ตอนที่ 279 บ้าน
“ครอบครัวคุณรวยขนาดนี้เลยเหรอ”
โจวเจ๋อยื่นบุหรี่ให้จางเยี่ยนเฟิงหนึ่งมวนพลางเอ่ยถาม
มีเหตุผลที่ต้องถามแบบนี้น่ะ
และด้วยเหตุนี้ โจวเจ๋อเลยอินกับมันมาก เป็นเพราะลงเรือลำเดียวกันกับตัวเองแล้ว อย่างน้อยๆ ก็เป็นอย่างนี้มาสักพักแล้ว
คำว่าหลานนอกกับหลานในมีความแตกต่างกันอย่างไร
คำว่าหลานนอกเป็นลูกที่เกิดจากน้องสาวหรือพี่สาวและน้องเขยหรือพี่เขยของคุณ ไม่ได้ใช้นามสกุลของพวกคุณ
ส่วนหลานในเป็นลูกที่เกิดจากพี่ชายหรือน้องชายและน้องสะใภ้หรือพี่สะใภ้ของคุณ ใช้นามสกุลเดียวกับคุณ
หลานที่ใช้สกุลของครอบครัวตัวเองเรียกหลานใน หลานที่ใช้สกุลของครอบครัวคนอื่นเรียกหลานนอก เพราะพี่สาวของคุณหรือน้องสาวของคุณแต่งเข้าครอบครัวคนอื่น เด็กที่เกิดมาก็เป็นของครอบครัวคนอื่นเช่นกัน
แน่นอนว่าในนี้มีข้อยกเว้นเป็นกรณีพิเศษอยู่ กรณีพิเศษที่ว่านี้ก็คือ ถ้าหากว่าคนนั้นเป็นเขยแต่งเข้าบ้าน นั่นจะแตกต่างออกไป
หากเถ้าแก่โจวไม่เข้ามาก้าวก่าย ตัวตนของสวีเล่อในตอนนั้นฐานะทางสังคมคงจะพอๆ กับน้องเขยของจางเยี่ยนเฟิง
“เมื่อก่อนที่บ้านเคยเปิดโรงงานเล็กๆ น่ะ ตอนที่พ่อแม่ยังอยู่ได้จัดงานแต่งงานครั้งนี้ให้น้องสาว พ่อของผมก็เป็นตำรวจเช่นกัน เมื่อก่อนแม่ของผมเป็นคนก่อตั้งโรงงานขึ้นมา หลังจากที่น้องสาวแต่งงานแล้ว เรื่องพื้นฐานต่างๆ ในโรงงานก็ยกให้น้องเขยเป็นคนดูแล ถึงอย่างไรผมก็ไม่ถนัดทำธุรกิจอยู่แล้ว แถมยังขี้เกียจเปลืองสมองและเสียเวลาไปกับเรื่องพวกนั้นด้วย
หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อห้าปีที่แล้ว โรงงานก็ปิดตัวลง เป็นเพราะผลกระทบของเรื่องนี้ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทั้งพ่อและแม่ก็เสียชีวิตตามกันไป”
ตอนที่จางเยี่ยนเฟิงเอ่ยคำพูดพวกนี้ทำเหมือนเป็นคนนอกเสียอย่างนั้น มันเป็นสัญชาตญาณความเป็นมืออาชีพเขาเป็นตำรวจอาชญากรรมอาวุโส จึงรู้ว่าอารมณ์บางอย่างไม่เหมาะสมที่จะนำมาปะปนกับเรื่องงานเป็นธรรมดา
“รอเดี๋ยว”
โจวเจ๋อยกมือขึ้นด้วยความสับสนเล็กน้อย
“ตอนนี้น้องเขยของคุณเข้าคุกไปแล้ว ใช่ไหม”
“อืม เข้าไปแล้ว เพราะความผิดฐานกระทำการทารุณกรรมน่ะ”
“แล้วใครเป็นคนประกาศขายบ้านหลังนี้ล่ะ” โจวเจ๋อถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
บ้านหลังนี้โอนกรรมสิทธิ์ให้อิงอิงเรียบร้อยแล้วละมั้ง ดังนั้นอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทรัพย์สินของครอบครัวน้องสาวจางเยี่ยนเฟิง ในปัจจุบันถือว่าเป็นทรัพย์สินของอิงอิง ซึ่งก็คือทรัพย์สินของโจวเจ๋อด้วย
“ถูกขายเหรอ” จางเยี่ยนเฟิงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้เลย
“อืม น่าจะถูกครอบครัวผมซื้อมาแล้วน่ะ”
“คุณซื้อบ้านหลังนี้เหรอ”
“ไม่ได้เหรอครับ”
“คุณ…” จากเยี่ยนเฟิงไม่รู้จะพูดอะไร
“ดังนั้นต่อให้เรื่องในครั้งนี้คุณไม่ได้มาขอร้องผม ผมก็จะมาดูอยู่แล้ว ไม่ว่ายังไงก็ตาม บ้านของครอบครัวตัวเองเราจะต้องได้รับความชัดเจนตั้งแต่เริ่มจนจบแน่นอน”
“ญาติฝั่งน้องเขยน่าจะเป็นคนขายบ้านละมั้ง ตอนนั้นใบโฉนดบ้านก็สลักเป็นชื่อของน้องเขยด้วย”
“นี่เป็นเรื่องของครอบครัวคุณ ถึงอย่างไรฝั่งผมก็ซื้อบ้านมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”
“มันก็แค่บ้าน ที่ผมต้องการคือความจริง ความจริงเกี่ยวกับสาเหตุการตายของน้องสาวและหลานทั้งสองคนของผมต่างหาก” จางเยี่ยนเฟิงเอ่ยเสียงทุ้ม
มันก็แค่บ้าน
โจวเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วแหงนมองท้องฟ้า
บ้านหลังนี้ไม่ได้ทำความสะอาดมานานมาก จางเยี่ยนเฟิงมาบ้างเป็นครั้งคราว แต่จะให้เขาหยิบไม้กวาดมากวาด เอาผ้าขี้ริ้วหรืออะไรสักอย่างมาถูๆ ไถๆ ทำความสะอาดที่นี่ก็เป็นไปไม่ได้
บนโซฟาก็มีฝุ่นหนาเป็นชั้นๆ โจวเจ๋อเป่าข้างบนนั้นแล้วนั่งลงไปพลางถามขึ้น
“เหตุการณ์จริงๆ มันเป็นยังไงคุณบอกผมมาหน่อย ผมยังดูแฟ้มคดีไม่จบน่ะ กินยาพิษฆ่าตัวตายใช่ไหม”
“ใช่ กินยาพิษฆ่าตัวตาย ตอนนั้นน้องสาวของผมและลูกๆ ทั้งสองคนของเธอนอนกอดกันเสียชีวิตอยู่ตรงนั้น”
“ตรงไหนนะ”
“บนโซฟาที่คุณนั่งอยู่ตอนนี้ไง”
“…” โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อเอี้ยวหัวไปมอง ไม่เห็นอะไรเลย แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ตกอกตกใจ เถ้าแก่โจวมีอะไรที่ไม่เคยเจอบ้างล่ะ ยังจะกลัวสิ่งนี้อยู่อีกเหรอ
“ในเมื่อเป็นการฆ่าตัวตาย แล้วทำไมต้องลากน้องเขยของคุณเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย” โจวเจ๋อไม่เข้าใจนิดหน่อย “นี่ คงไม่ใช่เพราะว่าคุณจงใจทำไปเพื่อระบายความโกรธหรอกนะ”
มันเป็นแค่มุกตลก โจวเจ๋อยังคงเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ของคนอย่างจางเยี่ยนเฟิง เขาเป็นตำรวจที่ดี ไม่มีทางทำเรื่องประเภทนั้นหรอก
“เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนในครอบครัวของผม ดังนั้นผมเลยหลีกเลี่ยงมัน และคดีนี้ก็ไม่ใช่คดีที่ผมรับทำโดยเฉพาะด้วย
ตอนนั้นผู้พบศพคือแม่บ้านที่มาปัดกวาดทำความสะอาดบ้านทุกวัน เธอโทรแจ้งตำรวจ
เมื่อทางตำรวจของเราตรวจสอบร่างกายศพนั้น พบว่าบนร่างกายน้องสาวของผมและลูกทั้งสองคนของเธอมีร่องรอยของการถูกมัดและรอยแผลจากการถูกทำร้ายร่างกายอย่างชัดเจน แถมยังมีร่องรอยทั้งเก่าและใหม่ที่พิสูจน์ได้ว่าถูกทารุณและมีการใช้ความรุนแรงในครอบครัวมาเป็นเวลานานแล้ว
ดังนั้น ผลการสืบสวนของทางตำรวจคือพวกเขาทนความรุนแรงในครอบครัวและการทารุณอีกต่อไปไม่ไหวจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย น้องสาวของผมถึงได้ทำเรื่องโง่ๆ พาลูกทั้งสองคนของเธอกินยาฆ่าตัวตายไปด้วยกัน”
“คดีมันก็ชัดเจนในตัวแล้วไม่ใช่เหรอ” โจวเจ๋อถาม
“น้องเขยของผมเขาไม่ยอมรับ” จางเยี่ยนเฟิงพูด
“แต่ก็ถูกตัดสินจำคุกไปแล้ว”
“แม้ว่าจะไม่ใช่ความผิดโทษฐานฆาตกรรม แต่ก็ถูกตัดสินจำคุกไปสิบปี เหตุผลก็คือการกักขังหน่วงเหนี่ยวและทารุณกรรมจนก่อให้เกิดผลที่ร้ายแรงตามมา” จางเยี่ยนเฟิงพูด
“ดังนั้น สาเหตุที่คุณจะสืบต่อไปนั้นมันคืออะไร” โจวเจ๋อถามอย่างสงสัยเล็กน้อย
คดีก็ชัดเจนมากอยู่แล้ว
“น้องเขยของผมคนนั้นไม่ใช่คนอย่างนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นเขยแต่งเข้าบ้าน แต่ครอบครัวของเราก็ปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี พ่อแม่ของผมตอนยังอยู่สนิทชิดเชื้อกับเขามากกว่าลูกชายอย่างผมเสียอีก”
โจวเจ๋อแคะหู ครอบครัวบ้านไหนก็พูดอย่างนี้กันทั้งนั้น
โจวเจ๋อรับประกันได้เลยว่าพ่อแม่ของหมอหลินตอนที่เล่าเรื่องตัวเองให้พวกญาติๆ ฟัง ก็คงบอกว่าพวกเขาปฏิบัติต่อลูกเขยคนนี้เป็นอย่างดีแน่นอน แต่ตอนนี้ลูกเขยคนนี้กลายเป็นหมาป่าตาขาว[1]ที่ไม่กล้าแม้แต่จะกลับบ้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล