อ่านสรุป ตอนที่ 257 เชื่อมต่อกัน จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 257 เชื่อมต่อกัน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 257 เชื่อมต่อกัน
ฉวีหมิงหมิงหายใจเร็วขึ้น เขาสามารรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน เวลานี้เขาแทบจะควบคุมความเป็นไปของตัวเองไม่ได้แล้ว บ้าจริง ทำไมโจวเจ๋อดื่มแล้วถึงทำตัวสบายได้อยู่ ฉวีหมิงหมิงเดิมทีคิดว่ายาของตัวเองออกฤทธิ์ไม่พอ แต่ตอนนี้ตัวเขารู้สึกกลัวเล็กน้อย ในฐานะหมอ โดยเฉพาะแพทย์แผนจีน การปรุงยามีความพิถีพิถันมากต้องใส่ให้พอเหมาะพอดี ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะประโคมใส่ยาไม่ได้เด็ดขาด แต่ฤทธิ์ของยาตัวนี้เห็นได้ชัดว่าเกินขีดจำกัดที่คนธรรมดาจะทนรับได้
ถ้าหากโจวเจ๋อเป็นคนธรรมดา ตอนนี้จะต้องมีปัญหาแน่นอน เนื่องจากต้มยาไม่ทันแล้ว ฉวีหมิงหมิงจึงเลือกสมุนไพรสองสามชนิดใส่ปากตัวเองแล้วเคี้ยวโดยตรง ขณะเดียวกันเขาได้เปิด ‘ห้องทำงาน’ ของตัวเอง ในนั้นมีขวดใบเล็กหลายขวดที่บรรจุแมลงและหนอนชนิดต่างๆ ไว้
เขาหยิบออกมาหนึ่งขวด ในนั้นมีแมลงคล้ายหนอนตัวหนึ่งกำลังนอนอยู่ข้างใน ฉวีหมิงหมิงไม่พูดพร่ำทำเพลงแหย่นิ้วของตัวเองกดลงบนตัวของแมลงโดยตรง แมลงรู้สึกเหมือนถูกบุกรุก จึงเกิดการตอบสนองทันที กัดนิ้วของฉวีหมิงหมิงอย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกหนาวเย็นปกคลุมไปทั่วร่างของเขาในชั่วพริบตา แต่ฉวีหมิงหมิงกลับรู้สึกสบายเป็นพิเศษ ความร้อนกระสับกระส่ายภายในร่างกายในที่สุดก็ถูกกดลงไป
“น่าเกลียด…แต่ว่า…” เสียงหนึ่งพลันดึงขึ้น
“ใคร!”
ฉวีหมิงหมิงขนลุกทันที ชั้นสามของร้านอินเทอร์เน็ตของเขา เป็นพื้นที่ต้องห้ามของเขาคนเดียว หากอยู่ในนิยายกำลังภายในที่นี่คือสถานที่สำหรับปิดด่านฝึกตน คนนอกจะเข้ามาที่นี่อย่างสบายได้อย่างไร คิดว่าแมลงพิษทั้งหมดจะอยู่นิ่งเป็นเด็กดีอยู่ในขวดเหรอ
“น่าเกลียดที่นายฝึกวิชาต่ำทรามเลี้ยงแมลงพิษกู่ แต่ตัวของนายกลับใช้วิชาแพทย์โบราณที่บริสุทธิ์” เงาดำเดินออกมาจากด้านในกำแพงอย่างช้าๆ มองเห็นหน้าไม่ชัดเจน แต่เขากลับมีตัวตนอยู่จริง
“ผู้อาวุโส คุณเป็นใครครับ”
หมอไม่นับว่าเป็นคนในแวดวงยุทธภพ แต่ลักษณะพิเศษของอาชีพหมอ ทำให้พวกเขาต้องคลุกคลีกับคนทุกระดับ อีกอย่างประสบการณ์ที่ได้เจอผีดิบในร้านหนังสือก่อนหน้านั้น ได้ทำให้ระดับจิตใจของฉวีหมิงหมิงสูงขึ้นไม่น้อย อย่างน้อยเวลาที่เจอเรื่องแปลกประหลาด ก็ยังคงสติไว้ได้
“สมัยโบราณ หมอกับแมลงพิษกู่ไม่แยกสำนัก คนเป็นหมอยังทำอาชีพหมอผีดูดวงทำนายโชคชะตาควบคู่ไปด้วย หลังจากยุคจักรพรรดิเหลือง หมอยังคงรักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ ละทิ้งสิ่งเจือปน ตั้งใจรักษาโรคภัยไข้เจ็บอย่างเดียว แมลงพิษกู่ของเล่นพวกนี้ ถูกโยนทิ้งถูกมองเป็นของเหลือไปนานแล้ว
แต่นายกับดี เก็บมันขึ้นมาใหม่ ต่อให้แมลงพิษดีแค่ไหน ก็เป็นสิ่งแปลกปลอม ฉันขอเกลี้ยกล่อมนายสักสองประโยค รีบกลับมา ด้วยคุณสมบัติของนาย ยังมีโอกาสกลายเป็นหมอที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ อย่าหลงผิดเรียนวิชานอกรีต เมื่อสิบปีก่อนฉันรับลูกศิษย์ไว้ ได้ถ่ายทอดวิชาให้ต้นกล้าที่ดี แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากผ่านไปสิบปีเขาจะกลายเป็นพ่อครัว นายอย่าเดินตามเขาเด็ดขาด! สิ่งทั้งหลายล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกฎธรรมชาติ อย่างหลงเดินทางผิด ฉันเป็นนักพรตเต๋า เน้นเส้นทางที่ถูกต้องในอนาคตและรักษาตนให้สะอาดบริสุทธิ์”
เงาดำพูดจาฉะฉาน พร่ำสอนสั่งในฐานะของผู้อาวุโส ฉวีหมิงหมิงรู้สึกงงเล็กน้อย ในสายตาของเขา ไอ้หมอนี่ที่อยู่ตรงหน้าเหมือนคนโง่สุดๆ เหมือนคนแก่อวดรู้ พุทธะแท้ไร้รูปลักษณ์ ทุกทักษะวิชาต่างมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตน เขาใช้แมลงพิษรักษาโรค วิชาต่างกันแต่จุดประสงค์เดียวกันเท่านั้นเอง ยังต้องการให้คุณพูดซี้ซั้วอยู่ตรงนี้ไหม ทว่าฉวีหมิงหมิงยังคงกำหมัดคารวะ แล้วพูดด้วยความเคารพว่า “ผู้น้อยได้รับการสั่งสอนแล้ว”
“อืม เด็กมีอนาคตสอนได้ ฉันออกจากทงเฉิงไปสิบปี กลับพบว่าเมืองทงเฉิงในปัจจุบันสกปรกมาก มารร้ายออกอาละวาด ปีศาจปรากฏตัว วันนี้ฉันจึงไม่มีเวลามาสนใจนาย และหวังว่านายจะพยายามทำให้ดีที่สุด อีกอย่างคืนนี้ฉันจะไปกำจัดปีศาจ คืนความสดใสให้เมืองทงเฉิง คืนนี้นายอยู่ที่นี่อย่าออกไปข้างนอก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”
ฉวีหมิงหมิงตกใจทันที ด้วยสัญชาตญาณ ตอนที่ได้ยินเงาดำพูดว่าจะกำจัดมารและปีศาจ เขาจึงนึกถึงผีดิบสองสามตัวที่อยู่ในร้านหนังสือฝั่งตรงข้ามร้านตัวเอง แต่ตอนนี้ฉวีหมิงหมิงได้แต่ก้มหน้าเลือกที่จะให้ความร่วมมือ
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีเป็นสัญชาตญาณของคนอย่างหนึ่ง ฉวีหมิงหมิงกับพวกที่ร้านหนังสือเพิ่งรู้จักกันสองสามวันเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีความคิดที่จะทุ่มเทชีวิตเพื่อปกป้องพวกเขา ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะผ่านพ้นอันตรายไปได้อย่างปลอดภัย
“ถือว่านายฉลาด” เงาดำหายตัวเข้าไปในกำแพงอีกครั้ง
ฉวีหมิงหมิงนั่งอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าหดหู่
…
“เกอจีๆๆ…เกอจีๆ! คุณป้ากวาดถนน! เกอจีๆๆ…เกอจีๆ! อี้ซิวฉาง!”
นักพรตเฒ่าฮัมเพลงพร้อมกับกวาดถนนไปด้วย ตามหลักแล้วควรจะเป็นงานของพนักงานทำความสะอาดในวันพรุ่งนี้ นับว่านักพรตเฒ่าช่วยลดภาระของพวกเขา แน่นอนว่าถ้าหากพวกพนักงานทำความสะอาดมาเห็นคนแก่อายุใกล้เจ็ดสิบปีกำลังช่วยพวกเขากวาดถนน อาจจะไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหล แต่คิดว่าตาแก่คนนี้เป็นพวกนักต้มตุ๋นคิดจะเอาเรื่องกวาดถนนมาเรียกร้องเงินชดเชยใช่ไหม
เจ้าลิงนั่งอยู่บนไหล่ของนักพรตเฒ่า นักพรตเฒ่าซื้อกระเป๋าหนังสือใบเล็กให้มันหนึ่งใบ ในกระเป๋าหนังสือใส่สิ่งของจำพวกขนมและผลไม้อบแห้งเอาไว้ สำหรับเจ้าลิง นักพรตเฒ่าชอบมันจากใจจริง เขาไม่มีลูกชายไม่มีลูกสาว จึงเลี้ยงเจ้าลิงเป็นเหมือนลูกหลานแท้ๆ ของตัวเอง
ในร้านหนังสือ เจ้าลิงไม่ชอบขี้หน้าโจวเจ๋อ แต่กลับสนิทสนมกับนักพรตเฒ่าเป็นที่สุด ในเรื่องของการรู้บุญคุณคน บางครั้งสัตว์ยังน่าเชื่อถือกว่าคนเสียอีก เวลานี้เจ้าลิงกำลังแกะเปลือกถั่วลิสง ตัวเองกินหนึ่งเม็ด แล้วยัดใส่ปากของนักพรตเฒ่าหนึ่งเม็ด
หนึ่งคนหนึ่งลิงกวาดถนนอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าจะมืดมากแล้วก็ตาม แต่มีความสุขเป็นอย่างมาก เขากวาดไปกวาดมาแล้วลมก็พัดขึ้น จากนั้นขยะกองโตก็พัดเข้ามาโดยไม่รู้ว่ามาจากทิศไหน
แต่วินาทีต่อไปนักพรตเฒ่ากลับครุ่นคิดหนัก “ข้าก็รู้สึกว่าเจ้าพูดมีเหตุผลมาก ข้าต้องรักษาตัวเองให้บริสุทธิ์สะอาด ขอบใจเจ้าที่ชี้แนะ ข้าอยากเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วทิศ หากมีวาสนาค่อยเจอกันใหม่!” พูดจบ นักพรตเฒ่าจึงหมุนตัววิ่งหนี เขารู้อยู่แก่ใจดี เขาไม่ถนัดเรื่องต่อสู้เป็นอย่างมาก ชกต่อยกับคนทั่วไปเขากลับไม่กลัว แต่ตัวแปลกประหลาดระดับนี้ น่าจะมอบให้เถ้าแก่ของพวกเขารับหน้ามากกว่า แค่ต้องปกป้องตัวเองให้ดีเพื่อรับใช้เจ้านายของตัวเองในภายหลังก็นับว่าเป็นการอุทิศตัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
แต่ใครจะรู้ว่า เงาร่างหลังค่อมนี้จะหายตัวแวบเดียวก็โผล่มาขวางทางของนักพรตเฒ่า ขัดขวางการวิ่งหนีของเขาเอาไว้
“จะทำอะไร!” นักพรตเฒ่าชักขากลับด้วยความตกใจทันที
“คุณไปได้ แต่มัน ต้องอยู่ ปีศาจปรากฏตัว ทุกคนต้องกำจัดให้สิ้นซาก นี่คือหน้าที่ของคนที่ผดุงความเป็นธรรมอย่างฉัน!”
นักพรตเฒ่าไม่ไปแล้ว เจ้าลิงตกใจสองมือจับเสื้อตรงหัวไหล่ของนักพรตเฒ่าอย่างแน่น มันกังวลมากว่านักพรตเฒ่าจะทอดทิ้งมัน ทำให้มันนึกถึงความทรงจำที่ไม่ดีในชาติที่แล้ว
“อยากได้ลิงของข้า” นักพรตเฒ่าพูดตะคอก “อย่างนั้นข้าจะตีไข่ของเจ้า!”
นักพรตเฒ่าไม่หนีแล้ว ถ้าจะหนีก็ต้องหนีด้วยกัน! แต่ให้ตัวเองทิ้งเจ้าลิงแล้วหนี นักพรตเฒ่าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้!นักพรตเฒ่าที่มักพูดเสมอว่า ‘หากไม่มีข้าลู่ฟ่างเวิงเกิดมา โลกนี้ยังคงมืดมิดตลอดไป’ วันนี้ขอทำตัวหัวแข็งสักตั้ง
“เหอะๆ อย่างนั้นคุณก็ตายพร้อมกันเสียเถอะ คนโง่หลงงมงาย สมคบคิดกับปีศาจร้าย”
เจ้าลิงหยิบสมุดหยินหยางออกมาจากกระเป๋าหนังสือของตัวอง จากนั้นหันใส่เงาร่างหลังค่อมแล้วร้อง ‘เจี๊ยกๆๆ’ ถูกแล้ว สมุดหยินหยางของเถ้าแก่โจวอยู่กับเจ้าลิงตลอด นี่คือสไตล์การทำงานของเถ้าแก่โจว อาวุธวิเศษที่สำคัญขนาดนี้ ยังทิ้งให้เจ้าลิงดูแลรักษา
สไตล์การทำงานเอาแต่ใจแบบนี้ คงมีแต่ปลาเค็มโจวเท่านั้นที่ทำได้
“ฮ่าๆๆ…” เงาร่างหลังค่อมเห็นเจ้าลิงถือสมุดหยินหยางหันใส่ตัวเองจึงหัวเราะเสียงดังทันที จากนั้นชี้ไปที่เจ้าลิงแล้วพูดว่า “ใช้สมุดของราชวงศ์ที่แล้วมาสู้กับฉันในยุคนี้ ท่านเป็นผู้ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่จริงๆ”
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล