ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 249

ตอนที่ 249 ร้านหนังสือนี้แปลกนิดหน่อย!

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น สำหรับคนส่วนใหญ่ที่ทำงานและพักผ่อนตามปกติ เป็นวันที่อากาศสดชื่นแจ่มใสที่สุด แต่สำหรับคนที่พักผ่อนไม่เป็นเวลา เวลานี้คือความทรมานมากที่สุดต่างหาก

ฉวีเจินเจินถือหม้อต้มใบหนึ่งเดินออกจากตึกร้านอินเทอร์เน็ต เธอไม่สมัครใจเป็นอย่างมาก แต่ต้องทำตามคำสั่งของพี่ชายเธอ เอาอาหารยามาส่งให้เถ้าแก่ร้านหนังสือที่อยู่ตรงข้าม

สำหรับฉวีเจินเจิน ทั้งสองบ้านไม่จำเป็นต้องไปมาหาสู่กันอย่างสิ้นเชิง เรื่องครั้งที่แล้วตัวเธอวู่วามเอง แต่พี่ชายของเธอได้ให้สิ่งแลกเปลี่ยนกับอีกฝ่ายแล้ว

จะว่าไปถือว่าอีกฝ่ายเข้ามายุ่งเรื่องของชาวบ้านมากกว่า แต่พี่ชายของเธอเหมือนจะให้ความสำคัญกับเจ้าของร้านคนนี้ ทั้งๆ ที่เป็นแค่โจรปล้นสุสานเท่านั้น ฉวีเจินเจินบางครั้งก็ไม่เข้าใจความคิดของพี่ชายตัวเอง

เธอผลักประตูร้านหนังสือ กิจการของร้านหนังสือเงียบเชียบเป็นอย่างมาก ไม่เหมือนร้านอินเทอร์เน็ตของเธอถึงแม้ว่าจะเป็นตอนเช้าตรู่แต่ก็มีลูกค้าอยู่ไม่น้อย

นักพรตเฒ่านั่งอยู่ข้างเคาน์เตอร์ใส่ชุดนักพรต กำลังนั่งอ่านหนังสือหน้าปกสีเหลืองอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วใช้นิ้วแตะน้ำลายเปิดกระดาษหน้าต่อไปเป็นระยะ

เมื่อเห็นลูกค้าเข้ามา นักพรตเฒ่าจึงเงยหน้าถามด้วยความสงสัย “มาหาคนเหรอ” เพราะว่านักพรตเฒ่าไม่เคยเห็นคนถือหม้อต้มขนาดใหญ่เข้ามาในร้านหนังสือ

“เถ้าแก่ของพวกคุณอยู่ที่ไหน” ฉวีเจินเจินถามด้วยท่าทีเนือยๆ

“เพิ่งจะออกไปข้างนอก ไปซื้อผัก” นักพรตเฒ่าไม่ได้โกหก เถ้าแก่ออกไปซื้อผักกับอิงอิงตั้งแต้เช้า เพื่อเอางู แมลงหนู มดอะไรพวกนี้มาทำยาใส่ลงไปในถังอาบน้ำของเหล่าสวี่

บางครั้งนักพรตเฒ่าก็รู้สึกว่าเหล่าสวี่น่าสงสารอย่างยิ่ง ต้องมาโดนพิษของผีดิบ ครั้นนึกถึงตอนนั้นที่ตัวเองอยากจะกลายเป็นผีดิบมีอายุยืนยาวร้อยปี ตอนนี้นักพรตเฒ่ารู้สึกโชคดีเป็นอย่างมาก เพราะเถ้าแก่บอกว่า คนที่เป็นผีดิบมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์จะกลายเป็นคนที่มีไอคิวต่ำเหมือนคนปัญญาอ่อน กระทั่งลืมว่าตัวเองเป็นใครเหลือเพียงสัญชาตญาณดิบ

สาเหตุที่ไป๋อิงอิงมีความพิเศษเป็นเพราะแม่นางไป๋ได้บำรุงหล่อเลี้ยงเธอมานานสองร้อยปี

“อย่างนั้นฉันจะรอเขากลับมา” ฉวีเจินเจินวางหม้อต้มลงบนเคาน์เตอร์ แล้วหาที่นั่ง อาหารยาได้ตุ๋นเสร็จก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ยังเหลือตัวยาอีกสองสามชนิดที่เธอต้องใส่ด้วยตัวเองตามหลัง และคอยรักษาระดับไฟในขณะเดียวกัน จึงไม่สามารถวางแล้วกลับไปได้เลย พี่ชายของเธอตุ๋นมาตั้งนาน ต่อให้ตัวเธอไม่ค่อยชอบหน้าเถ้าแก่ร้านหนังสือเท่าไร ก็ไม่อยากให้ความตั้งใจของพี่ชายเธอต้องเสียเปล่า

นักพรตเฒ่าไม่พูดอะไร แล้วอ่านหนังสือของตัวเองต่อ

หลังจากฉวีเจินเจินนั่งลงก็เริ่มมองไปรอบๆ ร้านหนังสือตามสัญชาตญาณ การตกแต่งของร้านถือว่าไม่เลว สไตล์การตกแต่งแบบสบายตาไม่ตกยุค เห็นได้ชัดว่าเป็นรสนิยมของนักออกแบบ เพียงแต่เปิดร้านหนังสือในถนนหนานต้าแบบนี้จะต้องขาดทุนแน่นอน จากนั้นเธอบิดขี้เกียจ หางตาเหลือบไปเห็นเดดพูลนั่งอยู่ตรงมุมร้าน ฉวีเจินเจินสีหน้านิ่งไปทันที คนที่ใส่ชุดคอสเพลย์ เป็นคนจริงๆ หรือว่าหุ่นกันแน่

การตอบสนองอย่างแรกของฉวีเจินเจินคือน่าจะเป็นหุ่น เพราะเขาไม่ขยับเลย แต่ไม่รู้ทำไมแมลงที่อยู่ภายในร่างกายเธอถึงเกิดอาการกระสับกระส่ายร้อนรน เธอจึงดีดปลายนิ้วเบาๆ จากนั้นแมลงตัวหนึ่งคล้ายเต่าทองทั่วไปได้ร่วงลงมาจากร่างกายของฉวีเจินเจิน มันคลานดุกดิกอย่างรวดเร็วเพื่อมุ่งตรงไปที่เดดพูล ทว่าตอนที่แมลงตัวนั้นเพิ่งจะผ่านเคาน์เตอร์ กรงเล็บที่มีขนปุกปุยน่ารักพลันยื่นออกมา แล้วจับมันอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้ยินเสียง ‘จ๊อบแจ๊บ’ ดังมาจากด้านหลังเคาน์เตอร์ ฉวีเจินเจินขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางมองไปที่เคาน์เตอร์

นักพรตเฒ่าเพิ่งจะโน้มตัวมาดู ก็เห็นเจ้าลิงกำลังแกะแมลงตัวนั้นกิน จึงยื่นมือไปตีศีรษะของเจ้าลิงทันที แล้วชี้ไปที่มัน เพื่อบอกว่าของสกปรกแบบนี้แกก็กินเหรอ! เจ้าลิงน้อยใจมาก มันจึงได้แต่กลับไปนั่งข้างๆ นักพรตเฒ่าเหมือนเดิม นั่งพิงเขาแล้วเล่นโทรศัพท์ของตัวเอง ตอนกลางวันเจ้าลิงรู้จักหลีกเลี่ยง พยายามไม่ให้ตัวเองปรากฏอยู่ในพื้นที่สาธารณะ

เมื่อนักพรตเฒ่าสั่งสอนเจ้าลิงที่กินของมั่วซั่วแล้ว ก็เงยหน้ามาเห็นหญิงสาวที่เอาหม้อต้มมาส่งกำลังมองตัวเองอยู่ เขาจึงยิ้มให้เล็กน้อยทันที

เขากำลังท้าทายฉันใช่ไหม ยิ้มเล็กน้อยเหมือนกัน แต่ในแง่มุมของคนอื่นกลับมีความหมายต่างกัน ในสายตาของฉวีเจินเจิน นักพรตเฒ่าพบแล้วว่าเธอแอบลองหยั่งเชิง นี่คือกำลังเตือนเธออยู่!

พี่ชายเคยพูดว่า คนที่ปล้นสุสานส่วนใหญ่จะมีความสามารถเฉพาะตัว นอกจากนี้พวกเขาออกปฏิบัติการคนเดียวน้อยมาก ทุกคนจะแบ่งหน้าที่กัน ดังนั้นจึงอย่าไปหาเรื่องง่ายๆ

เมื่อก่อนฉวีเจินเจินไม่ได้ใส่ใจ ครั้งนี้เธอเอาจริงแล้ว ฉวีเจินเจินโน้มตัวช้าๆ แสร้งทำเป็นงีบหลับ จากนั้นงูตัวเล็กหลากสีลำตัวขนาดไส้เดือนได้เลื้อยออกมาจากหูซ้ายภายใต้การปิดบังสายตาของฉวีเจินเจิน

งูที่มีสีสันมากมายหลังจากที่อยู่บนโต๊ะได้กลายเป็นสีเดียวกับโต๊ะ พอร่วงลงพื้นก็กลายเป็นสีเดียวกับพื้น มันเหมือนมังกรเปลี่ยนสี สามารถเปลี่ยนสีของตัวเองไปตามสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย สามารถซ่อนอำพรางตัวได้ยอดเยี่ยมที่สุด

ครั้งนี้งูไม่ได้เลื้อยผ่านเคาน์เตอร์ แต่อ้อมไปอีกทาง เจ้าลิงที่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ด้านล่างเคาน์เตอร์หูกระดิกทันทีลุกขึ้นพรวด อยากจะจับโปรตีนมาเสริมร่างกายของตัวเอง แต่นักพรตเฒ่าที่มือไวตาไวได้จับหางของเจ้าลิงไว้โดยตรง

“จะจับแมลงกินอีกแล้ว ไม่ได้ให้ข้าวแกกินเหรอ” ขณะที่พูด นักพรตเฒ่าใช้นิ้วมือจิ้มไปที่ศีรษะของเจ้าลิง เจ้าลิงเสียใจมาก ยื่นมือป้องศีรษะของตัวเอง ถึงแม้นัยน์ตาจะยังสำรวจไปทางนั้น แต่มันไม่ได้ฝืนคำสั่งของนักพรตเฒ่าแล้ววิ่งออกไป

งูยังคงเลื้อยไปเรื่อยๆ มันเลื้อยเร็วมาก และความเร็วของการเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมก็เร็วมากเช่นกันเจ้าลิงได้ยินเสียงแล้ว แต่นักพรตเฒ่าจอมเซ่อกลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด

ใกล้แล้วๆ ฉวีเจินเจินฟุบนอนอยู่บนโต๊ะ เธอหลับตา แต่ในใจของเธอสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกของงูตัวนั้นได้เลือนราง ถึงมองเห็นไม่ชัดเจน แต่สามารถรับรู้ได้จากด้านอื่น

นี่คือความสัมพันธ์ของเจ้าของกับแมลงพิษ ที่เชื่อมต่อกันอย่างลึกลับและแปลกประหลาด ทว่าตอนที่งูตัวเล็กเพิ่งจะเลื้อยไปถึงเดดพูล เดดพูลที่เดิมทีไม่ขยับเขยื้อนพลันก้มหน้า นี่คือตัว… เขากำลังครุ่นคิด เขากำลังแยกแยะ ใช้เวลาประมาณสองสามวินาที เดดพูลคิดว่าสิ่งนี้เป็นขยะ ในร้านหนังสือไม่อนุญาตให้มีขยะเกิดขึ้น!

จากนั้นเดดพูลจึงอ้าปาก ทั้งตัวของเขาหมอบหมือนคางคกอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ใช้สองมือยันพื้นทันที อ้าปาก แลบลิ้นออกมา ตวัดงูกลางอากาศแล้วกลืนเข้าปากด้วยทักษะขั้นสูงที่ตัวเองซ่อนมานาน จากนั้นในชั่วพริบตา เดดพูลก็กลับไปนั่งที่เดิม นั่งหลังตรงตัวตรง ราวกับว่าเขาไม่เคยขยับตัวมาก่อน

“โอ๊ยๆๆๆๆๆๆ…” ฉวีเจินเจินสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่รุนแรง เหมือนกับว่าตัวเองดิ้นอยู่ในบ่อกรดกำมะถัน เธอลืมตาทันที ตัดการติดต่อครั้งสุดท้ายกับงูตัวนั้น ฉวีเจินเจินเงยหน้ามีเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วมองไปทางเคาน์เตอร์อีกครั้งอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล