ตอนที่ 359 น่าอนาถ
เถ้าแก่โจวพูดถึงสัตว์ขนาดเล็กใช่ว่าพูดขึ้นมาลอยๆ และไม่ได้พูดเพื่อสนุกปากเท่านั้น เพราะเขาพลันนึกขึ้นได้ว่าในสมุดหยินหยางที่อยู่ในร้านหนังสือของตัวเองมีสัตว์เทพเจ้าจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือสองตัว
เขาจะจับคนพวกนั้นขังเอาไว้ตลอดก็ใช่ที่ ควรหาวิธีปล่อยพวกมันออกมาแสดงอิทธิฤทธิ์บ้าง เพื่อให้พวกมันได้อุทิศตนเพื่อการสร้างอนาคตของร้านหนังสือ ดังนั้นตอนที่ออกมาจากบ้านเดี่ยวหลังนั้น โจวเจ๋อได้สั่งให้นักพรตเฒ่าไปซื้องูและพังพอนกลับมา
นักพรตเฒ่าพยักหน้า ถึงแม้ในเมืองทงเฉิงนี้อยากจะหาซื้อพังพอนค่อนข้างยากเย็น แต่นักพรตเฒ่ามั่นใจว่าตัวเองสามารถทำได้ เขามั่นใจในตำแหน่งของตัวเองเป็นอย่างมาก
เถ้าแก่อยากหาคนวิ่งงาน เขาก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีและสมบูรณ์แบบ ถ้าเถ้าแก่หมดแรงแล้ว เวลาที่จำเป็นต้องมีคนคอยดันก้นอยู่ข้างหลัง เขาจะเป็นคนทำเอง
ระหว่างที่เดินทางกลับ สาวน้อยโลลิตื่นเต้นมาก ชวนทนายอันพูดคุยไม่หยุด ประมาณว่าอยากขอวิธีฟื้นฟูและพัฒนาพลังของลิ้นตัวเองว่าต้องทำอย่างไร และทำอย่างไรเพื่อให้ทักษะการใช้ปากของตัวเองดียิ่งขึ้น
ทนายอันจึงแนะนำไปสองสามข้อ ทำให้สาวน้อยโลลิได้รับความรู้มากมาย วันนี้เหมือนหินก้อนหนึ่งถูกโยนทิ้งลงไปในแม่น้ำ แต่จริงๆ แล้วกลับมีคลื่นน้ำแตกกระเซ็นไม่เยอะ ทว่าตอนที่โจวเจ๋อออกมาจากห้องนอนตอนเย็น พบว่ามีความเคลื่อนไหวในห้องของเหล่าสวี่
โจวเจ๋อผลักประตูห้องของเหล่าสวี่ เขาเห็นเหล่าสวี่กำลังนั่งวาดยันต์กระดาษอยู่ที่หน้าโต๊ะ เขาเปลือยกายท่อนบน ใช้นิ้วมือจุ่มลงในชาดสีแดงแล้ววาดยันต์กระดาษอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่าจะเปิดแอร์ภายในห้อง แต่เขายังมีเหงื่อไหลเต็มหลัง ส่วนร่างกายท่อนล่างนั้นกลับย่อลงเป็นท่านั่งม้า ทั้งการฝึกฝนร่างกายและวาดยันต์กระดาษไม่มีสิ่งใดถูกละเลยเลยจริงๆ
โจวเจ๋อเบิกตาโตด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน สวี่ชิงหล่างจะเกลียดการทำท่านั่งม้าแบบนี้จนเข้ากระดูกดำแน่นอน เขารู้สึกว่าจะทำให้กล้ามเนื้อของตัวเองพัฒนามากเกินไปแล้วจะมีผลกระทบต่อรูปขาของตัวเอง
“เหล่าสวี่ ขยันจัง” สวี่ชิงหล่างพยักหน้าโดยไม่หันไปมองโจวเจ๋อเลย โจวเจ๋อลองคุยเล่นด้วยแต่ไม่ได้ผลจึงเดินออกไป
เขาเดินลงมาข้างล่าง เห็นสาวน้อยโลลินั่งอยู่ในห้องพิเศษส่วนตัว เมื่อมองลอดผ่านช่องว่างเข้าไปในห้องพิเศษส่วนตัว ก็เห็นสาวน้อยโลลิที่อยู่ข้างในกำลังทำท่ามุทราอย่างต่อเนื่อง ลิ้นตวัดมั่วซั่วไปมา เกิดเสียงดัง ‘สวบๆๆ’ ไม่หยุด
เดดพูลกลับนั่งอยู่กับทนายอัน ดูเหมือนทนายอันกำลังพูดอะไรกับเขา และเดดพูลก็พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ ทนายอันยังหยิบโทรศัพท์ออกมาหารูปภาพและวิดีโอให้เดดพูลดูด้วย
เดดพูลมองพร้อมกับแลบลิ้นออกมาตวัดกินยุงที่บินเข้ามา ส่วนเขาจะดูเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ตัวเขาเองอาจจะไม่รู้ แต่ทนายอันเหมือนครูอนุบาลที่รักเด็ก คอยอธิบายให้เขาฟังไม่หยุด ไม่มีความรำคาญแม้แต่น้อย
ชั่วเวลาหนึ่ง โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว เมื่อก่อนพนักงานในร้านของเขามีเงินเยอะกว่าเขา เขาจึงโดนทอดทิ้งอย่างโดดเดี่ยว ตอนนี้พนักงานในร้านของเขาขยันมากกว่าเขา เขาจึงโดดทอดทิ้งอีกแล้ว
เขานั่งลงที่ตำแหน่งประจำของตัวเอง ไป๋อิงอิงยกน้ำชาเข้ามาวางลงตรงหน้าโจวเจ๋อ โจวเจ๋อถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ไม่ว่าโลกภายนอกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร อิงอิงจะคอยอยู่ข้างกายเขาเสมอ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“เถ้าแก่ ทนายอันพูดว่าข้าไม่ควรเสียเวลาเล่นเกมนานเกินไป ต้องไปฝึกฝนวิชา อย่างเช่นสมัครเรียนเทควันโดอะไรพวกนี้ เขาบอกว่าข้ามีพลังเยอะ ร่างกายก็แข็งแรง แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าควรจะต่อสู้ยังไง จึงต้องไปเรียน ข้ารู้สึกว่าเขาพูดถูก ต่อไปเวลาที่เถ้าแก่ต้องต่อสู้ จะได้ใช้งานอิงอิงได้เจ้าค่ะ!!!”
“…” โจวเจ๋อ
เวลานี้โจวเจ๋อพลันได้กลิ่นหอมโชยมาจากห้องครัว เหล่าสวี่กำลังฝึกฝนวิชาอยู่ในห้องแท้ๆ แล้วใครเป็นคนทำกับข้าว
“ใครอยู่ในห้องครัว” โจวเจ๋อถาม
เวลานี้นักพรตเฒ่าลูบติ่งหูของตัวเองเดินลงมาจากชั้นบน เมื่อเห็นโจวเจ๋อลงมาข้างล่างแล้ว เขาจึงรีบตะโกนพูดเพื่อทำผลงานทันที “เถ้าแก่ ตุ๋นรวมมิตรใกล้จะเสร็จแล้ว ทำเป็นอาหารมื้อดึกคืนนี้ไหม ข้าไม่ได้พูดโม้จริงๆ นะ ถ้าจะหาพังพอนที่ร่าเริงสดใสในทงเฉิงสักตัวยากมากจริงๆ งูพอหาได้ง่ายหน่อย มีเยอะพอสมควร แต่พังพอนไม่มีจริงๆ คนทางนี้ก็ไม่ชอบกินอาหารป่าอย่างนี้ด้วย ต้องใช้ความพยายามมากเลยกว่าจะได้ตัวมา”
“จากนั้น คุณก็จับพวกมันมาต้มกิน” โจวเจ๋อแสดงสีหน้าจนปัญญาออกมาบนใบหน้า เขาสั่งให้นักพรตเฒ่าซื้องูกับพังพอนมาเพื่อจะดูว่าสัตว์เทพเจ้าทั้งสองที่อยู่ในสมุดหยินหยางจะมีโอกาสเข้ามาสิงได้ไหม ถึงแม้จะเอามาเป็นสัตว์เฝ้าบ้านก็ยังดี แต่นักพรตเฒ่ากลับเอาสัตว์ป่าที่ซื้อมาไปตุ๋นเสียแล้ว คุณอยากให้สัตว์เทพเจ้าเข้าไปสิงในหม้อต้มเหรอ
“ใช่แล้ว วางใจได้เลย ข้ามีประสบการณ์การทำตุ๋นรวมมิตร เมื่อสองร้อยปีก่อนตอนที่ไปจับปีศาจทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้า…”
“ไปซื้อตัวเป็นๆ กลับมาอีกสองตัวแล้วเอามาปล่อย” โจวเจ๋อขี้เกียจสนใจนักพรตเฒ่าแล้ว
“ต้องซื้ออีกเหรอ” นักพรตเฒ่าตกตะลึง
“ผมอยากได้ตัวเป็นๆ!”
แม่งเอ๊ยทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้วะ! “เถ้าแก่ ข้าประมาทเอง วันพรุ่งนี้ข้าจะออกไปซื้อใหม่ ถ้าที่ทงเฉิงไม่มีข้าจะไปดูที่อำเภอใกล้เคียง”
โจวเจ๋อพยักหน้าแล้วนอนบนโซฟา ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง ต้องขยันและลำบากขนาดนั้นไปเพื่ออะไร นอนอยู่เฉยๆ ไม่สบายหรือไง จากนั้นโจวเจ๋อก็ลุกขึ้นนั่งบนโซฟาใหม่แล้วถามว่า “เหล่าจางไปไหน”
ใช่แล้ว เหล่าจางไปไหน เมื่อเช้าตอนออกไปข้างนอก โจวเจ๋อได้กำชับเหล่าจางให้เฝ้าร้านหนังสือ เพื่อให้ตัวเขาได้ผ่อนคลาย
เขาจำได้ว่าตอนที่กลับมาช่วงสาย เหล่าจางยังอยู่ในร้าน แต่พอตัวเองนอนกลางวันเดินลงมาอีกทีกลับไม่เห็นเหล่าจางแล้ว
“อ้อ เหล่าจางเหรอ เขาออกไปข้างนอก บอกว่าจะออกไปเดินเล่น แต่เพิ่งออกไปไม่นานประมาณสองชั่วโมงเห็นจะได้” นักพรตเฒ่าตอบ “อ้อใช่ เจ้าลิงก็ตามไปด้วย ข้าสั่งให้เจ้าลิงตามติดเขาหน่อย อย่างไรก็ตามเพิ่งจะยืนศพคืนชีพกลับมา จึงกลัวว่าเขาจะเกิดเรื่อง”
โจวเจ๋อพยักหน้า เพื่อแสดงว่าตัวเองรู้แล้ว ขณะเดียวกันก็กำชับนักพรตเฒ่าว่า “วันพรุ่งนี้ซื้อเสื้อผ้าให้เหล่าจางสองสามชุด แล้วก็ซื้อโทรศัพท์กับซิมการ์ด ส่วนบัตรประชาชนของเขา…” โจวเจ๋อคิดครู่หนึ่งแล้วจึงส่ายหน้า “ให้เขาอยู่ที่ร้านหนังสือชั่วคราวก่อน ยังไม่ต้องใช้บัตรประชาชนทำอะไร”
“ได้เลย ข้าจำได้แล้ว” หลังจากสั่งงานเสร็จ โจวเจ๋อจึงนอนลงอีกครั้ง เมื่อถึงเวลากลางคืน นักพรตเฒ่าเปิดร้านและเปิดป้ายไฟ เพื่อบอกว่าเปิดร้านแล้ว
ทนายอันเดินมาข้างๆ โจวเจ๋อแล้วนั่งลง เขาอยากยื่นมือไปหยิบกาแฟแก้วใหม่ที่อยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ แต่กลับโดนโจวเจ๋อแย่งตัดหน้าก่อน เขายกกาแฟขึ้นมาแล้วดื่มคำโต จากนั้นจึงวางลง
“…” ทนายอัน
“เปลี่ยนไปเยอะมากจริงๆ” ทนายอันพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล