ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 182

ตอนที่ 182 คนที่ถูกเลือก

“ไม่เล่นเหรอ”

เมื่อเจอการซักถามของเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า โจวเจ๋อพูดไม่ออกเล็กน้อย

เรื่องแบบนี้มันควรเป็นความปรารถนาร่วมกัน หรือไม่ก็เจรจาต่อรองได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย แต่ไม่เคยได้ยินว่าสามารถบังคับซื้อและบังคับขายกันได้ด้วย

คุณมันโคตรเจ๋ง!

คุณข้ามอาณาเขตได้

คุณเข้ามาในเขตบ้านของผมจากห้องข้างๆ ได้

แต่ไม่ว่าคุณจะเจ๋งแค่ไหน ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม ตอนนี้คุณมีสภาพแยกเป็นเสี่ยงๆ อย่างนี้ แม้ว่าเดิมทีคิดว่าจะเล่นตัวปฏิเสธไปอย่างนั้น แต่ตอนนี้ก็เต็มใจไม่ลงแล้ว

เถ้าแก่โจวลูบหน้าผาก รู้สึกปวดร้าวเล็กน้อย

แต่เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวโกรธมาก ในตอนนี้เวลานี้ เลือดในบ่อน้ำพุร้อนได้ล้นทะลักออกมาแล้วจริงๆ และในขณะเดียวกัน ชิ้นส่วนร่างกายที่แตกแยกเป็นเสี่ยงๆ ของเด็กสาวก็ประกอบเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ

เรียบร้อยแล้ว

ประกอบร่างกายเข้าด้วยกันแล้ว

สามารถใช้การได้แล้ว

หมายความว่าอย่างนี้ใช่หรือไม่

ปิดไฟก็เหมือนๆ กันแล้วงั้นหรือ

คำที่พูดบ่อยที่สุดก็ยังเป็น ‘คุณทับโดนผมของฉันแล้ว’ ไม่ใช่หรือไง

พ่อแม่ชาวจีนสอนลูกตั้งแต่ยังเด็กว่า การเลือกกินเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ลองนึกดูว่ามีลุงชาวนากี่คนในสมัยโบราณที่ทำนาอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีเงินจะตบแต่งภรรยาจนต้องครองโสด

เถ้าแก่โจวก็อยากจะตามใจ ถ้าหากว่าตามใจแล้วจะแก้ไขปัญหาความยุ่งยากตรงหน้านี้ได้ ถ้าเป็นไปได้ทางที่ดีอย่าใช้ความรุนแรงเลยจะดีกว่า ถึงอย่างไรจากในมุมมองของฝ่ายหญิงนั้น เธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อนแบบนี้แล้ว ในฐานะที่คุณเป็นผู้ชาย ไม่ว่าจะปัดความรับผิดชอบด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ก็มักจะถูกดูแคลนเสมอ

แต่เมื่อมองเด็กสาวที่เพิ่งประกอบร่างเสร็จ ชิ้นส่วนที่เดิมทีขาดเป็นท่อนแม้จะติดเข้าด้วยกันแล้วก็ยังมีคราบเลือดปูดโปนออกมาอย่างเห็นได้ชัด รอบๆ ยังมีรอยเส้นเลือดถี่ยิบ คล้ายกับผ้าไหมที่หลี่ขุยปัก ช่างน่าเวทนาเกินกว่าจะทนมองได้จริงๆ เป็นภาพเดจาวูของหุ่นที่ถูกประกอบร่างขึ้นมาชัดๆ

ขอโทษที

ผมปฏิเสธ

โจวเจ๋อยืนอยู่ที่เดิม มองเด็กสาวที่เดินเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ เล็บทั้งสองมือของโจวเจ๋อได้งอกยาวออกมาช้าๆ

จากนั้นเด็กสาวก็เข้าประชิดเขา

เลือดบริเวณรอบๆ ตัว คล้ายกับน้ำร้อนที่กำลังเดือดพล่านพุ่งพรวดเข้าใส่โจวเจ๋อในพริบตา ทรงพลังมากจริงๆ

โจวเจ๋อกางแขนออกใช้เล็บกวาดแยกไปเป็นสองฟาก น้ำเลือดแยกออกจากกันทันที และในชั่วพริบตาร่างของเด็กสาวก็ถูกแยกเป็นสองส่วนเช่นกัน เด็กสาวที่น่าสงสารราวกับก้อนดินน้ำมันอย่างไรอย่างนั้น เพิ่งจะประกอบเข้าด้วยกันอย่างยากลำบาก แต่กลับถูกโจวเจ๋อทำลายย่อยยับ

ทำอะไรกระจกนี้ไม่ได้ ยังจะทำอะไรคุณไม่ได้อีกหรือ

เด็กสาวที่ผ่าครึ่งออกเป็นสองส่วนเริ่มเลื้อยขยุกขยิกเข้ามา เหมือนกำลังจะกลับมารวมกันใหม่อีกครั้ง

โจวเจ๋อไม่พล่ามอะไรไร้สาระ ใช้เล็บหั่นลงไปอย่างต่อเนื่องเหมือนกับการหั่นผัก จัดการผ่าเด็กสาวแยกครึ่งอีกครั้ง ตามอุดมการณ์แล้วเขาไม่ใช่คนโหดร้ายขนาดนั้น โจวเจ๋อหยิบชิ้นส่วนศีรษะทั้งสองของเด็กสาวขึ้นมาแล้วหันหลังตรงเข้าไปในห้องนั่งเล่น

บางทีเด็กสาวก็ยังตกตะลึงเช่นกัน

ปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์อันน่าทึ่ง พร้อมกับถ้อยคำที่เฉียบคมเช่นนี้ แต่ท้ายที่สุดกลับเหมือนว่าเธอเป็นอาหารที่มาเสิร์ฟให้โจวเจ๋อหั่นถึงหน้าบ้านโดยแท้

โจวเจ๋อวางศีรษะของเด็กสาวไว้บนโต๊ะ จากนั้นโจวเจ๋อก็จุดบุหรี่ ว่ากันตามตรง ด้วยตำแหน่งและความแข็งแกร่งในปัจจุบันของโจวเจ๋อ การรับมือกับผีสาวตัวน้อยๆ ไม่ได้ช่วยกระตุ้นให้เขารู้สึกดีเลยสักนิด

แต่มีอยู่บางคำถามที่โจวเจ๋อจำเป็นจะต้องถามเธอ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือวิธีที่จะออกจากโลกกระจกที่น่ารังเกียจนี้ไปให้ได้

หลังจากที่ศีรษะทั้งสองส่วนของเด็กสาวถูกนำมาวางไว้ด้วยกัน มันก็เริ่มหลอมรวมเข้าหากันอย่างช้าๆ และร่างกายนอกห้องนั่งเล่นก็รวมตัวกันอีกครั้ง ร่างไร้ศีรษะที่อยู่ด้านนอกห้องนั่งเล่น ยังเดินวนไปมา ราวกับว่าอยากจะเข้ามา แต่ก็ไม่กล้า

หลังจากที่ศีรษะของเด็กสาวกลับมาเหมือนเดิมแล้ว ก็ยังคงวางอยู่บนโต๊ะและยังคงจ้องโจวเจ๋อต่อไป แต่ความโกรธในแววตาลดลงไปมากทีเดียว กลับกลายเป็นความกลัวอย่างหนึ่งเข้ามาแทนที่

ดั่งคำกล่าวโบราณที่กล่าวไว้ว่า คนที่น่าสงสารคือคนที่เคยพลาดทำสิ่งที่น่ารังเกียจมาก่อน ผีก็เช่นกัน

เถ้าแก่โจวก็นับว่าเจอผีมาแล้วนับไม่ถ้วน และได้ยินเรื่องเล่าผีๆ มาหลายประเภทไม่น้อยเช่นกัน สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กสาวก่อนตายนั้น เขาก็พอจะเดามันออกอยู่บ้าง

ถูกข่มขืนแล้วยังถูกหั่นศพอีก

สุดท้ายถูกขังเอาไว้ที่นี่จนกลายเป็นวิญญาณผีในกระจก น่าจะทำนองนี้ละมั้ง

เธอขัดเนื้อตัวของตัวเองแบบเอาเป็นเอาตาย เพราะอยากได้รับการปลอบโยนและเพื่อบอกความรู้สึกเป็นนัยๆ จากการกระทำนี้ ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าร่างกายยังคงสะอาดผุดผ่องอยู่

เด็กสาวชาวญี่ปุ่นที่น่าสงสาร ความน่าสงสารแบบนี้ไม่แบ่งแยกพรมแดน

แต่ผีก็เป็นผลผลิตของความสุดโต่งอย่างนี้ ในความเป็นจริง คนที่วางเฉยย่อมไร้คุณสมบัติที่จะเป็นผีวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ พวกคนที่ทำตัวนิ่งเฉยราวกับปลาเค็มนับถือศาสนาพุทธมาทั้งชีวิตแล้วก็ตายไป ต่างก็เข้าคิวต่อแถวเดินไปข้างหน้าอยู่บนเส้นทางสู่นรกอย่างเชื่อฟัง

จากมุมมองของยมทูต ผีที่สามารถวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ได้นั้น โดยพื้นฐานแล้วต่างก็เป็นพวกตัวแสบ จะอยู่ในประเภทเด็กดื้อที่กระด้างกระเดื่องกับครูในห้องเรียน

ดังนั้นเมื่อตอนที่เด็กสาวโกรธเขา แม้ว่าคุณจะบอกเหตุผลกับเธอแล้วก็ตาม ก็ยังคงต่อไม่ติด เพราะเธอจะไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น

งูทะเลอาฆาตแค้นตัวนั้นที่เจอคราวที่แล้ว รวมทั้งเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย โจวเจ๋อเจอพวกวิญญาณ ‘ไม่ได้รับความเป็นธรรม’ มาไม่น้อยเลย แต่หากว่าโจวเจ๋อไม่มีเล็บและไม่ใช่ยมทูตแล้วละก็ โจวเจ๋อก็อาจไร้คุณสมบัติที่จะไปสงสารพวกเขา และกลายเป็นเหยื่อความโกรธของพวกเขาเท่านั้น

“ฉันไม่ได้ปล่อยพวกมันไป อันที่จริงฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมฉันถึงถูกดึงเข้ามาในที่แบบนี้”

โจวเจ๋อพ่นควันบุหรี่ใส่หญิงสาวและพูดต่อ

“ผมบอกแล้วไงว่าผมสามารถช่วยคุณล้างแค้นได้ ก่อนอื่นคุณต้องบอกความลับของที่นี่ รวมไปถึงวิธีออกจากสถานที่ผีสิงนี้ได้อย่างไรให้ผม”

หญิงสาวยังคงมองโจวเจ๋อด้วยความเกลียดชัง แต่โจวเจ๋อเมินเฉยและสูบบุหรี่ต่อไป

ต้องรอสินะ

ผ่านไปราวสิบห้านาที ร่างหัวขาดของหญิงสาวที่อยู่ข้างนอกค่อยๆ นั่งลง เธอเอามือกอดเข่าตัวเองและพิงหลังกับหน้าต่างยาวจรดพื้นด้านนอกห้องนั่งเล่น ดูหงอยเหงามากจริงๆ

ไม่มีความโกรธแค้นอยู่ในแววตาของเด็กสาวอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นน้ำตาที่พรั่งพรูลงมาแทน

โจวเจ๋อหยิบทิชชูที่วางอยู่บนโต๊ะไปซับให้เธอ ขณะเดียวกันก็ปลอบไปด้วย

“อย่าร้องไห้เลย ร้องไห้จะไม่สวยเอานะ ผมสวี่ชิงหล่างปวดใจน่ะ”

ดังนั้นถึงได้บอกว่า ตอนที่คุณสร้างเรื่องน่าละอายไว้ จำเป็นต้องแจ้งชื่อเพื่อนสนิทของคุณแทน

อย่างเช่นการแอบดูเด็กสาวอาบน้ำ

อย่างเช่นที่ชัดๆ เลยก็เขาที่เพิ่งจะหั่นเด็กสาวไปมั่วซั่วเหมือนผัก แล้วยังเสแสร้งไปซับน้ำตาให้เธออีก

อย่างเช่นหลังการดำเนินโครงการ ‘ความละมุนของน้ำแข็ง[1]’ ในคลับเสร็จสิ้นแล้ว ช่างเทคนิคให้เขียนแบบประเมินและลงชื่อเอาไว้ด้วย

เมื่ออยู่ในช่วงเวลาแบบนี้ การทิ้งชื่อจริงของตัวเองเอาไว้เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย

“พวกมัน…ไปกันหมดแล้ว”

เด็กสาวสะอื้น

“กี่คน” โจวเจ๋อถาม

“สามคน สามคนค่ะ”

“อ้อ” โจวเจ๋อพยักหน้า “พวกเขาเป็นอะไรตายเหรอครับ”

ถ้าเด็กสาวถูกคนสามคนนั้นฆ่าจริง แล้วสามคนนั้นตายได้อย่างไร

เป็นไปไม่ได้ที่เด็กสาวที่ถูกฆ่าตายจะกลายเป็นผีร้ายและแก้แค้นได้สำเร็จในทันทีหรอกใช่ไหม

หากแก้แค้นสำเร็จ เธอก็คงจะไม่มีความแค้นฝังลึกขนาดนี้

“พวกเขาถูกปีศาจเลือก” ในดวงตาของเด็กสาวฉายแววสับสน “พวกเขาถูกปีศาจเลือก…”

“คุณสามารถเจาะจงมากกว่านี้หน่อยได้ไหม เราไม่ได้เขียนบทกวีนะ” โจวเจ๋อเตือน

“คือปีศาจ มันคือปีศาจ มันคือปีศาจ!!!”

“โอเค มันคือปีศาจ เป็นปีศาจ” โจวเจ๋อรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย “ยังมีอะไรอีกไหม ทางที่ดีที่สุดบอกรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณและเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นให้ผมมาทั้งหมดเลย”

โจวเจ๋อเอื้อมมือไปล้วงหนังสือรับรองยมทูตออกมา แล้วโบกไปโบกมาตรงหน้าเด็กสาว

“คุณคิดเสียว่าผมเป็นตำรวจก็แล้วกัน”

ดวงตาของเด็กสาวเริ่มมองไปรอบๆ โจวเจ๋อก็มองไปรอบๆ และถามขึ้น “มีอะไรเหรอครับ”

“ที่นี่คือสถานที่ที่ล้อมรอบไปด้วยกระจก และกระจกไม่เพียงแต่ส่องปัจจุบันเท่านั้น มันยังสามารถบันทึกอดีตไว้ได้ด้วย”

“ดูยังไง”

น้ำตายังคงไหลร่วงลงมาจากหางตาของเด็กสาว แต่คราวนี้น้ำตาที่ร่วงลงมาไม่ได้ร่วงลงไปแต่อย่างใด แต่เริ่มระเหยไปกลางอากาศ ทำให้เกิดแสงรัศมีสลัวๆ แม้แต่กระจกโดยรอบต่างพากันสะท้อนรังสีประหลาดไปทุกทิศทาง

เหมือนนั่งอยู่ในโรงหนัง ทุกสิ่งรอบๆ ตัวคล้ายกับถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นละอองสีขาวชั้นหนึ่งและผสมด้วยหมอกที่ไม่ใช่ของจริง

สิ่งที่ทำให้โจวเจ๋อประหลาดใจมากที่สุดคือมันทำให้เขาได้ยินเสียงอีกด้วย สิ่งที่กระจกบันทึกไว้ ไม่ใช่เฉพาะแต่ภาพฉาบฉวยเรียบง่ายอย่างนั้น

บนโซฟาข้างหน้าโจวเจ๋อ มีชายที่ตัดผมทรงทหารคนหนึ่ง อายุน่าจะไม่ถึงสามสิบปี นั่งสูบบุหรี่และวางเท้าไขว้กันอยู่บนโต๊ะตรงนั้น

นี่คือภาพบันทึกเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

เสียงดัง ‘โครม’

ประตูถูกกระแทกปิด

มีชายอีกสองคนเข้ามา ผู้ชายสองคนนี้ดูอายุน้อยกว่า อายุน่าจะประมาณสักยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกปีเห็นจะได้ พวกเขาถือถุงพลาสติกใบใหญ่สองใบไว้ในมือ หนึ่งในนั้นสวมหมวกแก็ป และอีกคนหนึ่งไว้ผมยาวอารมณ์ศิลปิน

ชายหมวกแก็ปและชายผมยาวนั่งลงฝั่งตรงข้ามชายที่ตัดผมทรงทหาร ทั้งสองวางของเอาไว้ข้างๆ

ชายหมวกแก็ปชี้ชายที่ตัดผมทรงทหารที่นั่งสูบบุหรี่อยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วหัวเราะกับชายผมยาวที่อยู่ข้างๆ เขา

“ก่อนหน้านี้ผมพูดไว้แล้วเชียว วันนี้ทีมฝั่งเขาแพ้บอล ตอนนี้เขาต้องอารมณ์เสียและนั่งโมโหอยู่คนเดียวแหงๆ ฮ่าๆๆ…”

“หัวเราะทำหอกอะไร แม่งเอาแต่หัวเราะอยู่ได้! วันนี้จะชนะทีมเจียงซูได้อยู่แล้วเชียว เชี่ยเอ๊ย! วันนี้ที่พวกเราลงสนามเจ้าถิ่นในจินหลิงทุเรศมาก ผลคือเราเตะชนเสาประตูตั้งหลายครั้ง แต่พวกมันแค่เตะมั่วๆ ก็เข้าประตูแล้ว มันน่าโมโหฉิบหาย”

ชายที่ตัดผมทรงทหารชี้ชายหมวกแก็ปแล้วด่า เห็นได้ชัดว่า เขาอารมณ์เสียจริงๆ

“กับอีแค่ทีมฟุตบอลแพ้เอง มันจะอะไรนักหนา เรอัลมาดริดกับบาร์ซาก็ยังแพ้บอลเลยไม่ใช่หรือไง”

ชายหมวกแก็ปพูดอย่างไม่เห็นด้วย จากนั้นเขาก็เปิดถุง “มาๆๆ เรามาเริ่มปาร์ตี้ของเรากัน ผมเอาเครื่องดื่มมาด้วยแล้ว”

ในถุงนั้นเป็นพวกเสื้อผ้า ชายหมวกแก็ปหยิบออกมาแล้วยื่นส่งให้ชายที่ตัดผมทรงทหารข้างหน้า

ชายที่ตัดผมทรงทหารรับเสื้อผ้ามา แล้วทั้งสามคนก็เริ่มเปลี่ยนชุด

เสื้อผ้าทั้งสามชุดนี้เป็นเครื่องแบบทหารของกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งถูกนำมาใช้ในภาพยนตร์สงครามต่อต้านญี่ปุ่นหลายๆ เรื่อง ชาวจีนคุ้นเคยกับชุดพวกนี้มากจนไม่อาจคุ้นเคยไปมากกว่านี้แล้ว

ชายที่ตัดผมทรงทหารจัดคอเสื้อของเขาและส่องกระจก เห็นได้ชัดว่าดูพอใจมาก

…………………………………………………………

[1] ความละมุนของน้ำแข็ง โดยทั่วไปกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล