ตอนที่ 487 หลานซุนหงอคงอลเวง!
“ขอโทษที รบกวนแล้ว!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดัง ‘ปัง’ ประตูสีทองอร่ามถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว เรียบง่ายและฉับไว ไม่ชักช้ายืดยาดแม้แต่น้อย เทียบกับความรู้สึกที่เชื่องช้าเคร่งขรึม และความสง่าน่าเกรงขามตอนที่ออกมาเมื่อครู่ คล้ายกับหลุดเข้าไปอีกขั้วหนึ่ง กระทั่งได้ยินเสียงก่นด่าดังลอดออกมาจากประตูแล้วค่อยๆ จางหายไป
“ไอ้เหล่าซุนตัวไหนมันเล่นข้าซะแล้ว…”
“…” พระขี้เรื้อน
‘เพล้ง…’
คล้ายกับสิ่งล้ำค่ามากได้แตกและกระจายไปทั่วพื้น พระขี้เรื้อนที่รูปร่างเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกยืนโอนเอนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หงายหลังล้มตึงลงไป
ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้
เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง
ทำไมถึงกลับตาลปัตรอย่างนี้ไปได้
ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าความหมดอาลัยตายอยาก บางทีสิ่งที่น่าสิ้นหวังที่แท้จริง ไม่ได้มาจากการเอาชนะทางร่างกายแต่มาจากการบ่อนทำลายจิตวิญญาณ!
โจวเจ๋อที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กระดูกมุมปากกระตุกอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ลาวาหยุดปะทุแล้ว บรรดากระดูกใต้บัลลังก์ก็ไม่แยกเขี้ยวยิงฟันอีก วิญญาณในแม่น้ำปรภพก็พากันเงียบสงัด อีกาคุ้นตาตัวหนึ่งคล้ายกับกำลังบินโฉบเหนือ หัวและร้องครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นการต่อสู้ศึกนี้ มันตกใจจนบินหนีกลับไปแล้ว
ใบไม้ถูกลมพัดปลิวร่วงลงสองสามใบ แต่ก่อนที่จะได้เข้าใกล้ก็ถูกคลื่นอากาศลาวาพัดโหมกลับ ไม่อาจลอยละ ลิ่วข้ามมาได้
พุทธะ
พุทธะล่ะ
พุทธะเล่า!
เขาโชว์การต่อสู้ที่ร้ายกาจที่สุดและเอาความยิ่งใหญ่อลังการที่สุดออกมาแสดง เดิมนึกว่าจะได้เจอรุ่นน้องที่มีความสามารถทัดเทียมกับเขา แต่ตอนนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน
เขาทั้งแสดงพิธีต้อนรับและจัดกองทหารเกียรติยศ ผลคือส่งสายตาให้คนตาบอดดูงั้นหรือ
โจวเจ๋อรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่ายังยอมรับความเปลี่ยนแปลงกะทันหันเช่นนี้ไม่ได้ นี่มันไม่ได้ต่างกับความรู้สึกตอนที่เขาเพิ่งตื่นขึ้นมา ไม่ได้เตรียมใจรับมือป้องกันใดๆ สักนิด
หลังจากสับสนก็คือความโมโหโกรธา โจวเจ๋อผุดลุกขึ้นทันที บัลลังก์กระดูกด้านหลังหายวับไปกับตา ลาวาบนพื้นก็สลายไปด้วย แม้แต่วิญญาณในแม่น้ำก็หายไปพร้อมกันอย่างไร้ร่องรอย
ท้องฟ้าก็ยังเป็นท้องฟ้าเดิม ถนนก็ยังเป็นถนนเดิม ฝั่งแม่น้ำก็ยังเป็นฝั่งแม่น้ำเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างล้วนกลับสู่สภาพเดิม
โจวเจ๋อยังคงยืนนิ่ง ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนปัญญาอ่อน สรุปแล้วเขาทำอะไรลงไปกันแน่
“พุทธะ…ของเจ้าล่ะ”
โจวเจ๋อตะโกนใส่พระขี้เรื้อนที่นอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนตรงนั้น พระขี้เรื้อนไม่ตอบสนอง น้ำมันหมดตะเกียงก็แห้งแล้ว
“นี่คือพุทธะ…ที่เจ้ากล่าวมา…ทั้งหมดงั้นหรือ”
โจวเจ๋อสูดหายใจเข้าลึก มือข้างหนึ่งคว้าจับตรงหน้าอกของตัวเองโดยไม่รู้ตัว แต่ทว่าคราวนี้กลับไม่ได้แทงลงไป คราวนี้เจ็บที่หน้าอกจริงๆ โมโหจนเจ็บปวด!
เขาไม่ลังเลที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาเพื่อพบพุทธะ แต่คาดไม่ถึงว่าพุทธะถูกกลิ่นอายลมหายใจของเขาทำให้ตกใจกลัวไปเสียได้ โจวเจ๋อกระทั่งมั่นใจว่าพุทธะที่ว่ายังไม่เห็นเขา หลังจากประตูเปิดแง้มเล็กน้อยและสัมผัสได้ถึงร่องรอยพลังงานของเขาก็ตกใจกลัวมากจนปิดประตูไปดื้อๆ ทั้งยังบอกว่าเข้าผิดประตู แถมยังพูดว่ารบกวนอย่างนั้นหรือ
แน่ละว่าการที่ตัวตนยังไม่ถูกเปิดเผย ถือเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง หากความจริงเรื่องที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่รั่วไปถึงหูเบื้องบน จะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่อย่างแน่นอน จนถึงตอนนั้น ร้านหนังสือในทงเฉิงก็ไม่สามารถเป็นเกราะกำบังต้านได้
แต่โจวเจ๋อกลับไม่รู้สึกโชคดีเพราะเหตุนี้แม้แต่น้อย เขาไม่ลังเลที่จะเปิดเผยตัวตนเพื่อเจอพระพุทธเจ้าองค์เป็นๆ แต่พุทธะเป็นเช่นนี้เองน่ะหรือ
แขนของโจวเจ๋อเริ่มสั่นเทิ้ม ความเจ็บปวดที่แสดงออกทางสีหน้าเริ่มทวีความรุนแรง เขาจ้องเขม็งไปที่ศพของพระขี้เรื้อนและฝืนยื่นมือออกไป ตั้งใจจะเปลี่ยนพระขี้เรื้อนให้กลายเป็นผีดิบ เพื่อไม่ให้พระขี้เรื้อนได้ผุดได้เกิดตลอดไป นี่คือราคาที่พระขี้เรื้อนต้องจ่ายสำหรับการทำให้เขาเป็นตัวตลก!
เจ้าอยากเป็นพุทธะนักไม่ใช่หรือ
ข้าจะปล่อยให้เจ้าไม่มีวันได้ผุดได้เกิด และกลายเป็นการมีอยู่ของกบฏที่ทนอยู่ในสามโลกธาตุไม่ได้!
แต่ทันทีที่ยื่นมือออกไปครึ่งทาง โจวเจ๋อหลับตาลงทันที จากนั้นคุกเข่าลงบนพื้นพลางกัดฟันแน่น อยากดิ้นรนขัดขืน สุดท้ายกลับพยุงตัวกับราวกั้นริมขอบถนน ร่างกายสั่นเทิ้มและหยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
‘แซ่ดๆ…’ โซ่สีดำที่คล้องบนตัวหญิงสาวตัวดำมาเนิ่นนานในที่สุดก็อันตรธานหายไป หญิงสาวตัวดำอยากลุกขึ้นวิ่งตามสัญชาตญาณ แต่ขาทั้งคู่ของเธอกลับใช้งานไม่ได้เลย เธอนั่งอยู่บนพื้นมองขาทั้งสองข้างของตัวเอง อยากจะใช้สายตาอันเคียดแค้นมองชายที่นั่งยองๆ อยู่ริมราวกั้น แต่ไม่รู้เป็นอะไร ทันทีที่เธอกวาดมองเขาอารมณ์เคืองโกรธก็หายวับไปกับตา
เธอ
ไม่กล้า!
ใช่แล้ว หลังจากที่ได้เห็นฉากเมื่อสักครู่นี้ สิ่งที่เรียกว่าความเคืองโกรธ สิ่งที่เรียกว่าความไม่พอใจ สิ่งที่เรียกว่าความเกลียดชัง ถูกลบออกไปจนเกลี้ยงเกลา ความสิ้นหวังแบบนั้น ความอ้างว้างของกายหยาบและดวงวิญญาณที่ถูกบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนั้น!
เธอถูกเอาชนะได้อย่างราบคาบ
กัดฟันแน่น เงยหน้า เธออยากร้องไห้ อยากร้องไห้ในอ้อมอกคุณยายเหลือเกิน วันนี้เธอรู้สึกเสียใจซ้ำๆ อยู่หลายครั้งที่ฝังศพคุณยายเร็วขนาดนั้น อีกทั้งไม่ควรฝังลึกขนาดนั้นด้วย แถมไม่ทำเครื่องหมายอะไรอีก ตอนนี้อยากขุดคุณยายออกมาก็หาไม่เจอแล้ว
ต่างกับหญิงสาวตัวดำที่นั่งคับแค้นกับความผิดพลาดของตนเองอยู่คนเดียว หลังจากที่จู่ๆ ก็เห็นโจวเจ๋อพิงราวกั้นอยู่นั้น อิงอิงก็นึกอะไรบางอย่างได้ทันที จึงฝืนคลานลุกขึ้นมาและวิ่งโซซัดโซเซไปข้างๆ โจวเจ๋อ
“เถ้าแก่ เถ้าแก่เจ้าคะ”
อิงอิงพยุงโจวเจ๋อไว้ เวลานี้โจวเจ๋อยังหลับตาอยู่ เหมือนกับยังไม่ได้สติเสียอย่างนั้น แต่อิงอิงรู้ดี สิ่งที่อยู่ในร่างตอนนี้ต้องเป็นเถ้าแก่ของเธอไม่ผิดแน่
“นี่!”
อิงอิงมองหญิงสาวตัวดำที่ยังนั่งโอดครวญกับตัวเองราวกับคนโง่อยู่ตรงนั้น เวลานี้หญิงสาวผิวเข้มมีสีหน้าโง่เขลา เงยหน้ามองฟ้า ราวกับตกอยู่ในภวังค์ความสับสนของชีวิตตัวเอง
“นี่ ยาแก้พิษล่ะ” อิงอิงตะโกนเป็นครั้งที่สอง อีกฝ่ายถึงได้ตอบสนอง
“ยาแก้พิษเหรอ” หญิงสาวตัวดำตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นมองโจวเจ๋อ “สลบไปอีกแล้วเหรอ”
โอ๊ยแม่งเอ๊ยนี่เล่นเกมพันหน้ากันหรือไง เดี๋ยวโหด เดี๋ยวดี บุคลิกสองขั้วเหรอ
“ยาแก้พิษ! ถ้ายังไม่เอายาแก้พิษออกมา จะต่อยเจ้าแล้วนะ!”
ตอนนี้อิงอิงถือเอาศักดิ์ความเป็นพี่สาวมาวางมาดต่อน้องเล็กที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ฉากก่อนหน้านี้เธอก็เห็นมันแล้วโดยเฉพาะขาของหญิงสาวตัวดำ เธอเองก็เข้าใจว่าเจ้านั่นทำอะไรกับอีกฝ่าย แม้ว่าจะมีเหตุการณ์พลิกผันเล็กน้อย แต่ตอนนี้หญิงสาวตัวดำก็ถูกจับมาอยู่หน้าประตูร้านหนังสือแล้ว
พูดให้น่าฟังหน่อยก็ พนักงาน
พูดไม่รื่นหูหน่อยก็ จริงๆ ก็คือทาส!
อืม เป็นเป้าหมายที่อิงอิงต้องอบรมฝึกฝน เถ้าแก่ยุ่งขนาดนั้น งานยุ่งตลอดทั้งวะ…เอ่อ สรุปว่าเถ้าแก่ไม่มีเวลาว่างมาดูแลหรอก เพราะฉะนั้นเธอจะต้องรับผิดชอบอบรมสั่งสอนอีกฝ่ายให้ดีเพื่อให้เธอรู้จักมารยาท!
“ยาแก้พิษ…” หญิงสาวตัวดำลูบไล้บนตัวของเธอ จากนั้นชี้โจวเจ๋อพลางเอ่ย “ถูกเขาบดขยี้ไปหมดแล้ว ไม่เหลือแล้ว”
“…” อิงอิง
ในเวลานี้เองจู่ๆ โจวเจ๋อก็ลืมตาขึ้นมา จากนั้นกุมหน้าผากของตัวเองอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ปวดหัวจัง แต่ต่อมาไม่กุมหน้าผากแล้ว กลับกุมหน้าอกของตัวเองแทน เวรเอ๊ย เจ็บที่อกยิ่งกว่าอีก โจวเจ๋อก้มหน้ามองตรงหน้าอกของตัวเอง ไอ้สารเลวตัวไหนมันแหกหน้าอกเขาเป็นรู แม้ว่ามันจะตกสะเก็ดแล้วแต่ก็ดูน่ากลัวอยู่ดี
“เถ้าแก่ ท่านตื่นแล้วหรือ” อิงอิงรีบกอดโจวเจ๋อ
“อืม ตื่นแล้ว เด็กดี”
โจวเจ๋อยื่นมือไปลูบผมอิงอิง จากนั้นโจวเจ๋อมองผู้หญิงตัวดำที่นั่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลตรงนั้น โดยเฉพาะขาของผู้หญิงตัวดำที่เผยให้เห็นเส้นเลือดปูดโปนออกมา รวมถึงท่าทีที่ยืนและขยับตัวไม่ได้ของเธอ ทำให้โจวเจ๋อเดาะลิ้นเล็กน้อย
“จุ๊ๆ อิงอิงเอ๋ย ลงมือได้โหดเหี้ยมจังเลย
เถ้าแก่โจวชอบต่อสู้อย่างตรงไปตรงมา โดยพื้นฐานแล้วฆ่าได้ก็ฆ่า ไม่ได้โรคจิตจนเก็บมาทรมานเล่นอะไรพรรค์นี้หรอก
“อ้าว เถ้าแก่ นี่น่ะท่านเป็นคนทำ ไม่สิ เจ้านั่นเป็นคนทำต่างหาก”
“เจ้านั่นเหรอ” โจวเจ๋อส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ “เขาเคยออกมาเหรอ”
“อื้อ ห้าวเป้งๆ ไปเลยเจ้าค่ะ!” อิงอิงโบกไม้โบกมือทั้งสองข้างครู่หนึ่ง “ยอดเยี่ยมกว่าดูหนังสามมิติมากโขเลยเจ้าค่ะ”
“หือ” โจวเจ๋อไม่ค่อยจะเข้าใจ ทำไมไปเกี่ยวกับหนังสามมิติได้ล่ะเนี่ย แต่ก็ยังรีบถามขึ้นทันที
“จริงสิ ยังมีพระอีกรูปหนึ่งนี่นา”
“ตายแล้วเจ้าค่ะ”
“ตายแล้วเหรอ ถูกเขาฆ่าสินะ”
“เจ้าค่ะ ไม่สิ ไม่ใช่ พระรูปนั้นดูเหมือนจะเล่นสนุกจนตัวเองตายเจ้าค่ะ”
“เล่นสนุกจนทำให้ตัวเองตายเนี่ยนะ” มหัศจรรย์ขนาดนี้เลยเหรอ
เอาละๆ ในเมื่อรู้ว่าเจ้านั่นออกมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นภัยคุกคามใกล้เคียงก็น่าจะจัดการจบไปแล้ว โจวเจ๋อก็วางใจได้แล้วน่ะสิ ถึงอย่างไร หากเจ้านั่นไม่กำจัดภัยคุกคามใกล้เคียงให้หมดจดแล้วกลับไป เขาก็ต้องออกมาอีกอยู่ดี ถ้าออกมาไม่ได้ละก็ อย่างนั้นโจวเจ๋อก็คงต้องตกอยู่ในสภาพอ่อนแอ สองเกลอก็คงจบเห่ไปพร้อมๆ กัน
โจวเจ๋อมองหญิงสาวตัวดำและพูดขึ้นในใจว่า ครั้งนี้อิ๋งโกวทำได้ไม่เลวทีเดียวนะเนี่ย รู้ว่าผู้หญิงตัวดำมีประโยชน์จึงเก็บเธอเอาไว้ให้เขา โจวเจ๋อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากตัวเองอย่างประหลาดๆ
อืม อาจกล่าวได้ว่าตัวเองให้ความอบอุ่นแก่ตัวเองจริงๆ
สิ่งที่เถ้าแก่โจวไม่รู้คือ ขณะที่เขาหมดสติอยู่นั้น เมื่ออิ๋งโกวได้เข้าควบคุมร่างกายเดิมทีอยากจะฆ่าผู้หญิงตัวดำให้ตายไปเสีย แต่ชั่ววินาทีนั้น เขาดัน ‘เจ็บปวดหัวใจเกินจะหายใจได้’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล