ่งนั้นลงไปอยู่ในท้องของเขาแล้ว โจวเจ๋อเกือบจะใช้ทั้งสองมือจับคอตัวเองไว้จะได้ไม่อาเจียนออกมาอีก

ไม่อาเจียนออกมาถือว่าสำเร็จ

อาหาร

ในที่สุดก็กินมันเข้าไปได้แล้ว

เม็ดเหงื่อบนหน้าผากของโจวเจ๋อค่อยๆ ไหลซึมออกมา เขาหยิบทิชชูบนโต๊ะขึ้นมาแล้วซับออก

และในตอนนี้เอง

หมอหลินและเถ้าแก่เนี้ยต่างตกตะลึงเล็กน้อย ความจริงฉากที่โจวเจ๋อเพิ่งกินไปเมื่อครู่นี้ มันน่ากลัวเกินไป

“เหอะๆ ดูเหมือนจะหิวจริงๆ นะนั่น จะเอาอีกชามไหมล่ะ” เถ้าแก่เนี้ยถาม

“ไม่ต้อง ไม่ต้องแล้ว” โจวเจ๋อปฏิเสธ

“โอเค” เถ้าแก่เนี้ยเก็บกวาดชามและตะเกียบด้านหน้าโจวเจ๋อ และตะโกนไปที่ห้องด้านหลังว่า “พ่อมัน เอาบะหมี่ที่ใช้ในตอนบ่ายมาเตรียมให้พร้อม เดี๋ยวน่าจะมีออเดอร์สั่งดิลิเวอรี่เข้ามา”

เถ้าแก่เนี้ยเดินเข้าไป แผ่นหลังไม่ถึงกับสง่างาม ถือได้ว่าเป็นรูปลักษณ์ที่ธรรมดา แต่ความงามอยู่ที่หน้าอกหน้าใจและร่างกายส่วนล่างที่สูงเพรียว แต่กลับเพิ่มเสน่ห์แบบพิเศษดึงดูดผู้คน

“คุณชอบ…แบบนี้เหรอ” หมอหลินเอ่ยปากถาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล