ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 485

ตอนที่ 485 ต้นแบบตัวเอก

ต่อสู้ดิ้นรน แข่งขันฟัดเหวี่ยง ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กัน ทั้งๆ ที่รู้ว่าล้มเหลวกลับยังกล้าที่จะลอง แม้เจ็บปวดเสียดแทงหัวใจ ก็ยังอดทนไปต่อโดยไม่เกรงกลัวอะไร

ความล้มเหลวของแผนการประหารสามอสุภะ[1] กลับหล่อเลี้ยงให้เจ้าหมอนั่นพัฒนาก้าวหน้ายิ่งขึ้น ทำให้ความกังวลในใจของอิ๋งโกวพลันหนักอึ้งขึ้นไปอีก

ไม่ เขาไม่คิดว่าตัวเองกำลังวิตกกังวล และไม่มีทางยอมรับว่าเขากำลังตกต่ำลงแน่ๆ เขามีอำนาจสูงสุดสามารถทำได้หมดทุกอย่าง ตรงจุดนี้เขามั่นใจมาโดยตลอด และเชื่อมั่นโดยไร้ข้อกังขา!

ทว่าสิ่งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการพูดอย่างหนึ่งแต่การกระทำกลับเป็นอีกอย่างหนึ่งของเขา

การกลับมาเกิดใหม่จอมปลอมนับครั้งไม่ถ้วนในอดีต หลายๆ ครั้งในชีวิตไม่ใช่ไม่เคยพานพบกับเรื่องเหนือความคาดหมายมาก่อน แต่ยังรักษาความมั่นคงได้ดีมาโดยตลอด ทว่าในชาตินี้ ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะคลาดเคลื่อน

ประเดิมเลยก็คือการจัดหนักจัดเต็มที่แทบจะเกินเบอร์กว่าปกติของยมทูตน้องภรรยาคนนั้น แทบจะทำให้ตัวตนของโจวเจ๋อเปลี่ยนไปทันทีหลังจากนั้น ประกอบกับมรดกที่ไท่ซานฝู่จวินทิ้งเอาไว้ให้อีก ความบังเอิญต่างๆ นานาทำให้สุนัขเฝ้าบ้านในชาตินี้กำลังวิ่งเตลิดเปิดเปิงไปตามจังหวะที่ทำให้เสียการควบคุมอยู่เรื่อย!

พาสุนัขเดินเล่นไม่ใช้สายจูงก็เท่ากับสุนัขเดินเล่นกันเอง ใครเป็นสุนัข ใครเป็นนาย ก็ขึ้นอยู่กับมือของใครถือสายจูง

ในช่วงระยะนี้ อิ๋งโกวมีความรู้สึกราวกับว่าเขาเริ่มถูกเถ้าแก่โจวควบคุมในหลายๆ ด้าน ทั้งศักดิ์ศรีเอย ความเย่อหยิ่งเอย เกียรติอันเจิดจรัสของเขาเอย จะไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นสุนัขดุร้ายในกำมือของใครเด็ดขาด ไม่มีวัน!

เสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดสุดขีดดังออกมาจากลำคอของโจวเจ๋ออย่างต่อเนื่อง นี่คือการแสดงออกของเขา!

ไป๋อิงอิงคุกเข่าอยู่ข้างๆ ปวดใจร้องไห้จนกลายเป็นสาวเจ้าน้ำตา หญิงสาวตัวดำที่นอนอยู่อีกด้านตกอกตกใจจนหน้าถอดสี

มีเพียงตัวโจวเจ๋อเท่านั้นที่ยังต่อสู้ต่อไป และต่อสู้กับตัวเอง!

ทว่าในเวลานี้เอง มีเสียงโลหะดังกระทบกันลอดออกมาจากใต้ป้ายโฆษณาเอียงๆ ที่ถูกกระแทกจนเป็นโพรงใหญ่ มีใครบางคนลุกยืนโซซัดโซเซนขึ้นมาจากซากปรักหักพัง ภายใต้ความมืดมิดนั้นได้ปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดฝัน

ในเวลานี้ชุดฝึกกังฟูสีขาวเปื้อนเลือดสีแดงเข้มและสกปรกมาก เดิมส่วนบนหัวดูไม่ค่อยดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งมีก้อนเลือดปูดโปนใหญ่ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก ทำให้คนมองแล้วหวาดกลัวมาก

ที่จริงแม้ศีรษะของพระขี้เรื้อนจะดูไม่งามในตอนแรก แต่เมื่อสวมใส่จีวรและเปล่งเสียง ‘สวดมนต์’ ยังพอหลงเหลือกลิ่นอายอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเกจิอาจารย์ที่มีตบะญาณจริงๆ แต่ทว่าตอนนี้หมดสภาพอย่างสิ้นเชิง

“เฮือก…แฮ่ก…แฮ่ก…”

พระขี้เรื้อนหอบหายใจหนักอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าซีกซ้ายของเขาบวมเป่ง นี่เป็นเพราะเพิ่งถูกโจวเจ๋อตบเข้าให้และเดาว่าฟันคงเหลืออยู่ไม่กี่ซี่แล้ว

โจวเจ๋อเพิ่งได้ทำลายดอกไม้งามไป แม้ว่าหญิงสาวตัวดำไม่ใช่คนบอบบางมาก แต่สามารถหักขาสองข้างของหญิงสาวพร้อมวางยาพิษโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็ไม่ใกล้กับ ‘จิตใจอ่อนโยนมีเมตตา’ อย่างแน่นอน ฉะนั้นก่อนหน้านี้ที่ซัดพระขี้เรื้อนกระเด็น โจวเจ๋อไม่ได้ออมมือไว้เลย เขารู้สึกว่าพระขี้เรื้อนนี่น่าจะถูกเขาตีให้ตายๆ ไปเสีย ใครจะไปรู้ว่าเป็นพระหัวเหล็กแบบนี้ไปได้!

เมื่อเห็นพระขี้เรื้อนเดินออกมา โจวเจ๋อหยุด ‘ประทุษร้ายตนเอง’ อย่างเงียบๆ และบิดคอเล็กน้อย พร้อมกับใช้มือกุมแผลบนหน้าอกด้วยมือเพียงข้างเดียวกดมันกลับลงไป

บาดแผลกำลังตกสะเก็ด เลือดหยุดไหล

ก่อนหน้านี้พระขี้เรื้อนสามารถอาศัยความแกร่งทางร่างกายของตัวเองสยบไป๋อิงอิงได้ ตอนนี้แม้อยู่ภายใต้การโจมตีของโจวเจ๋อยังสามารถยืนหยัดขึ้นได้อีกครั้ง พลังชีวิตราวกับแมลงสาบเช่นนี้ ทำให้ผู้คนตะลึงได้จริงๆ

การทนทานต่อการชกต่อย หมายความว่าสามารถมีชีวิตยืนยาวได้!

‘พรืด!’

พระขี้เรื้อนกระอักเลือดเต็มปาก ภายในมีฟันหักอยู่สองสามซี่ และยังมีแม้กระทั่งเศษเล็กเศษน้อยที่ไม่รู้ว่าคืออะไรด้วยซ้ำ เขายืดคอตั้งตรงและฝืนสังขารที่โคลงเคลงไปมาของตัวเองเอาไว้ คล้ายกับไก่ชนผู้หยิ่งยโส!

หญิงสาวตัวดำนอนอยู่บนพื้น ในเวลานี้โซ่บนตัวเธอยังไม่หลุดหายไป เธอทำได้แค่เพียงหันหน้ามองพระขี้เรื้อนเดินโอนเอนย่างกรายเข้ามาทีละก้าวๆ ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ เธอถึงได้รู้สึกตกอกตกใจ แม้ว่าพระรูปนี้จะเต็มไปด้วยหลักธรรมคำสอนผิดๆ แม้ว่าจะชอบเป็นพวกหน้าเนื้อใจเสือ แม้ว่าจะเจ้าเล่ห์และมักจะขี้ระแวง แต่เมื่อก่อนเธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาอัปลักษณ์ได้ถึงขนาดนี้!

ใช่แล้ว ในเวลานี้หญิงสาวตัวดำไม่คิดว่าการที่พระขี้เรื้อนฝืนเดินออกไปโต้งๆ เป็นสิ่งที่กล้าหาญและน่าชื่นชมสักเท่าไร สมองท่านป่วยการหรืออย่างไร ท่านแสร้งทำเป็นตายอยู่ใต้ป้ายโฆษณาเงียบๆ ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง คิดว่านี่เป็นการถ่ายละคร กลัวว่าตัวเองจะไม่มีบทแล้วเลยลุกออกมาแย่งซีนใช่ไหม พอตายไปครั้งหนึ่งรู้สึกว่ายังไม่ได้แสงพอเลยอยากให้ผู้กำกับเปลี่ยนท่าให้ตัวเองใหม่อีกรอบงั้นหรือ

ท่านปล่อยให้พี่ชายคนนี้ฆ่าตัวตายอย่างสงบๆ ให้จบๆ ไปไม่ได้หรือไง!

ไม่ถูก ไม่ถูกต้อง เขาฆ่าตัวตายไปแล้วใครจะแก้พิษให้ฉันเล่า!

หญิงสาวตัวดำจมอยู่ในภวังค์สับสนของตนเอง ภายใต้การบาดเจ็บสาหัสเขาดูอ่อนแอเหลือเกิน ดูเหมือนว่าในตอนนี้แม้แต่ความคิดก็พลันเชื่องช้าขึ้นมาดื้อๆ

พระขี้เรื้อนอยู่ห่างจากโจวเจ๋อเพียงยี่สิบเมตรเท่านั้น เขาแสยะยิ้มคล้ายกับกำลังหัวเราะ แต่แก้มบวมเป่ง ประกอบกับเหงือกที่เหลือฟันอยู่ไม่กี่ซี่ทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังร้องไห้เสียมากกว่า

“เจ้าเตี้ย เจ้าหยาบกระด้าง พวกไร้ศาสนา งั้นวันนี้อาตมาจะสำแดงให้เจ้าดู ว่าอะไรคือพุทธะที่แท้จริง!” ฟันร่วงไปหลายซี่ หน้าบวมเป่งออกอย่างนี้ ตอนที่พูดก็ลมรั่วพูดไม่ชัด แต่พระขี้เรื้อนยังคงดื้อรั้นในความโอหังอวดดีของเขา

โจวเจ๋อมองเขา เหมือนกับมองคนบ้าปัญญาอ่อน จากนั้นโจวเจ๋อมองฝ่ามือของตัวเอง เป็นเพราะคราวก่อนถูกพระธาตุระเบิดใส่ครั้งหนึ่ง ทำให้เขาสูญพลังไปมากกระทั่งตอนนี้แม้หมัดเดียวก็ไม่สามารถฆ่าคนธรรมดาได้อย่างนั้นหรือ

พระเงียบปากลง แต่ส่วนท้องของเขากลับเริ่มพองนูนขึ้นมา ดูเหมือนเขาเองก็รู้สึกได้ว่าเสียงพูดในตอนนี้มันแปลกๆ ฉะนั้นเขาพูดดัดเสียงไปเลยง่ายดี

มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าทำไมพระรูปนี้เบื่อจัดจนถ่อไปเรียนรู้ของพรรค์นี้ แต่ตอนนี้มันมีประโยชน์จริงๆ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล