ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 482

สรุปบท ตอนที่ 482 เมตตาธรรม!: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

อ่านสรุป ตอนที่ 482 เมตตาธรรม! จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 482 เมตตาธรรม! คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 482 เมตตาธรรม!

‘“ตอนที่ข้าฉันเกิด…บนโลกนี้ไม่มีพระพุทธศาสนา…’” เป็นประโยคที่ธรรมดาอย่างมาก ธรรมดามากจนเพียงแค่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่ายที่สุด และดูเหมือนจะผ่านการพิจารณาเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดบทสรุปอย่างจริงจัง

จริงจัง เรียบง่าย เหมือนย้อนความทรงจำในวัยเด็กว่าบ้านเหล่าจางที่อยู่ข้างบ้านในวัยเด็กที่ไม่มีคอกหมู

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหน ไม่ว่าจะมีสถานการณ์อย่างไร คนที่อยู่ตรงหน้าตัวเองหากกล้าลบหลู่พระพุทธศาสนา พระขี้เรื้อนจะตวาดเสียงดัง!

พระพุทธศาสนาเป็นความศรัทธาที่อยู่ในใจของเขา เป็นชีวิตของเขา เป็นอุดมการณ์ของเขา กระทั่งเป็นพลังชีวิตของเขา เขาจะไม่ยอมให้ใครมาลบหลู่และดูแคลนต่อหน้าตัวเองเด็ดขาด

แต่ครั้งนี้ พระขี้เรื้อนกลับปากสั่น ไม่กล้าเถียง ไม่กล้าด่าอะไร ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังบอกเล่าข้อเท็จจริงของเรื่องไร้สาระเท่านั้น เขาไม่ได้ลบหลู่ศาสนาพุทธและไม่คิดจะลบหลู่ศาสนาพุทธด้วยซ้ำ แต่นี่จะเป็นความจริงไปได้อย่างไร

“เถ้าแก่…” อิงอิงตอนนี้เหมือนฟื้นได้สติแล้ว เธอจึงยื่นมือคลึงหน้าผากของตัวเองแล้วค่อยๆ ลุกนั่งขึ้นมา วันนี้อิงอิงเหนื่อยมากจริงๆ ต้องปะทุพลังสายเลือดเพื่อต่อสู้ถึงสองครั้งสองครา ก่อนหน้านั้นตอนที่ถูกผนึกด้วยจีวรเธอพยายามกระตุ้นพลังตัวเองอีกเป็นครั้งที่สาม ความรู้สึกเหมือนร่างกายเคว้งคว้างว่างเปล่า เธอเข้าใจแล้วจริงๆ

ตอนนี้เธอต้องการพักผ่อน และสำหรับเธอแล้ว วิธีการพักผ่อนที่ดีที่สุดจริงๆ แล้วคือขดตัวนอนอยู่ในอ้อมอกของเถ้าแก่ตัวเอง ง่วงจัง เธอมองไปรอบๆ อย่างงุนงง จนกระทั่งมองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่ตรงหน้า อิงอิงจึงหัวเราะขึ้นมาทันที แล้วตะโกนด้วยความดีใจว่า “เถ้าแก่ ท่านคุณตื่นแล้วเหรอ ฮือๆๆ ข้าฉันคิดไว้แล้วว่าเถ้าแก่จะไม่มีทางโดนวางยาพิษง่ายขนาดนั้น!”

อิงอิงลุกขึ้น อยากจะไปยืนข้างกายเถ้าแก่เมื่อรู้ตัว ถึงแม้ตัวเธอจะอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงมากก็ตาม แต่เธอยังทนไหว!

อิงอิงรู้สึกว่าตอนที่ได้ยืนข้างๆ เถ้าแก่ เธอสามารถช่วยเถ้าแก่โจมตีอีกฝ่ายได้สองสามครั้ง ยามที่เธอต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่เกี่ยวกับโจวเจ๋อ ผีดิบสาวจะมีความประณีตละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ทุ่มสุดตัวไม่มียั้งไว้เลย ทว่าเพิ่งจะเดินได้สองสามก้าวยังไม่ทันถึงข้างกายของโจวเจ๋อ อิงอิงกลับตัวเซแล้วล้มตึงไปอยู่บนพื้นแทน

ใบหน้าของเธอคล้ายกลับมีรัศมีสีทองหมุนวนไม่หยุด พยายามลดทอนชี่พิฆาต พยายามเผาผลาญพลังชี่พิฆาตที่อยู่ในกายเธอให้หมดไป กระทั่งทำให้ร่างกายเกิดความเสียหายอย่างต่อเนื่อง

วิชาของพระพุทธศาสนาของจริง มักจะเป็นศัตรูทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่สำหรับสิ่งอัปมงคล! ยามปกติดูไม่โดดเด่น แต่พอลงออกมือกลับมีผลทำลายถึงแก่นชีวิต

อิงอิงคุกเข่าอยู่บนพื้น อยากจะฝืนลุกขึ้นอีกครั้ง แต่เธอกลับมึนศีรษะ จึงได้แต่ใช้สองมือยันพื้นเพื่อประคองไม่ให้ตัวเองเป็นลมล้มลงไป

“เถ้าแก่…” อิงอิงกัดริมฝีปาก เธอรู้สึกว่าตัวเองช่วยอะไรไม่ได้ ไม่มีประโยชน์จริงๆ

โจวเจ๋อหันข้างทันที เขามองผีดิบสาวที่คุกเข่าอยู่ด้านหลังตัวเองหนึ่งที อิงอิงเดิมทีที่เตรียมตัวอ้อน ‘อิ๋งๆๆ’ แต่เมื่อเห็นสายตาของเถ้าแก่ที่มองกลับมา ทำให้เธอสั่นไปทั้งตัว ซี้ด!โอ้ว จากนั้นทั้งตัวเธอจึงเอนไปข้างหลัง จากท่าคุกเข่าไปข้างหน้ากลายเป็นท่าเอนตัวไปข้างหลังทันที กับเท้าทั้งสองข้างที่ยังไถไปมาอยู่บนพื้น เพื่ออยากเว้นระยะห่างกับโจวเจ๋อที่อยู่ตรงหน้าโดยสัญชาตญาณ

เขาไม่ใช่เถ้าแก่ ไม่ใช่เถ้าแก่ เป็นคนนั้น เป็นคนนั้นคนที่ตัวใหญ่มากคนนั้น ว้ายๆๆๆ!!! เถ้าแก่ปลุกให้คนใหญ่โตคนนั้นตื่นขึ้นมาเหรอ ทำไมถึงไม่บอกข้าฉันก่อน!!! เมื่อครู่ข้าฉันยังอ้อนใส่เข้าอีกด้วย แย่แล้วๆ ข้าฉันเกือบจะนอกใจเถ้าแก่แล้ว!

โจวเจ๋อเดิมทีแค่หันไปมองเฉยๆ เพียงแต่ตอนที่เขาเห็นผีดิบสาวที่ต่อให้อยู่ในสภาพเหนื่อยล้า ถึงแม้แต่ตอนที่นั่งก็ยังและกำลังเหยียดพยายามเอาขาดันพื้นเพื่อถดตัวไปด้านหลังให้อยู่ห่างจากเขาตัวเอง นัยน์ตาของเขาเกิดไฟโกรธขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ทั้งๆ ที่เธอตัวเองกลัวเขาเธอในตอนแรก ทั้งๆ ที่การเติบโตของเธอต้องอาศัยเขาตัวเองเช่นกัน แต่ทำไมเธอกลับทำกับเขาฉันแบบนี้

“สวัสดีเจ้าค่ะ” อิงอิงถอยหลังพร้อมกับเหยียดแขนโบกมือทักทายอย่างเก้ๆ กังๆ ดูแล้วไม่เข้ากันอย่างชัดเจน คล้ายกับตอนที่คุณถ่ายรูปกับนางแบบวิกตอเรียซีเคร็ตแล้วคุณชูท่ากรรไกรขึ้นมา

ฮู่ว…เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วจึงพ่นออกมาอย่างแรง โจวเจ๋อหันกลับไปมอง มองพระขี้เรื้อนที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง “เจ้า…ทำให้เธอ…กลายเป็น…แบบนี้เหรอ”

“อมิตาภพุทธ นี่คือการเข้าใจผิด ขอให้โยมเจ้าโปรดฟังอาตมาอธิบายข้าก่อน สวรรค์มีคุณธรรมต่อสรรพสิ่ง อาตมาข้าจะทำเรื่องที่โหดร้ายแบบนั้นได้ยังไง สีกาผู้นี้…” ขณะที่พูด พระขี้เรื้อนได้ชี้ไปที่หญิงสาวตัวดำที่ถูกโซ่สีดำพันธนาการอยู่แต่ไกล

“เป็นเธอที่สั่งให้ฆ่าผีดิบตัวนี้ อาตมาข้าทำไม่ลงจริงๆ จึงได้แต่ผนึกเธอเอาไว้ เพื่อรักษาชีวิตของเธอ”

“…” หญิงสาวตัวดำ

พระขี้เรื้อนคิดจะเอาตัวรอดคนเดียวแล้ว

“จริง…เหรอ” โจวเจ๋อเงยหน้าเล็กน้อย ทมองไปที่พระขี้เรื้อน ถึงแม้แสงแห่งพุทธะจะยังอยู่ที่ด้านหลังของพระขี้เรื้อน แต่จากอานุภาพแล้วกลับด้อยกว่าอย่างสิ้นเชิง เทียบไม่ได้กับตอนที่เขาต่อสู้กับอิงอิงก่อนหน้านั้น

พระพุทธศาสนาปราบมาร แต่มารอธรรมปราบธรรมะพระไม่ได้ ดูเหมือนจะเป็นกฎที่แน่นอนแล้ว ทว่ามันตั้งอยู่บนพื้นฐานที่พระพุทธศาสนาแข็งแกร่งกว่ามารเท่านั้น แต่ถ้าหากกลับกันแล้ว พระพุทธศาสนาจะปราบยมารได้อย่างไร หรือถ้าหากความอ่อนแอถูกพลิกผัน แล้วใครคือพุทธะ ใครคือมาร ใครเป็นคนนิยามขอบเขตของสีขาวและสีดำ

“อมิตาภพุทธ นักบวชไม่พูดโกหก ขอให้โยมจงเชื่ออาตมาข้า อาตมาข้ารักคน รักสรรพสิ่ง ทุกอย่างควรค่าให้อาตมาข้ามอบความรัก ผีดิบสาวคนนี้อาตมาข้าก็…”

‘“แกร๊ก!’” ตะปูสีดำกลายเป็นฝุ่นผงอยู่ในมือของโจวเจ๋อ แล้วกระจายหายไปอย่างช้าๆ

“อมิตาภพุทธ โยมทำได้ดีมาก อาตมาข้ามองตะปูตัวนี้จัขัดตามานานแล้ว” พระขี้เรื้อนชมทันที!

โจวเจ๋อโบกมือเบาๆ ไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่มีของสกปรกอยู่ในมือ มักจะทำให้เขารู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก และทนไม่ไหวแม้แต่สิวินาทีเดียว

ฝุ่นควันกระจายหายไป โจวเจ๋อยังคงยื่นมือจับชุดฝึกกังฟูสีขาวของพระขี้เรื้อน แล้วเช็ดมือของตัวเองอย่างละเอียด

พระขี้เรื้อนยิ้ม ไม่กล้าพูดอะไร ต่อมาโจวเจ๋อจึงวางมือไปบนใบหน้าของพระขี้เรื้อน เดิมทีเขาอยากจะวางบนศีรษะของพระขี้เรื้อน แต่พอเห็นศีรษะของอีกฝ่ายเขา จึงก็ไม่อยากทันที เขาตบใบหน้าของพระขี้เรื้อน เกิดเสียงดังชัดเจน

“โยม อาตมาข้าไปได้หรือยัง” ถึงแม้จะรู้สึกว่าเป็นประโยคที่ไร้สาระ แต่พระขี้เรื้อนก็ต้องถามสักหน่อย ถ้าหากมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นล่ะ

โจวเจ๋อส่ายหน้า ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งเหมือนเดิม “ไม่…ได้…”

โอเค เข้าใจแล้ว วินาทีต่อมา พระขี้เรื้อนหน้านิ่ง ความนอบน้อมของเขาก่อนหน้านั้น เพียงแค่อยากขอแค่ปาฏิหาริย์เดียวเท่านั้น ตอนนี้สู้เถอะ!

“พระโพธิสัตว์จินกัง ปราบมาร!” แสงเงาแห่งพุทธะที่อยู่ด้านหลังพระขี้เรื้อนหลอมรวมเข้าไปในร่างกาย ทำให้ทั้งตัวของพระขี้เรื้อนเหมือนมีหลอดไฟเปิดสว่าง เริ่มส่องแสง จากนั้นพระขี้เรื้อนจึงทำตาถมึงทึง เหมือนพระอรหันต์สิงร่างขณะเดียวกันได้กำหมัดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมตัวต่อสู้!

เนื่องจากไม่มีทางถอยแล้ว จึงได้แต่สู้เท่านั้น! ทว่าพระขี้เรื้อนเพิ่งจะเริ่มเปล่งแสงยังดื่มด่ำกับรัศมีสีทอง ‘ที่ไร้ขีดจำกัด’ ยังไม่หนำใจพอ ฝ่ามือของโจวเจ๋อพลันออกแรง เหมือนกำลังช่วยเขาตบยุงตัวหนึ่ง ตบเข้าที่หน้าพระขี้เรื้อนเต็มๆ

‘“ปึ้ง!’” รัศมีสีทองสลาย แสงแห่งพุทธะหายไป พระขี้เรื้อนที่ยืนอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อถูกโจวเจ๋อตบกระเด็นลอยออกไปกระแทกกับป้ายโฆษณาที่อยู่ริมถนนอย่างแรง และด้วยแรงกกระแทกทำให้ป้ายโฆษณาเกิดรูขนาดใหญ่

โจวเจ๋อก้มหน้าเงียบๆ มองฝ่ามือของตัวเองที่เพิ่งตบคนเมื่อครู่แล้วพูดเบาๆ ว่า “ฉันมีพระพุทธองค์…ทรงเมตตาธรรม…”

………………………………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล