ตอนที่ 382 ตัวอุปสรรคที่น่ากลัว!
“เธอกำลังทำท่าถีบรถจักรยานกลับบ้านเมื่อวาน” จางเยี่ยนเฟิงในที่สุดก็เข้าใจแล้ว ถึงแม้ความรู้สึกที่ดูศพเริ่มเคลื่อนไหวจะน่าขนลุกไปบ้าง แต่เพื่อการสืบสวน เหล่าจางจำเป็นต้องตรวจดูอย่างละเอียด
แน่นอนว่าเหล่าจางกำลังกังวลเช่นกัน ถ้าหากศพทำท่าแบบนี้ แล้วเอียงศีรษะในตอนท้ายจากนั้นก็จบลง การกระทำแบบนี้ของเธอมีประโยชน์อะไร
อย่างไรก็ตาม จากการค้นหาเบาะแสในขั้นต้น หญิงชราน่าตะกำลังถีบรถสามล้อกลับบ้าน และมีคนวิ่งมาจากข้างหลังทุบด้วยอิฐเพื่อจบชีวิตของเธอ หรือว่าหญิงชราไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าตัวเอง
แต่ในเวลานี้ หญิงชราที่กำลังทำท่าถีบจักรยานอยู่ได้หยุดลงกะทันหัน เธอหันหน้าแล้วอ้าปากหุบปากไม่หยุด
“เธอ…เธอกำลังพูดตอนนั้น!” เหล่าจางพูดด้วยความตกใจทันที ขณะเดียวกันเขาได้ยื่นมือจับไหล่ของทนายอันแล้วถามว่า “ทำไมไม่ได้ยินเสียงๆ” ทนายอันทำตาขาวใส่เหล่าจางหนึ่งที “มีแค่ท่าทางก็พอแล้ว ยังอยากจะได้ยินเสียงอีก แบบนี้เหมือนกับคุณซื้อตุ๊กตายางกลับมาแล้วอยากให้เธอช่วยทำกับข้าวด้วยเหรอ”
เหล่าจางคิดว่า เอ่อ ไม่มีเสียง จึงไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที เพื่อบันทึกภาพวิดีโอ แต่ตอนที่เขาเปิดกล้อง หญิงชราได้หันมา แล้วเริ่มทำท่าถีบจักรยานสามล้อต่อไป จากนั้นศีรษะของหญิงชราได้โน้มไปข้างหน้าต่อจากนั้นมือและเท้าของจึงร่วงลงมาทั้งหมด ไม่ขยับอีกต่อไป ศีรษะด้านหลังถูกทุบด้วยอิฐเสียชีวิตคาที่
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เหล่าจางยังไม่ทันได้บันทึกรูปปากที่หญิงชราพูดก่อนหน้านั้น ไม่อย่างนั้นตัวเองยังสามารถตามหาผู้เชี่ยวชาญแกะรูปปาก โจวเจ๋อเดินมาข้างศพแล้วนอนลงอย่างเงียบๆ คนสองสามคนที่อยู่โดยรอบกำลังมองเขา
“เถ้าแก่ เจ้าทำอะไร” นักพรตเฒ่าถาม จากนั้นเขาเหมือนจะนึกอะไรได้จึงรีบพูดทันที “เถ้าแก่ ไม่ได้นะ ถึงแม้ข้าจะรู้ว่าที่นี่เย็นสบายมาก แต่เจ้าจะนอนกลางวันที่นี่ไม่ได้” โจวเจ๋อไม่สนใจนักพรตเฒ่า เขายกสองมือและสองเท้าขึ้นมาเขากำลังเลียนแบบท่าถีบจักรยานของหญิงชรา
ต่อจากนั้นโจวเจ๋อเริ่มนึกถึงภาพที่เห็นเมื่อครู่ คอของเขาเริ่มขยับ ร่างกายเริ่มเอียงเข้ามา หลังจากเขาจำความโค้งได้แล้ว โจวเจ๋อจึงคลานขึ้นมาแล้วลุกขึ้นยืน
ทนายอันใช้สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง มองการแสดงของโจวเจ๋อ ส่วนนักพรตเฒ่ากลับงงมาก เหล่าจางเข้าใจประเด็นหลักที่อยู่ในนี้ เขารีบไปยืนด้านหลังของโจวเจ๋อแล้วยืนตัวตรงหลังตรง หลังจากโจวเจ๋อลุกขึ้นยืนแล้ว เขาไม่ได้ขยับเท้าอีก แต่ยื่นสองมือออกไป ทำท่าเหมือนประคองรถสามล้อ จากนั้นเริ่มบิดเอวเล็กน้อยและเริ่มเอียงศีรษะ
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นการยืนทำเลียนแบบทุกสิ่งตอนที่นอนอยู่บนพื้นเมื่อครู่ เนื่องจากหญิงชราเพิ่งจะถูกทนายอันทำให้ ‘ศพเด้ง’ขึ้นมา ซึ่งเธอก็ไม่มีอุปกรณ์อยู่ในมือและได้แต่นอนอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้ การกระทำบางอย่างได้มองจากมุมมองของโจวเจ๋อและคนอื่นๆ อันที่จริงไม่สามรถเห็นภาพในรูปแบบสามมิติได้
ตอนที่โจวเจ๋อโน้มตัว หันหน้าเข้ามา ร่างกายครึ่งท่อนบนของโจวเจ๋อเกือบจะหันมาทั้งหมด บวกกับการหมุนของศีรษะอีกด้วย สายตาของเขาสบตากับตำรวจจางที่อยู่ด้านหลังเขาอย่างสิ้นเชิง
“ฆาตกร ตอนนั้นนั่งอยู่บนรถสามล้อของหญิงชรา!”
“ฆาตกร นั่งอยู่บนรถสามล้อ!”
โจวเจ๋อกับเหล่าจางพูดพร้อมกัน เมื่อดูจากการกระทำสองสามนาทีก่อนที่หญิงชราจะเสียชีวิต ใช่แล้ว ถูกต้องแล้ว หญิงชรากับฆาตกรพูดคุยกัน และฆาตกรได้โจมตีเธอจากด้านหลัง แต่ไม่ได้วิ่งตามหลังเข้ามาตามการสันนิษฐานของตำรวจ ฆาตกรนั่งอยู่ข้างหลังรถสามล้อ ตอนกลางคืน หญิงชราให้ฆาตกรซ้อนท้ายกลับบ้านด้วยกัน!
เหล่าจางหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที เขาโทรหาลูกน้องของตัวเองแล้วเริ่มสั่งงานว่า “ไปสืบความสัมพันธ์ทางครอบครัวและคนรู้จักของหญิงชราใหม่ และประเด็นสำคัญคือ คนรอบตัวเธอมีคนที่ตัวไม่สูงมากไปมาหาสู่หรือไม่เป็นผู้ใหญ่ที่ค่อนข้างตัวเล็ก”
หากคำนวณแรงของการโจมตี ไม่น่าจะเป็นเด็ก เพราะเด็กไม่มีแรงเยอะขนาดนั้น แต่ในเมื่ออีกฝ่ายสามารถซ้อนท้ายรถสามล้อของหญิงชราได้ เช่นนั้น เขาตะไม่ใช่คนตัวสูงใหญ่มากแน่นอน กระทั่งอาจจะเป็นคนแคระ
“แล้วก็ตรวจสอบผู้ที่อยู่อาศัยในตึกเก่าสองแห่งที่อยู่ใกล้บริเวณจุดเกิดเหตุอีกรอบ ประเด็นหลักคือผู้อยู่อาศัยที่มีอายุหกสิบปีเป็นอย่างน้อยที่อาศัยอยู่ที่นั่น” โจวเจ๋อครุ่นคิดแล้วพูดเสริมว่า “ขอบเขตอายุขยายให้กว้างหน่อย มากกว่าสามสิบห้าปีขึ้นไป และอย่ามองข้ามผู้สูงอายุ”
เพราะว่าในสายตาของโจวเจ๋อ คดีฆาตกรรมสองระยะถ้าหากเป็นฆาตกรคนเดียวกันจริงๆ เมื่อสิบหกปีก่อนหลังจากฆาตกรคนนั้นฆ่าหั่นศพแล้ว จะต้องอยู่ในอารมณ์ที่สนุกและมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด เขาต้องผ่อนคลายและสบายใจเป็นอย่างมาก เกิดคดีหลังจากสิบหกปีต่อมา ฆาตกรใช้แค่ก้อนอิฐทุบคนตายง่ายๆ จากนั้นจึงหนีไป ถึงแม้จะฆ่าคนเหมือนกัน แต่ทัศนคติของการฆ่าคนกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่ามีหลายข้อสันนิษฐานที่สามารถนำมาใช้ได้ อย่างเช่นฝีมือความก้าวหน้าของตำรวจอาชญากรรมอย่างเช่นกล้องวงจรปิดหลายตัวตามสถานที่ต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของฆาตกร แต่มีข้อสันนิษฐานที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด นั่นก็คือฆาตกรแก่แล้ว
“โอเค ผมรู้แล้ว ผมจะรีบสั่งงานเดี๋ยวนี้” เหล่าจางพยักหน้า แล้วจึงโทรศัพท์อีกครั้ง
“โอเคหรือยัง อย่างนั้นพวกเราไปหาที่กินข้าวเถอะ” ทนายอันถาม จากนั้นมองโจวเจ๋อหนึ่งทีด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง“กินข้าวจริงๆ”
ต่อจากนั้นทั้งสามคนจึงเดินออกมาจากสถานีตำรวจ แล้วเดินไปที่ร้านสุกี้หม้อไฟแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้สะพานอิฐ โจวเจ๋อเดินเข้าไปในร้านก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี เพราะหม้อไฟทั้งมันและเผ็ดมาก และของพวกนั้นสำหรับยมทูตแล้ว ถูกปฏิเสธและเกลียดมากที่สุด
และแล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ หลังจากสั่งหม้อไปซุปหมาล่าแล้ว ทนายอันจึงมองโจวเจ๋อแล้วกะดิกนิ้วพูดว่า “เถ้าแก่ ขอน้ำดอกพลับพึงแดงหน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล