ตอนที่ 489 มื้อใหญ่
จนแล้วจนรอดจางเยี่ยนเฟิงก็ยังหาศพของพระขี้เรื้อนไม่เจอ ตรงนี้ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร ตอนนั่งรถกลับจึงมีสีหน้าอึมครึม
“เถ้าแก่ บางทีศพอาจจะถูกน้ำซัดไปจริงๆ ก็ได้นะเจ้าคะ คนน่ะ อาจจะตายไปแล้วจนไม่อาจตายได้อีก” ไป๋อิงอิงเห็นโจวเจ๋ออารมณ์ไม่ดี จึงเอ่ยปลอบ
“ใช่ ตอนแรกตัวประกอบในหนังผีส่วนใหญ่ก็คิดแบบนี้กันทั้งนั้น โดยพื้นฐานแล้วในตอนท้ายพวกเขาก็ตายกันหมดเลยไม่ใช่เหรอ” โจวเจ๋อตอบกลับ
“…” ไป๋อิงอิง
หลังจากได้ยินไป๋อิงอิงบอกว่าตอนที่เขาหมดสติไปนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง โจวเจ๋อก็เอาแต่พะวงอยู่ในใจเรื่อง ‘ตายไม่พบศพ’ ของพระขี้เรื้อน
บางที ในสายตาของคนทั่วไป ต่อให้เขายังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ต้องพูดถึงความเสียหายเรื่องของพลังหรอก แค่ฟื้นกลับมาได้ ก็เป็นได้แค่ผู้แพ้เท่านั้น แต่โจวเจ๋อรู้ดีว่าพระขี้เรื้อนถูกทำลายศรัทธาไปแล้ว ผู้ที่มีความศรัทธาแน่วแน่หลังจากศรัทธาพังทลายลงจะกลายเป็นสิ่งเลวร้ายน่ากลัวแค่ไหนกันนะ
อยู่ดีๆ ก็ทิ้งสุนัขแก่ๆ ที่เสียโซ่ล่ามไปแล้วตัวหนึ่งเอาไว้ให้ตัวเองในมุมมืด รสชาติประเภทนี้ ทำให้รู้สึกไม่สบอารมณ์จริงๆ
หากจะโทษก็คงต้องโทษอิ๋งโกว บางทีในมุมมองของเจ้าหมอนั่น สิ่งที่เขาให้ความสนใจจริงๆ คือความเป็นได้ที่พระพุทธเจ้าอาจปรากฏออกมา ฉะนั้นเจ้าหมอนี่ถึงได้เต๊ะท่า แทบจะทำให้ร่างกายของเถ้าแก่โจวซูบแห้งไปแล้ว
ถ้าตอนนั้นเจ้าหมอนั่นเดินต่อไปอีกสองสามก้าว ขยี้พระขี้เรื้อนจนเละเป็นโคลนไปเลย ไม่ปลอดภัยกว่าเหรอ ไม่ใช่สิ ทำไมก่อนหน้านี้เขาดันดูไม่ออกว่าเจ้าอิ๋งโกวนั่นมีด้านเบียวๆ ขนาดนี้อยู่ด้วย
เมื่อก่อนขอแค่มีคนของขุมอำนาจในนรกโผล่ออกมา เขาไม่เอ่ยปากพูดสักแอะเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าโจวเจ๋อตะโกนเรียกเขาอย่างไรก็ไม่ออกมา
ครั้งนี้เล่นสนุกสุดเหวี่ยงงั้นเหรอ ไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลอะไรแล้วเหรอ ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ให้ความรู้สึกว่ายอมแพ้เองและหมดอาลัยตายอยากปล่อยให้เรื่องราวที่แย่แล้วให้แย่หนักขึ้น หรือว่าเมื่อก่อนตัวเองกระตุ้นเขามากเกินไปกันนะ ครั้งหน้าตัวเองจะอ่อนโยนกับเขาสักหน่อยดีไหม
โจวเจ๋อขบขันอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าหมอนั่นอายุปาเข้าไปหลายพันปีแล้ว ยังไม่ผ่านพ้นช่วงวัยรุ่นอีกเหรอ
ไม่ถูกสิ แกจะเล่นยังไงมันก็เรื่องของแก ถึงยังไงตอนนั้นฉันก็หมดสติอยู่แล้ว ถ้าแกไม่ลงมือพวกเราก็ต้องตายกันหมด แต่ตามเก็บงานแบบนี้มันแย่เกินไปหน่อยหรือเปล่า
ที่จริงในเรื่องนี้โจวเจ๋อปรักปรำอิ๋งโกวแล้ว ตอนนั้นอิ๋งโกวอยู่ในสภาพกระหืดกระหอบ จริงๆ แล้วคิดจะเปลี่ยนพระขี้เรื้อนเป็นผีดิบ แต่เวลาเขาไม่พอจึงกลับสู่นิทราอีกครั้ง
แต่ตอนนี้ลูกน้องรอบข้างโจวเจ๋อ อิงอิงอ่อนแอมาก ทนายอันกับนักพรตเฒ่ายังหลับสนิทอยู่ ตอนนี้หญิงสาวผิวเข้มที่ถูกเขาหักขาสองข้างก็มีจุดตายอยู่ เหล่าจางก็เป็นแค่ตำรวจคนหนึ่งจริงๆ ไม่มีคนที่เหมาะสมจะส่งไปค้นหาพระขี้เรื้อนตามแม่น้ำได้เลย
เมื่อหาโรงแรมใกล้ๆ เปิดห้องพักสองสามห้อง ทุกคนก็จัดแจงห้องหับหลับนอนเป็นการชั่วคราว
…
เที่ยงวันต่อมา ทนายอันลืมตาอยู่บนเตียงพลางกุมหน้าผากของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
เกิดอะไรขึ้น เขาคออ่อนได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ
เมื่อมองไปรอบๆ แล้วทนายอันก็ลุกจากเตียง และเห็นนักพรตเฒ่านอนอยู่บนเตียงฝั่งตรงข้าม
นักพรตเฒ่าสวมกางเกงใน ต้นขามีขนพรอมแพรมทั้งสองข้าง ในตอนสายโด่งแบบนี้ดูเสียดแทงลูกตานิดหน่อยจริงๆ
“เฮ้ ตื่นๆ” ทนายอันเอื้อมมือไปผลักนักพรตเฒ่า
นักพรตเฒ่าครางเสียง ‘อืม’ พลางตะแคงตัวหนีบผ้าห่มไว้ตรงกลางระหว่างสองขาแล้วนอนต่อ
ทนายอันทุบหัวตัวเองพร้อมกับเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ พอออกมาแล้ว นักพรตเฒ่าก็นั่งบนเตียงเช่นกัน ดวงตาดูเฉื่อยชาเล็กน้อย
“อะ อื้อ…” นักพรตเฒ่าบิดขี้เกียจ “เมื่อวานข้าเมาจนผล็อยหลับไปเหรอ”
“คุณเมาน่ะเป็นเรื่องปกติ แต่ผมเมาน่ะมันไม่ปกติแล้ว”
ทนายอันชำเลืองมองนักพรตเฒ่าอย่างเคืองๆ เมื่อวานจะต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแน่ๆ ถ้าดื่มเหล้านิดหน่อยแล้วทำให้เขาหลับลึกได้ อย่างนั้นทำไมก่อนหน้านี้เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับการนอนไม่หลับด้วยเล่า
‘ก๊อกๆๆ’ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น อิงอิงยืนอยู่ข้างนอก
“เถ้าแก่ให้ข้ามาถามพวกคุณว่าตื่นหรือยัง”
“ตื่นแล้ว” ทนายอันเริ่มสวมใส่เสื้อผ้า แต่ไม่ได้เปิดประตู
“งั้นลงมากินข้าวเถอะ เถ้าแก่ลงไปรอข้างล่างแล้ว”
…
ระดับของโรงแรมแห่งนี้ค่อนข้างหรูทีเดียว รวมบริการต่างๆ เช่น ที่พัก อาหาร และเครื่องดื่มเข้าด้วยกัน
หลังจากนักพรตเฒ่าอาบน้ำเสร็จก็ลงมาพร้อมกับทนายอัน แล้วพากันเดินตามพนักงานที่นำไปยังห้องส่วนตัว
ในห้องส่วนตัวนั้น อิงอิงนั่งข้างเถ้าแก่ ข้างๆ ยังมีผู้หญิงผิวเข้มอยู่อีกคนหนึ่ง นอกจากนี้จางเยี่ยนเฟิงที่เปลี่ยนเป็นชุดไปรเวทก็นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย ข้างๆ จางเยี่ยนเฟิงยังมีเจ้าลิงน้อยที่คอยชะโงกหัวเยี่ยมๆ มองๆ
“วู้ว อาหารเยอะแยะเลย”
นักพรตเฒ่ามองโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลแบบจัดหนักจัดเต็ม ตรงกลางยังมีปูเซี่ยงไฮ้จานเบิ้มวางอยู่ มันช่างน่าเหลือเชื่อขนานแท้
ครั้งนี้เถ้าแก่ใจกว้างขนาดนี้เลยเหรอ
ทนายอันกัดฟันกรอด ตอนสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น เขาคลำหากระเป๋าเงินของตัวเองไม่เจอ
“เอ้า กระเป๋าสตางค์ของคุณ”
โจวเจ๋อโยนกระเป๋าหนังใบใหญ่ที่โดดเด่นสะดุดตามากลงบนโต๊ะฝั่งตรงข้าม ทนายอันไม่ได้พูดอะไร นั่งลงพลางเก็บกระเป๋าเงินคืน และยกน้ำชาตรงหน้าดื่มเข้าไปอึกใหญ่
นักพรตเฒ่าก็นั่งลงมาเช่นกัน เจ้าลิงน้อยรีบกระโดดขึ้นบนขานักพรตเฒ่าทันที
“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” ทนายอันถาม
“ถามเธอสิ”
โจวเจ๋อกำลังกินปูเซี่ยงไฮ้ที่อิงอิงช่วยแกะให้อยู่ ทนายอันมองโจวเจ๋อกินอย่างเอร็ดอร่อยขนาดนั้นจนนึกอิจฉา แน่นอนว่าต้องดื่มน้ำพลับพลึงแดงก่อนถึงจะสามารถลิ้มรสอาหารได้
เอ๊ะ ไม่ใช่สิ
ทันใดนั้นทนายอันก็พบว่ามีขวดน้ำพลับพลึงแดงขวดหนึ่งวางอยู่ตรงหน้าตัวเองอย่างไม่คาดฝัน
พระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันตกแล้วเรอะ!
สีหน้าทนายอันพลันเปลี่ยนกะทันหัน รีบคว้าน้ำพลับพลึงแดงไว้ในมือแล้วกระดกดื่มพรวดเดียวเกลี้ยง ราวกับกลัวโจวเจ๋อจะแย่งคืนไป จากนั้นจับเอาปูเซี่ยงไฮ้สองตัวมาวางตรงหน้าตัวเองอย่างรวดเร็วทันที
คนทั้งโต๊ะต่างก็กินเอาๆ แม้แต่ผู้หญิงตัวดำก็ยังกินเอาๆ กระทั่งไม่รู้สึกจิตตกและเสียใจที่ร่างกายเปลี่ยนไปเลยและไม่มีความทุกข์ที่ไม่สามารถเดินได้แม้แต่น้อย ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่ม ตอนสั่งอาหารโจวเจ๋อยังสั่งเหล้าอู่เหลียงเยี่ยให้เธอขวดหนึ่งด้วย
คนทำไร่ทำนาสามารถอดทนอดกลั้นต่อความทุกข์ได้ดีและแข็งแกร่งจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล