ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 275

สรุปบท ตอนที่ 275 สาวน้อยโลลิที่ขุ่นเคือง: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอน ตอนที่ 275 สาวน้อยโลลิที่ขุ่นเคือง จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 275 สาวน้อยโลลิที่ขุ่นเคือง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 275 สาวน้อยโลลิที่ขุ่นเคือง

หวังเคอยืนตะโกนอยู่เรียกหน้าประตูนานสองนาน แต่สาวน้อยโลลิที่อยู่ข้างในกลับไม่เปิดประตูเสียที ไม่ว่าเขาจะพูดโน้มน้าวใจอย่างไร ก็ไม่รู้สึกหวั่นไหวใดๆ

สุดท้ายจึงต้องจำยอม หวังเคอทำได้เพียงถอนหายใจและหันหลังกลับไปมองโจวเจ๋อ “เอาอย่างนี้แล้วกัน ให้เธออยู่กับนายที่นี่ไปก่อน มีนายคอยดูแลเธอให้ ฉันก็วางใจ”

โจวเจ๋อพยักหน้า

หวังเคอไปแล้ว ออกจากร้านหนังสือไป ภาพจากด้านหลังดูเปล่าเปลี่ยวเดียวดายไร้ชีวิตชีวา

ที่จริง โจวเจ๋อรู้สึกว่าเพื่อนที่โตมาด้วยกันคนนี้น่าสงสารมากทีเดียว ออกจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามา และต่อสู้อย่างสุดชีวิตมาจนถึงตอนนี้ ในสายตาคนรอบข้างเขาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมานานแล้ว

แต่ภรรยาของเขากลับป่วยทางจิต ลูกสาวก็ถูกยมทูตสิงร่าง ลำบากตรากตรำอะไรอย่างนี้ ที่จริงแล้วเป็นเหมือน ‘คนหัวเดียวกระเทียมลีบ’ มากกว่า

หลังจากรอจนหวังเคอไปแล้ว โจวเจ๋อก็ยื่นมือไปเคาะประตู

“เขาไปแล้ว”

‘แอ๊ด’

ประตูเปิดออกแล้ว สาวน้อยโลลิยืนอยู่หลังประตู

โจวเจ๋อเดินเข้ามาและรินน้ำให้ตัวเอง

สาวน้อยโลลินั่งอยู่บนขอบหน้าต่าง ด้านล่างเป็นถนนคนเดินหนานต้าที่ผู้คนค่อนข้างคับคั่งเลยทีเดียว

“ช่วงก่อนหน้านี้คนที่เพิ่งจะแนะนำให้ผมเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกแบบนี้คือใครกัน”

หวังเคอไม่อยู่ โจวเจ๋อสามารถพูดอย่างเป็นกันเองได้มากขึ้น

สาวน้อยโลลิส่ายหน้า “เรื่องมันร้ายแรงกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มาก”

“มันร้ายแรงขนาดไหนกันแน่”

“ร้ายแรงจนข้าอยากจะฆ่าจิตวิญญาณอีกหนึ่งดวงที่อยู่ในร่างนี้ทิ้ง” สาวน้อยโลลิพูดอย่างจริงจังมาก “ทำให้ตัวเองกลายเป็นเหมือนเจ้ายังไงล่ะ เดิมที เก็บเธอเอาไว้ เพียงแค่ทำให้ร่างกายนี้สามารถกินข้าวและนอนหลับได้อย่างเป็นปกติก็เท่านั้น ตอนนี้เจ้าก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไม่ใช่เหรอ อยู่ดีกินดีเหมือนหมูในเล้าพวกนั้นเลย”

“งั้นคุณคิดหาวิธีเอาเองก็แล้วกัน อย่าคิดว่าอีกหน่อยจะมาอยู่มากินที่นี่เชียวนะ คนที่ร้านหนังสือผมเลี้ยงเอาไว้มากพออยู่แล้ว คุณเข้าใจมันดี การจัดการทุกอย่างที่นี่แพงมากเลยนะ”

“เหอะๆ” สาวน้อยโลลิแค่นเสียงหัวเราะ

“ทำไมเมื่อกี้ไม่เปิดประตู” โจวเจ๋อถาม

“ข้าไม่กล้าเจอหน้าเขา”

“ไม่กล้าเหรอ”

“เขาเป็นคนฉลาดมากคนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะซวยมากก็ตาม แต่ก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาฉลาดมาก”

“อืม”

โจวเจ๋อยอมรับในข้อนี้ แต่โดยทั่วไปแล้ว คนที่สามารถต่อสู้ดิ้นรนไปสู่จุดสูงสุดโดยที่ไม่พึ่งพาภูมิหลังของครอบครัวได้สำเร็จ ไม่มีทางเป็นคนโง่หรอก

“ข้ากลัวว่าหลังจากที่ข้าเจอเขา ข้าจะอดใจไม่ไหวกลับบ้านไปกับเขาน่ะ”

“เฮ้อ…”

“ดวงตาของเขาราวกับสามารถอ่านใจคนได้ กระทั่งข้ารู้สึกว่าเขาน่าจะดูออกมานานแล้วว่าข้าแปลกไป แต่เขากลับยังแกล้งโง่อยู่อย่างนั้น”

“จุดประสงค์คืออะไร”

“จุดประสงค์คือเขาคิดว่าถ้ามองข้าเป็นลูกสาวของเขา แบไต๋อารมณ์ความรู้สึก ข้าก็จะไม่ทำร้ายลูกสาวจริงๆ ของเขา อีกอย่าง ข้าจะนับว่าเขาเป็นพ่อของข้าจริงๆ”

โจวเจ๋อจุดบุหรี่หนึ่งมวน

“ระยะนี้ข้าจะอาศัยอยู่กับเจ้าที่นี่นะ”

“ผมเคยบอกไปแล้วนะ ที่นี่แออัดมาก…”

“เจ้าเป็นหัวหน้าของข้า ข้าอยู่ข้างกายเจ้าคอยฟังคำสั่งและไปทำธุระให้มันผิดด้วยเหรอ”

“ผิดน่ะมันก็ไม่ผิดหรอก แต่…”

“หรือเจ้าคิดว่าข้าไม่น่ารักมากพอ”

สาวน้อยโลลิกระโดดลงจากหน้าต่าง เดินมาด้านหน้าโจวเจ๋อ เธอเงยหน้าขึ้นอย่างน่ารักน่าเอ็นดู และมองโจวเจ๋อด้วยดวงตากลมโตกะพริบถี่ๆ ราวกับดวงดาวที่สุกสกาวบนท้องฟ้า

“ไม่ใช่ ผม…”

“เจ้าคิดว่าเวลาที่ข้าคิดจะเอาใจคนอื่นขึ้นมาจริงๆ จะสู้ผีดิบโง่ๆ ตนนั้นไม่ได้เลยเหรอ”

“ไม่ใช่ ผม…”

“ข้ามีร่างกายที่น่ารักบอบบาง เป็นหญิงสาวที่มีจิตใจดีงาม”

“นี่…”

“ข้ามีประสบการณ์หลากหลาย”

“ไม่…”

“ข้าสามารถทำให้จินตนาการแบบนั้นที่สิ่งมีชีวิตเพศผู้อย่างเจ้าเพ้อฝันอยากจะมีมาตลอดได้รับการเติมเต็มและรู้สึกพึงพอใจได้”

‘ป้าบ!’

โจวเจ๋ออุ้มสาวน้อยโลลิขึ้นมาตี ท้องและก้นของเธอเต็มไปด้วยรอยมือ

สาวน้อยโลลิตะลึงงัน

เชี่ยเอ๊ย

เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร!

“ผมให้คุณเป็นหญิงกุลสตรี!”

‘ป้าบๆ!!!’

“ผมให้คุณมากประสบการณ์เหรอ!”

‘ป้าบๆ!!!’

“ผมให้คุณซุกซนเหรอ!”

‘เพียะ!!!’

“โจวเจ๋อ เจ้าบ้านี่ ปล่อยข้านะ!”

‘ป้าบ!’

“โจวเจ๋อ เจ้ามันไม่ใช่คน!”

‘ป้าบ!’

“โจวเจ๋อ เจ้ามันหมาบ้า!”

‘ป้าบ!’

“โจวเจ๋อ เจ้ามันไอ้ชั่วไอ้ขันทีจู๋เสื่อม!”

‘ป้าบๆๆ ป้าบๆๆ เพียะๆๆ เพียะๆๆ ป้าบๆๆ ป้าบๆๆ!!!’

‘ฟู่ว…’

โจวเจ๋อถอนหายใจยาวและเหลือบมองฝ่ามือของตัวเอง ตีจนแดงไปหมดแล้ว

“โจวเจ๋อ…เจ้า…”

สาวน้อยโลลินอนคว่ำอยู่บนเตียง น้ำมูกน้ำตาไหลอาบเต็มใบหน้าน้อยๆ น่าสงสารจับใจ

“เถ้าแก่ นี่ไม่ใช่ทางไปโรงพยาบาลประชาชนและโรงพยาบาลในเครือนะเจ้าคะ”

“แถวนี้มีโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเปิดใหม่ คุณภาพการรักษาค่อนข้างสูง ไปที่นั่นกันเถอะ”

รถแล่นมาถึงทางเข้าโรงพยาบาลเอกชน และจอดตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

เมื่อลงจากรถ ไป๋อิงอิงยังคงแบก ‘กระสอบสวี่’ ต่อไป เดินตามหลังเถ้าแก่ของนางเข้าไปภายใต้สายตาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่มองมา

แม้ว่าจะเป็นโรงพยาบาลเอกชน แต่คนที่อยู่ข้างในนั้นก็มีจำนวนไม่น้อยเลย นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เช่นกัน โจวเจ๋อที่เคยเป็นแพทย์มาก่อนรู้ดีว่าทรัพยากรทางการแพทย์ในประเทศมีจำกัดมากแค่ไหน

“หาที่วางลงมาก่อน ผมจะไปลงทะเบียน” โจวเจ๋อบอกไป๋อิงอิง

ไป๋อิงอิงพยักหน้าและแบกสวี่ชิงหล่างไปหาที่ว่างในล็อบบี้

รอจนโจวเจ๋อลงทะเบียนกลับมา กลับพบว่าไป๋อิงอิงยังยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนกำลังทะเลาะกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า

“รบกวนคุณช่วยย้ายของออกไปหน่อยค่ะ ฉันมีคนป่วยจะนั่งตรงนี้”

“ย้ายเย้ยอะไร นี่มันข้าวของของฉัน เธอรู้ไหมว่ามันหนักแค่ไหนน่ะ”

“รบกวนย้ายออกด้วยค่ะ” อิงอิงเริ่มเข้าสู่การอารมณ์เหวี่ยงวีน นอกจากเวลาที่อยู่กับโจวเจ๋อแล้ว เวลาอื่นอารมณ์ของผีดิบสาวก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก

โจวเจ๋อเข้าใจแล้ว เป็นเพราะอีกฝ่ายนั่งอยู่ที่นั่งเดียว แต่ข้าวของของเขาวางกินที่ไปแล้วสามที่นั่ง อิงอิงอยากให้เขาเว้นที่นั่งไว้หนึ่งที่ แต่เขาไม่ยอม

“พี่ชาย ย้ายออกสักที่หนึ่งสิ” โจวเจ๋อรีบออกตัวช่วยไป๋อิงอิง

ครั้งที่แล้วเขาเคยเห็นมาแล้วว่าเด็กโง่คนนี้หวดคนในคลับอย่างไร ที่นี่คือโรงพยาบาล มันไม่สะดวก

“หึ ของฉันเยอะแยะ ฉันจะวางตรงนี้ มันทำไมเหรอ ทำไมต้องยกให้นายด้วย ครอบครัวนายก่อตั้งโรงพยาบาลนี้ขึ้นมาหรือไง” ชายหนุ่มบุ้ยปากอย่างดูถูกดูแคลน

“ครอบครัวเขาก่อตั้งน่ะ”

ในเวลานี้ มีหญิงสาวสวมชุดกาวน์สีขาวคนหนึ่งเดินเข้ามา หญิงสาวสูงเพรียว ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน สวมใส่ชุดกาวน์สีขาว มัดผมรวบขึ้น ทำให้ยิ่งดูเก่งกาจมากความสามารถ มีออร่าน่าเกรงขามในทุกอิริยาบถ

“คุณหมอ คุณเป็นใคร”

“เธอเป็นผู้อำนวยการของเรา” พยาบาลสาวผู้ติดตามที่อยู่ข้างๆ ตอบ พยาบาลสาวคนนี้โจวเจ๋อรู้จักด้วย แต่ลืมไปแล้วว่าชื่อแซ่อะไร แต่จำได้ว่าตอนแรกเป็นเพราะเรื่องดวงวิญญาณของลูกที่เธอทำแท้งยังเคยไปที่ร้านหนังสือของโจวเจ๋อจนถูกโจวเจ๋อพาตัวไปแล้ว

พยาบาลสาวชี้ไปที่โจวเจ๋อและเอ่ยขึ้น “เขาเป็นสามีผู้อำนวยการของเราน่ะ”

ชายหนุ่มหยุดพล่ามทันทีและเอาของลงมาวางข้างล่าง แต่เอ่ยขึ้นอย่างหดหู่เล็กน้อย “มาหาหมอที่โรงพยาบาลตัวเอง ยังจะบ้ามาต่อคิวอีก เล่นเป็นฮ่องเต้ปลอมตัวตรวจราชการอยู่หรือไง”

โจวเจ๋อมองหมอหลิน พบว่าสีหน้าช่วงนี้ของหมอหลินดีขึ้นมากทีเดียว ดูมีชีวิตชีวากว่าก่อนหน้านี้มาก หุ่นที่เดิมทีผอมบางของเธอกลับมาอวบอิ่มกำลังดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

“คุณเปิดโรงพยาบาลเหรอ” โจวเจ๋อถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

“ฉันลาออกแล้วค่ะ ที่บ้านเปิดโรงพยาบาลแห่งนี้ให้น่ะ” หมอหลินยิ้มๆ ชี้สวี่ชิงหล่างที่หมดสติและบอกพยาบาลที่อยู่ข้างๆ “จัดเตรียมไปแผนกต้อนรับเฉพาะ”

“ได้ค่ะ พี่หลิน”

ทันใดนั้นก็มีพยาบาลรับจ้างและแพทย์เข้ามา นำสวี่ชิงหล่างไปวางไว้บนรถเข็นเปลและเข็นเข้าไป จัดการเปิดช่องทางเดินสีเขียววีไอพี

“ไป ไปดูหน่อยสิ” โจวเจ๋อตะโกนบอกไป๋อิงอิง จากนั้นเดินตามหมอหลินไป

ไป๋อิงอิงไม่ได้รีบตามไป แต่กระทืบเท้าเบาๆ และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไปหาสายหนึ่ง

“ฮัลโหล สวัสดีครับคุณไป๋ บ้านหลังนั้นเราได้ซื้อไปแล้ว ผมกำลังคิดว่าจะแจ้งให้คุณทราบ บังเอิญว่าคุณโทรมาพอดี…”

“อย่าพูดมาก”

“เอ่อ…คุณผู้หญิงไป๋ มีเรื่องอะไรเหรอครับ คุณสั่งมาเลยครับ ผมจะปฏิบัติตามแน่นอน”

“ฉันจะซื้อโรงพยาบาล รบกวนคุณช่วยฉันดูหน่อยว่ามีโรงพยาบาลไหนเหมาะสมและสามารถซื้อได้บ้าง”

“…” ผู้จัดการ

……………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล