ตอนที่ 151 เพื่อนในสายอาชีพเดียวกัน
ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งคนขับหน้าตาเหมือนโจวเจ๋อทุกอย่าง แต่หมอหลินรู้ดีว่า โจวเจ๋อตัวจริงกำลังหยิบเครื่องดื่มอยู่ที่ท้ายรถ
พร้อมกับคำพูดเหล่านั้นที่โจวเจ๋อเคยพูดกับเธอก่อนหน้านี้ จึงทำให้เธอรู้ดีว่า อันตรายสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และตอนนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆ แล้ว
ชายหนุ่มถือสมุดเล่มหนึ่งอยู่ในมือ ซึ่งเป็นเล่มที่โจวเจ๋อเคยถือ เขากำลังหมุนเล่นอยู่ ดูเหมือนเขาจะสนใจสมุดเล่มนี้มาก แต่เขาไม่ได้เปิดดู ได้แต่หมุนเล่นอยู่ในมือไม่หยุด
ทว่าเขามองหมอหลินมากกว่ามองสมุดเสียอีก เห็นได้ชัดว่าในสายตาของเขา หมอหลินสำคัญยิ่งกว่าสมุดเล่มนี้
“เหอะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ พลางเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย
จากนั้นควันสีเขียวกลุ่มหนึ่งได้กระจายออกมาจากปากของเขา ซึ่งมีผลทำให้เกิดอาการประสาทหลอนอย่างรุนแรง หมอหลินอยากจะตะโกนหาโจวเจ๋อที่อยู่ด้านหลังเพื่อเตือนเขา แต่ตัวเองกลับหมดสติกะทันหัน
ทั้งหมดทั้งมวลเกิดขึ้นไวมาก ไม่มีเวลาให้คิดพิจารณาหรือตอบสนองใดๆ เลยด้วยซ้ำ เธอเป็นคนธรรมดาเท่านั้น ไม่ใช่หน่วยรบพิเศษหรือราชินีผู้ยิ่งใหญ่
ชายหนุ่มจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย แล้วผลักประตูรถเดินลงไป
ภายในชั่วพริบตาเดียว เขาได้กลายร่างเป็นหมอหลิน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือบุคลิกท่าทางล้วนเหมือนกันเป๊ะ ไม่มีใครสามารถมองเห็นช่องโหว่ได้แม้แต่นิดเดียว แม้แต่แก้มที่แดงระเรื่อก่อนหน้านี้ก็ยังคงอยู่
นี่มากพอที่จะแสดงให้เห็นว่า เขาเป็นคนที่ปลอมตัวเก่งและเน้นรายละเอียดทุกเม็ด ซึ่งแตกต่างจากผีสาวไร้หน้า การปลอมตัวของเขาเป็นศิลปะที่ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ส่วนการปลอมตัวของผีสาวไร้หน้าง่ายและหยาบเกินไป
เขาเดินไปด้านหลัง มองโจวเจ๋อที่เพิ่งปิดท้ายรถและถือเครื่องดื่มอยู่ในมือ
“เป็นอะไรครับ” โจวเจ๋อถาม
“กลัวนิดหน่อยค่ะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมากเหมือนหมอหลินเปี๊ยบเลย
“มีผมอยู่ ไม่ต้องกลัว”
หลังพูดจบ โจวเจ๋อวางเครื่องดื่มแล้วโอบเขาเข้ามาอยู่ในอ้อมอกโดยตรง
“…” เขา
เรียบง่าย หยาบคาย แม้แต่เขาก็คาดคิดไม่ถึง
เมื่อสัมผัสถึงอุณหภูมิจากตัวของผู้ชายอีกคน ความโกรธและรังเกียจได้แวบผ่านสายตาของเขา เขาไม่ได้ต่อต้านแต่เขาอ้าปากในทันทีทันใด
‘พรุ!’ ควันสีเขียวยังไม่ทันออกมา ก็มีมือข้างหนึ่งปิดปากของเขาแล้วกดไว้อย่างแน่น
โจวเจ๋อหันมามองเขา เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
เขารู้สึกงุนงงอยู่บ้าง แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ควันสีเขียวที่อยู่ในปากไม่สามารถพ่นออกมาแถมยังกลืนลงไปไม่ได้ เขารู้สึกทรมานมาก
‘พลั่ก!’ เมื่อถูกแทงเข่าเข้าที่หน้าท้องอย่างแรง เขาอ้าปากร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเริ่มขดตัวอยู่บนพื้น
เขาเงยหน้ามองโจวเจ๋อด้วยความไม่เข้าใจ
“ที่นรกมีผู้หญิงคนหนึ่ง ชอบแต่งตัวเลียนแบบคนอื่น ขอโทษนะ ผมเคยเจอบทเรียนจากเธอมาแล้ว ดังนั้นถือว่าคุณดวงซวย ตอนนี้ถ้าใครเลียนแบบคนใกล้ตัวของผมเพื่อจะเข้าใกล้ผม ผมจะมีลางสังหรณ์ที่พิเศษบางอย่าง”
จากประสบการณ์ที่เคยเจอกับ ‘บทเรียนพิเศษ’ จากผีสาวไร้หน้า โจวเจ๋อจึงมีความรู้สึกไวทางด้านนี้ราวกับเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง
โจวเจ๋อยื่นมือจับคอของเขา ร่างกายของเขาดูบอบบางอยู่บ้าง และยังเป็นรูปร่างหน้าตาของหมอหลินเหมือนเดิมหลังจากลากเขามาที่หน้าประตูรถ โจวเจ๋อตรวจสอบอาการของหมอหลิน พบว่าเธอเพียงแค่นอนหลับไป ไม่เป็นปัญหาใหญ่อะไร
เขาถูกโจวเจ๋อลากไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่งที่ตายแล้ว ร่างกายแอบกระตุกเล็กน้อย
โจวเจ๋อปล่อยมือ เขาจึงล้มไปบนพื้น เกิดควันลอยรอบตัว เหมือนตุ๊กตายางแฟนสาวของผู้ชายติดบ้านที่ลมรั่ว เริ่มแห้งเหี่ยวไปทั้งร่างกาย
มีผู้ชายหนึ่งคนกับผู้หญิงหนึ่งคนเดินมาแต่ไกล ผู้ชายสูงมาก น่าจะสูงประมาณหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร โชว์ให้เห็นกล้ามแขนที่กำยำของตัวเอง ดูแล้วร่างกายแข็งแรงมาก
ส่วนผู้หญิงตัวไม่สูงมาก หน้าเป็นฝ้ากระ เธอเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ในปากแล้วเป่าเป็นลูกโป่งไม่หยุด
กลุ่มควันสีเขียวก่อตัวขึ้นช้าๆ อยู่ด้านหลังของผู้หญิงคนนั้น แล้วร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา หญิงสาวใส่กระโปรงยาวสีเขียว ยืนอยู่ด้านหลังของคนทั้งสองดั่งทาสในเรือนเบี้ย ดูเหมือนตัวเองจะหวาดกลัวอยู่บ้างเมื่อพบว่าเธอทำภารกิจล้มเหลว
แต่เธอก็ยังก้มหน้า แล้วกระซิบพูดอะไรบางอย่างอยู่ข้างๆ ผู้ชายตัวสูงและผู้หญิงคนนั้น
ผู้ชายตัวสูงขยับต้นคอของตัวเอง เกิดเสียงข้อต่อดังกร๊อบแกร๊บติดต่อกันสองสามที จากนั้นก็กำหมัดของตัวเองโดยไม่พูดอะไร แต่ก็นับว่าเป็นการข่มขู่อย่างหนึ่ง
ผู้หญิงที่ใบหน้าเป็นกระฝ้ายื่นมือหยิบหมากฝรั่งออกมาจากในปาก แล้วเอาไปแปะที่กล้ามแขนของผู้ชายที่อยู่ข้างตัวเอง เธอเดินไปข้างหน้าสองสามก้าวมองโจวเจ๋อ แล้วหัวเราะถามว่า
“สหาย คุณข้ามเขตแล้ว”
นี่คือยมทูตของถิ่นนี้เหรอ
โจวเจ๋อไม่แน่ใจเท่าไรว่ายมทูตของพื้นที่หนึ่งกับอีกพื้นที่หนึ่งจะอยู่ด้วยกันอย่างไร และไม่เข้าใจเรื่องข้อตกลงลับระหว่างยมทูตด้วยกัน เพราะในบรรดายมทูตที่เขารู้จักอยู่สองคน คนหนึ่งถูกเธอฆ่า อีกคนหนึ่งถูกเธอจับตัวไป
ดูเหมือนว่าการปฏิบัติตัวต่อเพื่อนในสายอาชีพเดียวกัน โจวเจ๋อมักจะทำตัวหยาบคายและเรียบง่ายเสมอ
สาวน้อยโลลิเดิมทีอยากจะเตือนโจวเจ๋อว่า เมื่อถึงเมืองเหยียนเฉิงแล้ว ทางที่ดีที่สุดควรไปทักทายยมทูตท้องถิ่นด้วย ก็เหมือนกับตอนแรกที่พระขี้เรื้อนมาที่เมืองทงเฉิงแล้วไปทักทายโจวเจ๋อก่อน
บางครั้งการทักทายและการบอกกล่าว สามารถหลีกเลี่ยงความยุ่งยากได้มากมาย
เพียงแต่ตอนนั้นโจวเจ๋อตัดสายไปก่อน สาวน้อยโลลิจึงเตือนไม่ทัน หรือบางทีต่อให้สาวน้อยโลลิพูดแล้ว โจวเจ๋อก็คงไม่ทิ้งหมอหลินเพื่อไปร่วม ‘งานเลี้ยง’ ของเพื่อนในสายอาชีพเดียวกันที่เมืองเหยียนเฉิง
นอกจากนี้ ในมุมมองของโจวเจ๋อ อีกฝ่ายลงมือก่อน และท่าทางก่อนหน้านี้ก็บ่งบอกชัดเจนว่า ผีสาวตนนั้นอยากทำให้ตัวเขากับหมอหลินสับสน
“แล้วจะทำไม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล