ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 158

สรุปบท ตอนที่ 158 ทะเลตงไห่ขาดเตียงหยกขาว พญามังกรมาขอจักรพรรดิจินหลิง: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอน ตอนที่ 158 ทะเลตงไห่ขาดเตียงหยกขาว พญามังกรมาขอจักรพรรดิจินหลิง จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 158 ทะเลตงไห่ขาดเตียงหยกขาว พญามังกรมาขอจักรพรรดิจินหลิง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 158 ทะเลตงไห่ขาดเตียงหยกขาว พญามังกรมาขอจักรพรรดิจินหลิง

ผู้หญิงให้นามบัตร นัดเวลาและให้ที่อยู่ ซึ่งหมายถึงให้โจวเจ๋อไปบ้านของเธอวันพรุ่งนี้ตอนบ่าย

ผู้หญิงเพิ่งจะออกไป ไป๋อิงอิงก็ยืนอยู่ข้างโจวเจ๋อแล้วพูดอย่างขลาดกลัวว่า “เถ้าแก่ วันพรุ่งนี้ให้นักพรตเฒ่าเฝ้าร้านได้ไหม ข้าอยากจะไปเป็นเพื่อนท่าน”

“หืม เป็นอะไร”

“ท่านดูสิ ตอนนี้เถ้าแก่ยังบาดเจ็บอยู่ วิชาเล็กน้อยของนักพรตเฒ่าพอที่จะต่อสู้กับคนทั่วไปได้ แต่สำหรับผีนอกจากคลำหายันต์ที่เป้ากางเกงแล้วก็ไม่มีประโยชน์อย่างอื่น พาเขาไปไม่ปลอดภัย พาข้าไปดีกว่า”

“…” นักพรตเฒ่าที่ถูพื้นอยู่

“ได้” โจวเจ๋อพยักหน้า เพื่อบอกว่าตกลง อันที่จริงนับตั้งแต่ที่ไป๋อิงอิงฉายเดี่ยวสู้กับผีซากศพครั้งนั้น พลังการต่อสู้ของไป๋อิงอิงถือว่าแข็งแกร่งมากจริงๆ

“ไม่เป็นไร ปัญหาด้านนั้นของเถ้าแก่ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ เจ้าจะเป็นห่วงไปทำไม ถึงแม้นอนกับผู้หญิงหนึ่งครั้งได้หนึ่งล้านจะแพงมากก็จริง แต่ได้นอนกับคนระดับนั้นสักครั้งแล้วได้หนึ่งล้านก็ไม่เสียเปรียบนะ เจ้าดูสิแม้แต่ตาแก่ก็ยังยอมแพ้”

นักพรตเฒ่าถูพื้นเสร็จก็เช็ดเหงื่อ แล้วพูดปลอบใจไป๋อิงอิง

ถึงแม้จะพูดว่านักพรตเฒ่ายังไม่มีครอบครัว และยังไม่ได้แต่งงาน แต่คนที่ไม่เคยกินหมูใช่ว่าจะไม่เคยเห็นหมูมาก่อน

“นักพรตเฒ่า” โจวเจ๋อยกถ้วยกาแฟขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า

“ครับ เถ้าแก่ มีเรื่องอะไรครับ”

“พื้นสกปรกแล้ว”

“สกปรก เป็นไปไม่ได้ เพิ่งจะถูเสร็จเอง!”

“อ้อ”

โจวเจ๋อเขย่าถ้วยกาแฟในมือเบาๆ จากนั้นกาแฟที่อยู่ในถ้วยก็หกออกมา กระเด็นใส่พื้น

“ตอนนี้สกปรกแล้ว เช็ดอีกรอบนะ”

“…” นักพรตเฒ่า

หลังเที่ยงคืน โจวเจ๋อจึงขึ้นไปพักผ่อน สวี่ชิงหล่างกลับมาตอนเกือบเช้า ดื่มเหล้าเมามาย พอกลับมาถึงร้านหนังสือก็ขึ้นไปบนห้องของตัวเองที่อยู่ชั้นสองโดยตรง

ตอนเช้าวันถัดมาโจวเจ๋อตื่นนอน สวี่ชิงหล่างยังไม่ออกมาจากห้องเลย

“เขาไปไหนล่ะ”

โจวเจ๋อมองอาหารเช้าที่สั่งมาจากร้านข้างนอก มองปราดเดียวก็รู้ว่าพ่อครัวของบ้านขาดงานอีกแล้ว

“เมื่อวานเมา ยังไม่ตื่นเลย ตอนที่กลับมากลิ่นเหล้าฟุ้งไปทั้งตัว” นักพรตเฒ่าอธิบาย

โจวเจ๋อพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร

โจวเจ๋อกินอาหารเช้าเสร็จ แล้วเปลี่ยนชุดลำลอง จากนั้นเขาจึงหันหน้าไปด้านข้าง แล้วตะโกนเรียกไป๋อิงอิง

“หยิบไม้เท้าของผมมาหน่อย”

ไป๋อิงอิงกับนักพรตเฒ่ากำลังถกเถียงอะไรกันอยู่ที่เคาน์เตอร์ เมื่อได้ยินโจวเจ๋อตะโกนเรียกนาง นางจึงรีบหยิบไม้เท้าวิ่งไปหาทันที จากนั้นก็พยายามขยิบตาให้นักพรตเฒ่า

“เป็นอะไร” โจวเจ๋อถาม

“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ข้าสั่งให้นักพรตเฒ่าอย่าลืมปลุกเหล่าสวี่ขึ้นมาทำกับข้าวเย็นนี้ เถ้าแก่กำลังรักษาตัวอยู่ กินแต่อาหารนอกบ้านไม่ค่อยได้บำรุง”

“ไม่เป็นไร”

โจวเจ๋อถือไม้เท้าเดินออกมาจากร้านหนังสือภายใต้การประคองของไป๋อิงอิง แล้วเรียกรถแท็กซี่ออกไป

นักพรตเฒ่าที่ยืนอยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์เกาศีรษะอย่างจนใจ แล้วยื่นมือลากเก้าอี้รถเข็นไฟฟ้าออกมา

เพื่อเอาใจเถ้าแก่ หลังจากเถ้าแก่กลับมาจากการแอบใช้วิชาที่เมืองเหยียนเฉิงแล้ว เขาจึงสั่งจองเก้าอี้รถเข็นไฟฟ้ามาหนึ่งคัน เมื่อครู่เขายังคิดว่าอยากจะทำเป็นของขวัญเซอร์ไพรส์เถ้าแก่อยู่เลย

ใครจะรู้ว่าผีดิบตนนั้นกลับไม่ยอมให้เขาเอาออกมา แถมยังพูดว่าหากเขาเอาออกมาอาจจะตายได้

‘โธ่เอ๊ย ผีดิบสาวตนนี้เริ่มขี้หึงขึ้นเรื่อยๆ ข้าเป็นผู้ชาย ยังต้องแย่งความรักจากเจ้าอีกเรอะ ถึงกล้าใช้คำว่าตายมาขู่ข้า’

ขณะที่คิด นักพรตเฒ่ายื่นมือไปกดปุ่มหนึ่งของเก้าอี้รถเข็นไฟฟ้าอย่างจนใจ

เก้าอี้รถเข็นเริ่มเล่นเพลง “วูๆๆๆๆ…เสี่ยวหมาเสี่ยวเอ้อร์หล่าง สะพายกระเป๋าเป้ไปโรงเรียน…”

เก้าอี้รถเข็นไฟฟ้าเล่นเพลงพร้อมกับเริ่มเคลื่อนไหว หมุนวนอยู่กับที่ ดูสนุกสนานมีชีวิตชีวามากๆ

“รอให้เถ้าแก่กลับมาเย็นนี้แล้วค่อยให้ก็แล้วกัน”

โจวเจ๋อนั่งรถมาตามที่อยู่ แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ สิ่งที่เห็นไม่ใช่บ้านหรูหรา แต่เป็นบ้านที่สร้างขึ้นตามชนบทหลังหนึ่ง

มีสามชั้น มีกำแพงล้อมรอบ ถึงแม้อยู่ในบ้านแบบนี้จะกว้างขวางและอิสระมาก แต่ในความเป็นจริงไม่ถือว่าแพงเลย อย่างน้อยหากเทียบกับผู้หญิงที่โยนบัตรเอทีเอ็มหนึ่งล้านหยวน การอาศัยอยู่ที่นี่ ดูเหมือนจะไม่เหมาะกับเธอ

เมื่อกดกริ่งประตู ก็มีผู้หญิงใส่ชุดอยู่บ้านผูกผ้ากันเปื้อนคนหนึ่งเดินออกมา หลังจากเปิดประตูแล้ว โจวเจ๋อพบว่าผู้หญิงคนนี้มีความเป็นแม่ศรีเรือนมากกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเสียอีก นี่ก็คือคนที่มาที่ร้านหนังสือของเขาเมื่อวาน

มนุษย์เราต้องอาศัยการแต่งตัว ผู้หญิงคนนี้ตอนนี้ดูแล้ว อย่างน้อยในเรื่องของบุคลิก เธอแตกต่างจากคนเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง

“เชิญเข้ามาค่ะ”

ผู้หญิงก้มหน้าเล็กน้อย เพื่อบอกให้โจวเจ๋อกับไป๋อิงอิงเข้ามา จากนั้นจึงปิดประตู

“สามีของฉันหลังจากป่วยก็ขอมาพักที่นี่ ที่นี่เมื่อก่อนเป็นบ้านเกิดของเขา เมื่อก่อนเคยเป็นบ้านของบรรพบุรุษ ไม่ได้อยู่มาหลายสิบปี เพิ่งปรับปรุงบ้านหลังนี้ใหม่เมื่อสองสามปีก่อน”

โจวเจ๋อพยักหน้า ขณะเดียวกันก็เดินเข้าไปในห้องโถง การตกแต่งของห้องโถงธรรมดามาก ไม่ต่างจากบ้านของคนทั่วไป บนกำแพงที่หันไปทางทิศใต้แขวนรูปภาพของเทพเจ้าอยู่ แต่ในภาพนั้นเป็นใครโจวเจ๋อไม่รู้จริงๆ

จากนั้นก็วางธูปเทียน นอกจากนี้ยังมีโต๊ะอีกหนึ่งตัว

“สามีคะ คุณโจว อาหารกลางวันเตรียมเรียบร้อยแล้ว กินข้าวได้แล้วค่ะ”

ชายชราได้ยินดังนั้น ความปรองดองเมื่อครู่พลันหายไปทันที เขาเปลี่ยนเป็นดุขึ้นมา การดุนี้ดุแบบแข็งนอกอ่อนใน อย่างไรก็ตามเขาได้แต่ตะคอกอย่างหวาดกลัวว่า “พวกเขาอยู่ข้างล่าง พวกเขาอยู่ข้างล่าง ฉันไม่ไป ฉันไม่ไปนะ พวกเขากำลังรอฉันอยู่ข้างล่าง!”

ชายชราตะโกนและขดตัวอยู่บนเสื่อทาทามิ ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กที่ตกใจกลัว

ผู้หญิงเองก็จนใจ มองไปทางโจวเจ๋อ เพื่อบอกให้โจวเจ๋อลงไปกินข้าวได้

โจวเจ๋อลุกขึ้นแล้วบอกลาชายชรา

ตอนที่กำลังจะเดินลงไป มือของเขาถูกชายชราจับเอาไว้

ชายชราพูดอย่างจริงจังว่า “อย่าลงไป พวกเขาอยู่ข้างล่าง พวกเขาถูกพญามังกรส่งกลับมา จะมากินคุณ จริงๆนะ ถ้าคุณลงไปก็จะตาย!”

“ครับ วางใจได้ ผมเป็นกระบองที่ถูกส่งมาจากซุนหงอคง วางใจได้ครับ”

โจวเจ๋อยื่นมือตบไหล่ชายชรา อาศัยตอนที่ชายชราคิดทบทวนประโยคที่โจวเจ๋อพูดเมื่อครู่ หลบพ้นออกมาจากเขา

ทั้งสามคนเดินจากระเบียงไปที่บันไดพร้อมกัน แล้วผู้หญิงจึงถามเบาๆ ว่า “มีวิธีรักษาไหมคะ”

โจวเจ๋อส่ายหน้า เอ่ยว่า “ให้หวังเคอมาดูเถอะครับ ชายชราคนนี้น่าจะมีปัญหาทางจิต หรือไม่ก็เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดที่หายาก ไม่มีผีอยู่กับเขา”

“อย่างนั้นเงินมัดจำก็ไม่ต้องคืนค่ะ กินข้าวกลางวันแล้วค่อยกลับก็ได้ค่ะ ฉันถนัดทำอาหารฝรั่งเศสกับอาหารญี่ปุ่น อาหารจีนฝีมือธรรมดาค่ะ”

ถ้าหากมีผีละก็ โจวเจ๋อจะมองเห็น เสียดายที่ธุรกิจรอบนี้ไม่ได้ทำแล้ว

“กลับมา! กลับมา!” ชายชรายืนที่หน้าประตูห้องแล้วตะโกนอย่างกะทันหัน

โจวเจ๋อหันไปมอง แล้วเดินลงไปข้างล่างกับผู้หญิง

“อย่างนั้นเงินมัดจำก็ไม่ต้องคืนค่ะ กินข้าวกลางวันแล้วค่อยกลับก็ได้ค่ะ ฉันถนัดทำอาหารฝรั่งเศสกับอาหารญี่ปุ่น อาหารจีนฝีมือธรรมดาค่ะ” ผู้หญิงพูดอย่างถ่อมตัว

พอลงมาข้างล่างก็มาถึงห้องโถง อย่าให้พูดเลย โจวเจ๋ออยากจะลองชิมฝีมือการทำอาหารของผู้หญิงคนนี้เหมือนกัน

ดังนั้นเธอจึงสามารถแต่งเข้าบ้านเศรษฐีได้สำเร็จ หากไม่มีความสามารถเลยคงจะยาก เพราะเส้นทางนี้ก็เดินยากเช่นกัน

หากคุณคิดจะนอนอยู่ในห้องดูละครและจินตนาการต่อไป อย่างนั้นก็คงได้แต่นอนเพ้อฝันตลอดไป

เพียงแต่ตอนที่โจวเจ๋อเลี้ยวเข้าไปในห้องรับแขก เขากลับตกตะลึง ไป๋อิงอิงที่อยู่ข้างหลังก็ตกตะลึงเช่นกัน

โต๊ะตัวนั้นที่อยู่ในห้องโถงมีคนนั่งเต็มไปหมด มีทั้งคนแก่และเด็ก มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง อยู่กันครบทุกรุ่น

พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน นั่งเบียดกันอยู่ตรงนั้น ทุกคนจ้องมองชามข้าวที่อยู่ตรงหน้า มีตะเกียบหนึ่งคู่เสียบกลับหัวอยู่บนชามข้าวทุกใบ

ขณะเดียวกันพวกเขาทุกคนล้วนตัวเปียก มีหยดน้ำหยดลงมาจากใต้คางและเสื้อผ้าของพวกเขาอยู่เป็นพักๆ พื้นห้องรับแขกเปียกชุ่มไปทั่ว เหมือนกับเพิ่งถูพื้นเสร็จ

…………………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล