ตอนที่ 502 ฉิบหาย!
โจวเจ๋อรู้สึกว่า หากจัดอันดับวันที่ซวยที่สุดในชีวิตละก็ วันนี้อาจเทียบได้กับวันที่เขาถูกเผาด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ถ้านำมาพูดเปรียบเทียบกันแล้ว ทั้งสองอย่างนี้เปรียบเทียบกันได้อย่างสมบูรณ์
โดยเฉพาะช่วงสุดท้าย ล้มแล้วล้มอีกแล้วก็ล้มซ้ำอีก จนบางครั้งทนไม่ไหวอยากโยนตัวเองกระแทกให้ตายๆ ไปเสียก็ดี เขาจะพาอิ๋งโกวจบเห่อย่างมีความสุขไปด้วยกัน ซึ่งมันก็ดีกว่าทรมานร่างตัวเองจนไม่เหลือชิ้นดี
ด้วยเหตุนี้ หลังพบว่าตัวเองร่วงตกจากหลังคาลงไปในของเหลว โจวเจ๋อจึงไม่เลือกดิ้นรนขึ้นไปบนผิวน้ำ
อย่างแรกเลย เหนื่อยใจแล้ว วันนี้กระเสือกกระสนหลายครั้งเกินพอแล้ว
อย่างที่สองคือ ตอนนี้เจ็บปวดไปทั่วร่างแล้ว เดาว่ากระแทกติดต่อกันเมื่อกี้กระดูกน่าจะหักไปหลายท่อนทีเดียว อยากจะเคลื่อนไหวท่วงท่าใดมันก็ยากเกินไปแล้ว
อย่างที่สามคือ โจวเจ๋อหมดเรี่ยวหมดแรงแล้ว ศักยภาพของร่างนี้หมดสภาพไปตั้งนานแล้ว
แต่ทว่า หลังจากจมอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน จู่ๆ โจวเจ๋อก็ลืมตาโพลง
ไม่ถูกต้อง ทำไมไม่รู้สึกถึงภาวะขาดอากาศหายใจล่ะ
ไม่เพียงแต่จะไม่รู้สึกหายใจไม่ออก ตรงกันข้ามกลับมีความอุ่นสบายอยู่ทั่วร่าง เหมือนกับเดินออกไปหยิบกระป๋องโค้กเย็นๆ หลังเพิ่งอบซาวน่าเสร็จอย่างไรอย่างนั้นเลย
ครั้งก่อนที่โจวเจ๋อรู้สึกแบบนี้ตอนอยู่ใต้น้ำคือตอนที่เผชิญหน้ากับหญิงไร้หน้าใต้สระน้ำริมเส้นทางน้ำพุเหลือง ภายใต้สระน้ำแห่งนั้นไม่มีความรู้สึกหายใจไม่ออกเลยสักนิด
ในเวลานี้เอง โจวเจ๋อได้ยินเสียงประตูถูกผลักออก มีคนเข้ามาแล้ว!
มีคนเข้ามาสองคน หรือจะพูดให้ถูกจริงๆ ก็สามคน เพราะมีคนตัวเล็กมากๆ หนึ่งคนถูกหามเข้ามาด้วย
คนตัวสูงใหญ่ทั้งซ้ายและขวาสองคน คนด้านซ้ายหน้าตาอัปลักษณ์ หนอนไต่ยั้วเยี้ยไปทั่วตัว เขี้ยวสองซี่ตรงมุมปากดูดุร้ายมาก แถมมีห่วงคล้องจมูกอีก ความสูงน่าจะประมาณสองเมตร เปลือยกายทั้งท่อนบนและท่อนล่าง
คนด้านขวาแลดูสะอาดสะอ้านกว่ามาก แถมดูเป็นผู้รากมากดีกว่ามากเช่นกัน เขาสวมใส่ชุดคลุมทางการสมัยราชวงศ์ชิง เป็นลักษณะของผีดิบมาตรฐานในหนังผีดิบฮ่องกงในช่วงหลายปีก่อน
การเคลื่อนไหวของผีดิบทั้งสองแข็งกระด้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กระโดดเด้งดึ๋งๆ เข้ามาแต่อย่างใด แค่หามเด็กชายเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า
“หลังคาพังได้อย่างไร” ผีดิบเปลือยกายเงยหน้ามองและพูด
โจวเจ๋อซ่อนตัวอยู่ใต้ผิวน้ำ ไม่กล้ากระดุกกระดิกตัวแม้แต่น้อย
“มีคนจากข้างบนระเบิดที่นี่ บ้านพังถล่มไปตั้งหลายหลัง นี่นับว่ายังดีอยู่ ตราบใดที่สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่เสียหายก็ถือว่าโชคดียิ่ง มิฉะนั้นนายท่านไม่มีแม้แต่โอกาสเยียวยาบาดแผลให้มีชีวิตต่อไปได้แน่ๆ”
โจวเจ๋อมองไม่เห็นภาพของทั้งสองคนนี้ อย่างไรก็ตามเขาอยู่ใต้น้ำ หรือที่ก้นสระ แต่ก็ยังพอได้ยินเสียงคร่าวๆ
เสียงพูดคุยของผีดิบดังก้องมากจริงๆ จะให้ฟังไม่ชัดเจนนั้นก็ยากพอสมควร
คิดว่าคงมีแต่อิงอิงของเขาที่พูดจะไพเราะเสนาะหูเหมือนเสียงลมเสียงฝนพรำ
ในตอนนี้เอง ผีดิบอีกตัวที่อยู่นอกประตูได้เข้ามา ผีดิบตัวนี้สวมชุดเกราะ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีระดับนักถึงได้กระโดดเด้งดึ๋งๆ เข้ามา จัดอยู่ในประเภทเด็กทารกที่เพิ่งกลายเป็นผีดิบได้ไม่กี่ปี
อีกทั้งได้ยินเสียงจังหวะกระโดดเด้งดึ๋งนี้แล้ว โจวเจ๋อคิดว่าผีดิบที่โผล่มาอีกตัวนี้คงไม่ใช่ผีดิบที่อ้างเหตุผลมาไล่ล่าตัวเองและคนอื่นๆ เมื่อกี้ใช่ไหม พอเสียงระเบิดดังขึ้น เจ้านี่คงจะตกใจจนวิ่งหางจุกตูดกลับไปเลยสินะ
คิดไม่ถึงว่าทุกคนจะโซซัดโซเซมา ‘เจอกัน’ ที่นี่อีกครั้ง
อีกอย่างข้างล่างนี้มีผีดิบมากมายหลายตัวขนาดนี้เชียวเหรอ
จริงๆ แล้วตอนนี้โจวเจ๋อยังคิดอยู่ว่า หากเด็กชายไม่ได้หลงสาวน้อยโลลิจนหัวปักหัวปำ เป็นเพียงแค่การถูกจับแสนธรรมดาละก็ อาจจะอาศัยตัวตนว่าทุกคนเป็นผีดิบกันทั้งนั้น ใช้วิธีการเจรจาอย่างเท่าเทียมกันแก้ไขข้อพิพาทนี้อย่างสันติได้จริงๆ ก็เป็นได้
แต่เงื่อนตายของเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือเด็กชายจะไม่มีทางปล่อยมือเด็ดขาด
จุ๊ๆ ความรักช่างโง่เง่าเสียจริง
“จับคนไว้ไม่ได้หรือ” ผีดิบเปลือยกายต่อว่าทันที
“อูๆๆ อู้ๆๆ อา…อู้ๆ อูๆ…อาๆๆ อูๆๆ…”
เห็นได้ชัดว่าผีดิบตัวนั้นยังพูดภาษาคนไม่ได้ แต่เขาใช้วิธีส่งสารระหว่างผีดิบด้วยกัน จนโจวเจ๋อที่อยู่ใต้น้ำฟังออกด้วย
ความหมายคร่าวๆ คือข้างบนระเบิดแล้ว ผังข้างล่างเสียหาย ฮวงจุ้ยเคลื่อนผิดตำแหน่ง ทำให้พวกภูตผีปีศาจและวิญญาณในขุนเขาบางส่วนกระเจิดกระเจิงหนีไปทั่วทุกทิศ
สรุปสั้นๆ ปืนใหญ่ของเหล่าจางด้านบนกระหน่ำจนใต้ดินเละเป็นโจ๊ก
“วิญญาณหายไปก็ช่างปะไร ภูตผีปีศาจหายไปก็ช่างหัวมันสิ พวกมันก็แค่ถูกสภาพแวดล้อมพิเศษของที่นี่ดึงดูดให้เป็นทาสรับใช้นายท่านเท่านั้น ไม่มีค่าอะไร แต่จับไอ้คนที่แอบเข้ามาประทุษร้ายนายท่านไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยอย่างใหญ่หลวง!”
ผีดิบเปลือยกายเดินเข้าไปจับคอผีดิบหน้าใหม่ตัวนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล