ตอนที่ 259 อาจารย์ที่มาชำระล้างสำนัก
บนถนนยางมะตอยในชนบท หนุ่มน้อยสะพายกระเป๋าหนังสือกำลังขี่จักรยานกลับบ้าน หนุ่มน้อยใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน ด้านล่างเป็นกางเกงยีนส์ ตัดผมทรงนักเรียน ไม่มีเครื่องประดับเยอะแยะ การแต่งตัวสไตล์ร็อกแบบญี่ปุ่นเป็นที่นิยมในยุคนี้ ทว่าเขากลับแต่งตัวเรียบง่ายอย่างเห็นได้ชัด
แต่หนุ่มน้อยกลับหน้าตาดีและสวยมาก มีความคล้ายบอยแบนด์เกาหลีใต้ที่ได้รับความนิยมในประเทศจีน แต่ซูเปอร์สตาร์เกาหลีใต้พวกนั้นต้องแต่งหน้าเวลาที่อยู่หน้ากล้อง เพื่อโชว์ความอ่อนโยนของตัวเองให้เด่นขึ้น แต่หนุ่มน้อยคนนี้ไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะมันเป็นธรรมชาติของเขาอยู่แล้ว
มีจักรยานสองสามคันขี่ตามมาอยู่ด้านข้าง คนที่เป็นตัวนำไว้ผมยาวกับผมหน้าม้าที่โอเวอร์มาก “เสี่ยวสวี่ ข้างหลังของนายดูดีจริงๆ ดูดีกว่าผู้หญิงในห้องของพวกเราอีก ฮ่าๆๆๆๆ!”
“ใช่ แม่งเอ๊ย ตอนแรกฉันก็ขี่จักรยานอยู่ดีๆ แต่พอเห็นหลังของนาย ทำให้ข้างล่างของฉันแข็งขึ้นมาเลย ตอนนี้ไม่รู้จะขี่จักรยานยังไงแล้ว”
“ใช่ๆๆ ต้องให้เสี่ยวสวี่รับผิดชอบ ให้เขาช่วยดับไฟให้นาย”
“ว่ากันว่าผู้หญิงปิดไฟแล้วก็เหมือนกันหมด เสี่ยวสวี่ไม่ต้องปิดไฟก็รู้สึกว่าไม่ต่างจากผู้หญิงตรงไหน”
เสี่ยวสวี่ที่ถูกมองว่าเป็นผู้หญิงขี่จักรยานของตัวเองต่อไป ไม่สนใจคำพูดของคนที่อยู่โดยรอบ เขาคุ้นชินแล้วตั้งแต่อนุบาลจนถึงตอนนี้ เขาเคยชินแล้วและเรียนรู้ที่จะมองข้าม ไม่ยอมให้แมลงวันแมลงหวี่มารบกวนจิตใจของตัวเองแต่ตอนนี้ มีคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ จงใจเลี้ยวรถเข้ามาขวางรถของเสี่ยวสวี่ไว้
“จะทำอะไร” เสี่ยวสวี่ถามพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ทำอะไร นายชนฉัน ยังจะถามว่าฉันทำอะไร” ขณะที่พูด เด็กนักเรียนชายคนนั้นลงมาจากรถ จับไหล่ของเสี่ยวสวี่โดยตรง
“แม่งเอ๊ย เนื้อตัวมีกลิ่นหอมเสียด้วย คงจะฉีดน้ำหอมแน่นอน นายคิดว่าเป็นผู้ชายอยู่ดีๆ แต่กลับแต่งหน้าตัวเองให้กลายเป็นผู้หญิง มันสนุกไหม ในเมื่อนายอยากเป็นผู้หญิง อย่างนั้นฉันก็จะให้นายได้สัมผัสความรู้สึกของการเป็นผู้หญิง!” การยั่วยุท้าทาย จริงๆ แล้วคือการหาข้ออ้างเท่านั้น สำหรับวัยรุ่นในช่วงวัยนี้ พวกเขาไม่รู้สึกอะไรกับการทำเรื่องพิเรนทร์ ไม่ หากจะพูดให้ถูกต้อง พวกเขายังไม่เข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับค่าตอบแทนที่ต้องได้รับจากเรื่องที่ทำต่างหาก
และด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงทำตัวกำเริบเสิบสานโดยไม่กังวล และในสายตาของพวกเขา กระทั่งในสายตาของผู้คนส่วนใหญ่ การรังแกผู้หญิงคนหนึ่ง หากถูกแพร่ออกไปจะทำให้เสียชื่อ แต่รังแกผู้ชายคนหนึ่งกลับไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ปล่อยผม ไสหัวไป!”
“โอ้ว สู้ด้วยแฮะ!”
โชคดีที่ช่วงวัยนี้ไม่มีความรักแบบชายรักชายอย่างแพร่หลาย เด็กผู้ชายพวกนี้แค่เล่นสนุกกันเท่านั้น ถือว่าหาความสนุกใส่ตัว จากนั้นก็ขี่จักรยานกลับบ้านใครบ้านมัน
เสี่ยวสวี่ลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นประคองรถจักรยานของตัวเองขึ้นมา เขาสงบนิ่งมาก ถูกรังแกก็ไม่โวยวายจะเป็นจะตาย นี่คือชีวิต ชีวิตของคนธรรมดาทั่วไป
“หน้าตาเหมือนผู้หญิงไม่ใช่ความผิดของนาย” เสียงคนแก่ดังมาจากด้านหลัง
หนุ่มน้อยตกตะลึงเหลือบตามองหนึ่งที เหมือนจะเป็นชาวไร่ ใส่รองเท้าปลดแอก สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่เห็นรอยปะบนนั้นชัดเจน
หนุ่มน้อยไม่สนใจชายชรา ขึ้นรถเตรียมกลับบ้าน
“นายไม่อยากมีความสามารถปกป้องตัวเองเหรอ” ชายชราถามต่อ
“คุณจะสอนวิชาสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรให้ผมเหรอ” หนุ่มน้อยย้อนถามหนึ่งประโยค “พ่อแม่ของผมอยู่บ้านกำลังรอผมกลับไปกินข้าว ไม่มีเวลามาสนใจคุณ”
ปีนั้นเป็นช่วงที่ภาพยนตร์ ‘คนเล็กหมัดเทวดา’ ที่โจวซิงฉือแสดงกำลังโด่งดังเลยทีเดียว และฉากนั้นกับมุกตลกนั่นก็เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
ชายชรายืนอยู่ที่เดิม มองเงาหลังของหนุ่มน้อยขี่จักรยานไกลออกไปอย่างช้าๆ แล้วพึมพำว่า “อ้อ ถ้าพ่อแม่ตายก็มีเวลาสนใจฉันแล้วใช่ไหม”
วันรุ่งขึ้น หนุ่มน้อยที่กำลังเข้าเรียนถูกคุณอาเรียกออกมา บอกว่าพ่อแม่จมน้ำตายอยู่ในบ่อปลา พ่อแม่ของหนุ่มน้อยถือว่าเป็นคนที่มีมันสมองในยุคนั้น โดยเฉพาะในพื้นที่แถบชนบทแบบนี้ กล้าที่จะกู้เงินซื้อที่ดินทำบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปกล้าทำ
ได้ยินว่าตอนที่พ่อแม่กำลังดูแลจัดการบ่อปลา แม่ตกลงไปในน้ำก่อน ตอนที่พ่อลงไปลากแม่ขึ้นมาก็ตกน้ำไปด้วย คนที่ว่ายน้ำแข็งทั้งสองคนจมน้ำตายแบบไม่มีสาเหตุเช่นนี้ จึงเหลือหนุ่มน้อยเพียงคนเดียว
ภายใต้การช่วยเหลือของเพื่อนสนิทและญาติพี่น้องจึงเริ่มจัดงานศพอย่างงุนงงสับสน หนุ่มน้อยเหมือนหุ่นกระบอก ถูกควบคุมให้เขาทำในสิ่งที่สมควรทำเพื่อแสดงความ ‘กตัญญู’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล