ตอนที่ 528 เสี่ยวหมา เสี่ยวเอ๋อร์หลาง สะพายกระเป๋าใบนั้นไปโรงเรียน
“แต่ผู้ชายน่ะนะ อยู่ต่อหน้าคนที่ชอบจะมีศักดิ์ศรีไปทำไม ศักดิ์ศรีมันกินแทนข้าวไม่ได้เสียหน่อย ว่าไหม”
น้องภรรยาอมยิ้มแล้วพูด “ฉันหลอกนายเล่นน่ะ พี่สาวฉันไม่อยู่หรอกน่า”
“ไม่ว่าเธอจะอยู่หรือไม่ก็ต้องพูดมันอยู่ดี”
“แล้วแต่นายละกัน จะว่าไป นายก็ยังชอบพี่สาวฉันสินะ” น้องภรรยาเข้ามาประชิดตัวแล้วกระทุ้งข้อศอกตัวเองใส่โจวเจ๋อเบาๆ “ขาพี่สาวฉัน หุ่นนั่น สวมเครื่องแบบ ใส่ถุงน่องเพิ่มไปอีกคู่ ฉันมองแล้วยังอิจฉาเลย แถมเธอยังสูงเพรียว ทรวดทรงอวบอั๋นนั่นอีก จับแล้วมีน้ำมีนวลนิดหน่อยด้วยนะ”
โจวเจ๋ออยากพยักหน้าเหลือเกินแต่ต้องฝืนเอาไว้
“สวีเล่อ จริงๆ แล้ว เมื่อก่อนฉันเกลียดนายมากเชียวละ แถมยังดูถูกดูแคลนนายอีกด้วย”
“เห็นด้วย” ฉันก็ดูแคลนไอ้สวีเล่อโง่เง่าคนนี้เหมือนกัน
“นายมาเห็นด้งเห็นด้วยบ้าอะไร ฉันบอกนายเลยนะว่าตอนนี้ฉันกลับชอบที่นายเป็นพี่เขยของฉันเสียอีก ถ้านายเข้ากับพี่สาวฉันได้ดี ฉันก็ดีใจไม่เบา”
โจวเจ๋อเงียบ
“ระหว่างสามีกับภรรยา มีอุปสรรคไหนที่ข้ามไปไม่ได้บ้างล่ะ”
โจวเจ๋อยังคงนิ่งเงียบ
อันที่จริง พอตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว บุญคุณความแค้นหรือแม้แต่ความเกี่ยวข้องทางศีลธรรมและจริยธรรมในตอนแรก ในตอนนี้ต่างก็ไม่สำคัญแล้ว แต่โจวเจ๋อก็ยังรู้สึกว่าตอนนี้มันดีมากแล้ว
ร้านหนังสือไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ใหญ่พอที่จะรองรับเขาได้ เขาไม่อยากพัวพันและเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นๆ อีกแล้ว เพราะ…ขี้เกียจ
จริงๆ แล้วที่หลายๆ คนยากที่จะเข้าใจสภาพจิตใจของโจวเจ๋อในปัจจุบัน เป็นเพราะสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ต่างก็ยุ่งอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพื่อชีวิต เพื่อความฝัน และเพื่อเป้าหมายทั้งหลายประการ
ออกไปตะลอนเที่ยวยามว่างในบางครั้งคราว ก็เป็นการแข่งขันกับเวลาเช่นกัน การถ่ายรูปโพสต์โมเมนต์วีแชตก็เหมือนกับการทำภารกิจอย่างหนึ่ง
แต่สำหรับโจวเจ๋อที่เคยเห็นความเจริญแล้ว ทุกวันนี้การที่ได้เอนกายนอนพลางถือกาน้ำชา หรือการได้นั่งพักผ่อนหย่อนใจสบายอารมณ์ ช่างเป็นอะไรที่ล้ำค่าและหายากจริงๆ โจวเจ๋อชอบความสบายอกสบายใจและไม่ต้องแยแสอะไรอย่างนี้มาก หากยังเพิ่มเมล็ดยี่หร่า น้ำส้มสายชู พริกไทย ลูกเดือยลงในถ้วยน้ำชาต่อ จะทำให้เสียอารมณ์นั้นไป
“เอาละ เธอก็ดูแลตัวเองด้วย มีเรื่องอะไรละก็มาหาฉันได้”
โจวเจ๋อยื่นมือหมายจะลูบหัวน้องภรรยาเหมือนผู้ใหญ่เขาทำกัน แต่น้องภรรยากลับถอยหลังไปสองก้าวหลบมือของโจวเจ๋อ
ยัยเด็กนี่
“ฉันไปละ เธอขึ้นไปเถอะ” โจวเจ๋อโบกมือหยอยๆ แล้วเดินกลับไปทางสนามกีฬา เดินลัดเลาะสนามกีฬาก็ถึงประตูมหาวิทยาลัยแล้ว
สิ่งที่ทำให้แปลกใจก็คือ หญิงสาวตัวดำยังนั่งอยู่บนม้านั่งยาวตัวนั้น ข้างๆ นั้นก็มีเดดพูลนั่งอยู่ด้วย
“พวกคุณยังไม่ไปกันอีกเหรอ” โจวเจ๋อถาม
หญิงสาวตัวดำชี้ไปข้างหน้า นักพรตเฒ่ากับเจ้าลิงน้อยกำลังเล่นบอลอยู่ที่สนามกีฬา นักพรตเฒ่าขว้าง เจ้าลิงน้อยรับบอล เล่นสลับกันไปมาเรื่อยๆ ภายใต้ม่านราตรี หนึ่งคนหนึ่งลิงเคียงบ่าเคียงไหล่กัน
…
เมื่อกลับถึงร้านหนังสือก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว สวี่ชิงหล่างเตรียมของกินเล่นมื้อดึก ทั้งเต้าหู้เหม็น ถั่วลิสง เต้าหู้แต้จิ๋วอบแห้ง หัวหมูชุยจี้จากเมืองซิงเหริน แถมเหล้าเหลืองเก่าแก่อีกหนึ่งเหยือก โจวเจ๋อ หญิงสาวตัวดำ และนักพรตเฒ่ารวมเจ้าลิงอีกหนึ่งตัว นั่งกินด้วยกันนานพอสมควร จากนั้นก็ผลัดกันไปอาบน้ำทีละคน แล้วแยกย้ายกลับห้องตัวเอง
อิงอิงเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ เมื่อโจวเจ๋อเข้ามา เธอกำลังนั่งทาสีเล็บเท้าให้ตัวเองอยู่ตรงริมขอบเตียง วันนี้เธอสวมชุดนอนสีอ่อนปักลวดลายไว้ด้านบน ดูคลาสสิกมาก ผมปัดไปด้านหนึ่งอย่างลวกๆ สายน้ำแห่งความงามสง่าไหลพรั่งพรูลงมาอย่างพิถีพิถัน
งดงามมาก อิงอิงของเขาช่างเป็นกุลสตรีดีงาม
“อย่าทาเลย น้ำยาทาเล็บมีพิษ” โจวเจ๋อเดินเข้ามาแล้วพูด
“แต่ว่า เถ้าแก่เจ้าคะ ข้าไม่กินเท้าของตัวเองเสียหน่อย” พูดจบ ดูเหมือนอิงอิงจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เอามือปิดปาก หรือว่าเถ้าแก่กลัวว่าตัวเองจะถูกพิษเข้า
“คิดอะไรน่ะ นอนได้แล้ว” โจวเจ๋อนอนลง อิงอิงก็รีบห่มผ้าให้โจวเจ๋อแล้วนอนตะแคงหันหน้ามาทางโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อหลับตา วันนี้เขาเหนื่อยแล้ว ไม่นานก็หลับสนิท อิงอิงนอนมองเถ้าแก่ของเธอนอนหลับปุ๋ยอยู่อย่างนี้ มองดูแพขนตาของเถ้าแก่ที่ขยับเคลื่อนไหว เส้นโค้งเล็กๆ วาดขึ้นที่มุมปากของเธอ
ดูไปดูมา ดูจนบ้าไปแล้ว
…
ตื่นนอนในยามเช้าตรู่ อาบน้ำอาบท่าตามปกติแล้วเดินไปที่ที่ตัวเองคุ้นเคยที่สุด ทนายอันก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่มีโคตรพ่อโคตรแม่แก้วกาแฟวางอยู่ด้านหน้าเขาอีกด้วย มองแก้วกาแฟในตอนเช้าตรู่อย่างนี้ เปลือกตาของโจวเจ๋อก็รู้สึกหนักอึ้งนิดหน่อย แล้วเขาก็นั่งลง อิงอิงยกกาแฟที่ ‘ห่วย’ มากในสายตาของทนายอันเข้ามาเสิร์ฟ
“หนังสือพิมพ์ล่ะ” โจวเจ๋อถาม จากนั้นก็เห็นหนังสือพิมพ์อยู่ในมือของทนายอัน
“วันนี้คุณตื่นเช้าดีนะ” โจวเจ๋อพูด
“อืม” ทนายอันตอบรับแล้วยื่นหนังสือพิมพ์ให้โจวเจ๋อพลางเอ่ยว่า “ดูข่าวกีฬาวันนี้แล้ว มีการโยกย้ายสมาชิกทีมชาติ U25 ร่วมหลายสิบคนเข้าแคมป์ฝึกซ้อม”
“หือ” โจวเจ๋อแปลกใจนิดหน่อย “คุณดูบอลด้วยเหรอ”
“ผมเคยกินข้าวกับหลี่ฮุ่ยถังด้วยซ้ำไป”
“ไม่รู้จัก”
“เหอะๆ ปีนั้นมีประโยคยอดฮิตอยู่ด้วย ‘ดูละครต้องดูเหมยหลานฟาง ดูบอลต้องดูหลี่ฮุ่ยถัง’”
อ้อ นั่นมันตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว โจวเจ๋อหยุดพูด เพราะเขารู้สึกว่าทนายอันกำลังโชว์เหนือเรื่องความเก๋าของอายุ
“สิ้นหวังแล้ว จบสิ้นแล้ว ลีกในประเทศก็ยังเล่นอยู่แล้วจะโยกย้ายผู้เล่นจากสโมสรออกไปโดยตรงอีก คุณรู้ไหมว่าแคมป์ฝึกซ้อมมีไว้เพื่อทำอะไร”
“ทำอะไร”
“ฝึกทหาร!” ทนายอันทำสีหน้าเล่นใหญ่เกินจริง “ให้กลุ่มผู้เล่นฟุตบอลไปฝึกทหาร แต่ละคนสวมชุดลายพรางทหาร ตัดผมหัวเกรียน และหน้าเดิน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล