ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 469

ตอนที่ 469 อะไรนะ

“รส…ชาติ..เป็น…ยังไง…”

“ไม่เลวนะ”

หน้าอกของโจวเจ๋อเริ่มกระเพื่อมขึ้นลง เขาสะบัดหน้า เหมือนคนเมาเหล้า เขามึนหัวและไม่สบายมากรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน เหมือนสติของตัวเองกำลังถูกฉีกให้ขาดสะบั้น

โดยไม่รู้ตัว โจวเจ๋อเริ่มเดินไปข้างหน้า เล็บมือทั้งสองข้างยาวมาก เล็บของเขาลากไปกับพื้นจนเกิดประกายไฟขึ้นมาขณะที่เดินข่วน

เขาเดินไปเรื่อยๆ ราวกับว่าสวนด้านหลังของโรงแรมแห่งนี้ ไร้ซึ่งผู้คน เหลือตัวเองแค่คนเดียว นี่เป็นความรู้สึกที่แปลกมาก คล้ายกับตอนที่คุณกำลังขับรถด้วยความเหนื่อยล้า รอให้ตัวเองได้สติขึ้นมากลับพบว่าตัวเองขับไปไกลระยะหนึ่งแล้ว และระหว่างนั้นคุณขับเร็วเกินกำหนดหรือว่าผ่าไฟแดงไหมคุณก็จำไม่ได้แล้ว

คุณจะเริ่มกลัว ถ้าหากเมื่อครู่นี้ไม่ระวังเกิดอะไรขึ้น ตัวเองอาจจะขับชนคนได้เหมือนกัน และมีคนขับรถหลายคนที่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ นั่นก็คือสมองของตัวเองอยู่ในสภาวะ ‘นอนหลับ’ ชั่วพริบตา แต่สิ่งที่ควรจะทำก็ยังดำเนินต่อไป

โจวเจ๋อตอนนี้ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เขาไม่มองยมทูตสวีโจวสี่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ได้แต่เดินไปหาพวกเขา และเขาก็ยังคงครุ่นคิดถึงสิ่งของของตัวเองอยู่ ถึงแม้เวลานี้จะไม่สมควรอย่างยิ่ง แต่เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่

“เข้าไปพร้อมกันเลย!” ยมทูตหญิงที่มีรัศมีสีดำอยู่ในดวงตาของเธอตะโกนพูด

ในสถานการณ์เช่นนี้ จริงๆ แล้วการยถอย การหนี เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุด ถ้าหากมองจากมุมของการรู้รักษาเอาตัวรอดเป็นยอดดี แต่ไม่ใช่ยมทูตทุกคนที่อยากเป็นเหมือนมนุษย์กระดาษกลุ่มนั้นที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำแถวๆ ศาลากลางน้ำนั่น

ทุกคนเพลิดเพลินเจริญใจ แต่ในจขณะเดียวกันก็รู้จักปล่อยวาง โดยเฉพาะตอนที่ตัวเองมีเพื่อนร่วมงานตายไปแล้วหนึ่งคน อีกฝ่ายได้แสดงตัวตนอย่างชัดเจนว่าเป็นยมทูตมาจากที่อื่น ถ้าหากหนีไปแบบนี้ ต่อไปคงเงยหน้าไม่ขึ้นในวงการนี้ตลอดไป

และที่สำคัญที่สุดคือ เป็นเพราะอีกฝ่ายมาด้วยเจตนาร้าย คือพุ่งจู่โจมก่อน จากนั้นก็ฆ่ายมทูต เห็นได้ชัดว่าต้องการทำให้เรื่องราวใหญ่โต ถ้าหากแม้แต่ชายชราคนนั้นก็ถูกจับหรือโดนฆ่า เป็นเหตุทำให้เรื่องไปถึงเบื้องบน อย่างนั้นพวกเขายมทูตสวีโจวก็หนีไม่พ้นเช่นกัน

ถึงแม้จะไม่ตายที่นี่ แต่จะมีผู้ส่งสารจากยมโลกออกมาจับพวกเขาไปซักไซ้เอาความ และยมทูตสวีโจวกลุ่มนี้ถือว่าเป็นตั๊กแตนที่ผูกติดกับชายชราใส่แว่นกันแดดคนนั้นแล้ว

และนี่ถือว่าเป็นการถูกบังคับโดยท่าทีของโจวเจ๋อ บางทีหรือนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมนักการเมืองส่วนใหญ่ถึงชอบแอบไปตกลงสัญญาเป็นการส่วนตัว เพราะถ้าหากเอาเรื่องนี้มาพูดกันโต้งๆ หมายความว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่มีทางให้ถอยหนีทีไล่อีก

แต่คุณอยากให้โจวเจ๋อติดต่อยมทูตท้องถิ่นอย่างว่าง่าย ใช้อารมณ์ทำให้เขาประทับใจและพูดโน้มน้าวพวกเขาด้วยเหตุผล หรือต่อรองราคาให้ชายชราใส่แว่นกันแดดคนนั้นจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้เขาสำหรับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นที่ทงเฉิง ก็เป็นไปไม่ได้

เถ้าแก่โจวอยากมาต่อสู้ล้วนๆ อยากมาระบายอารมณ์ อยากระบายความแค้น ถ้าหากยังทำเป็นอิดออดต่อรองราคาวกไปวนมา ไม่อึดอัดแย่เหรอ

เรื่องพวกนี้ ใช่ว่าที่ร้านหนังสือจะไม่มีใครเข้าใจ แต่ทนายอันกลับจงใจช่วยเถ้าแก่ของตัวเอง ช่วยยุยงให้เรื่องนี้ถูกกระตุ้นขึ้นมา แต่เมื่อเห็นเทพเจ้าจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือผีทั้งหลายที่อยู่โดยรอบแล้วควบคุมผู้ชายใส่ชุดสูทคนที่สองได้แล้ว หางตาของทนายอันที่กำลังทำท่ามุทราร่ายคาถากลับมองไปที่ฝั่งตรงข้าม เขาเห็นเถ้าแก่กำลังเดินไปข้างหน้าช้าๆ ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้ทนายอันรู้สึกแปลกใจ ทว่าเขาก็ยังตั้งใจทำในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อน!

“ยมโลกมีกฎระเบียบ กฎแห่งความหมายคนตายไร้ความปรานีณี สลาย!”

ยมทูตท้องถิ่นเหลืออีกสี่คน สามคนที่อยู่ในนั้นพุ่งเข้าใส่โจวเจ๋อ ผู้หญิงใส่กางเกงหนังลังเลเล็กน้อย แต่ก็พุ่งเข้าไป

เธอกลัวมากและกังวลมากเช่นกัน เพราะตำรวจทงเฉิงที่ใส่ชุดตำรวจคนนั้นก็กำลังมองอยู่แถวนี้ แต่ ‘กลัว’ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เสียเพื่อนร่วมงานไปหนึ่งคน ถ้าหากเธอลังเลไม่ตัดสินใจให้เด็ดขาด ก็เท่ากับทำร้ายเพื่อนร่วมงานอีกสามคน และทำร้ายตัวเองในขณะเดียวกัน

ยมทูตทั้งสี่คน บุกเข้าไปพร้อมกัน แต่โจวเจ๋อยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ไม่เปลี่ยนแม้แต่จังหวะฝีเท้า

เขาสงสัยเล็กน้อย รู้สึกว่าตัวเองเกิดมีปัญหาแล้วกับตัวเอง แต่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาก็ยังคิดไม่ออก ดังนั้นจึงได้แต่คิดต่อไป

ภายในร่างกายของเขา ปากกาเจ้างั่งยังคงลอยอยู่ที่นั่น มันยึดมั่นในหน้าที่และภารกิจของตัวเอง จริงๆ แล้วน่าเสียดายปากกาเจ้างั่งมากเหมือนกัน เพราะสาเหตุจากตัวของโจวเจ๋อ หลังจากรับเป็นเจ้านายแล้ว สิ่งที่มันทำได้อย่างเดียวและทำได้เป็นทั้งหมดที่ทำได้ ก็คือปิดผนึกคนผู้นั้น

สามารถพูดได้ว่าถ้าหากไม่เจอมันโดยบังเอิญ และเถ้าแก่โจวที่ยังใช้สูตรโกงวิชาคายกว้ามั่วซั่วเหมือนช่วงแรกๆ ล่ะก็ ตอนนี้จะยังมีปลาเค็มโจวไหมยังพูดยากเลย

คำว่า ‘ผนึก’ ที่อยู่ด้านล่างยังคงสว่างอยู่อย่างมั่นคง กระจายกลิ่นอายที่ทรงอานุภาพน่าเกรงขามออกมา แต่ด้านล่างของคำว่า ‘ผนึก’ ใบหน้านั้นกลับกลายเป็นหมอกควันของการเยาะเย้ยอย่างหนึ่ง

“หยุด!” ยมทูตหญิงที่มีรัศมีสีดำอยู่ในดวงตาตะโกนหนึ่งที ครั้งนี้เริ่มมีหยดเลือดไหลออกมาจากหางตาของเธอเมื่อมีบทเรียนครั้งแรก ครั้งนี้เธอจึงยิ่งเพิ่มพลัง กระทั่งเกินขอบเขตที่รับได้ตามปกติของเธอ!

“กัก!” ยมทูตผู้ชายคนหนึ่งแบสองมือ เส้นไหมสีขาวแต่ละเส้นเริ่มหมุนออกมา เส้นไหมเหล่านี้มีความคมมากจนสามารถเกิดเสียงฉีกขาดยามที่ลอยอยู่กลางอากาศ

ผู้หญิงใส่กางเกงหนังกับยมทูตผู้ชายอีกหนึ่งคนแยกเป็นสองทาง แล้วเข้าโจมตีโจวเจ๋อในเวลาเดียวกัน

โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนมีแมลงวันมากมายนับไม่ถ้วนกำลังบิน ‘หวึ่งๆๆ’ อยู่ข้างหูของตัวเอง เขารำคาญและรู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก แต่กลับไล่ออกไปไม่ได้

ต่อจากนั้น แหปากหนึ่งได้ปกคลุมลงมา มันทั้งเหนียวและเจ็บมาก รู้สึกแปลกพิลึก

“เขาถูกผมจับแล้ว!” ยมทูตผู้ชายถือเส้นไหมอยู่ในมือพร้อมกับตะโกน ในสายตาของเขา โจวเจ๋อถูกเส้นไหมของเขารัดไปทั่วตัว เหมือนสิ่งกลายเป็นตะพาบในไหหนีไม่พ้นมือของเขาแล้วตัวเอง!

“รัด!!!” ยมทูตผู้ชายตวาดเสียงต่ำ แบมือทั้งสองข้าง เพียงชั่วเวลาเดียวเส้นไหมที่มัดอยู่บนตัวของโจวเจ๋อเริ่มหดตัวอย่างรวดเร็ว

เส้นไหมเหล่านี้มีความคมและแข็งแรงเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะเป็นหินผาแต่เมื่ออยู่ตรงนี้ก็สามารถถูกตัดเป็นเศษเล็กเศษน้อยชิ้นแหลกมากมายนับไม่ถ้วน นับประสาอะไรกับกายเนื้อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล