ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 54

สรุปบท ตอนที่ 54 คืนเงินมา!: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

อ่านสรุป ตอนที่ 54 คืนเงินมา! จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 54 คืนเงินมา! คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 54 คืนเงินมา!

“แม่คะ หนูกลับมาแล้ว”

เด็กสาวผลักเปิดประตูบ้านและตะโกนออกไป เสียงทะเลาะเบาะแว้งของพ่อแม่ตัวเองดังมาจากในห้องแถว

ไม่ว่าเธอจะกลับมาหรือกินข้าวเย็นมาแล้วหรือไม่ ก็ไม่สำคัญในสายตาของพ่อแม่

พ่อเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง แม้ว่าจะขยับตัวได้เล็กน้อย แต่นอกจากนั่งบนกระโถนทำธุระแล้ว ก็ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้อีก

ทุกวันแม่ต้องนอนดึกตื่นเช้า เพื่อออกไปตั้งแผงขายอาหารในตอนเช้า

ตามหลักแล้ว บรรยากาศในบ้านของพวกเขาน่าจะเป็นไปตามรายงานทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่ตีพิมพ์แบบนั้น

ยากจนข้นแค้น เข้มแข็งและทรหด แต่กลับไม่สูญเสียความอบอุ่นและความสามัคคีของครอบครัว

ตัวเองก็ควรจะเรียนได้เกรดดีๆ มุมานะแทนพ่อแม่

แต่บางทีเรื่องราวในเทพนิยายก็เป็นเพียงส่วนน้อย ครอบครัวของตัวเองต่างจากที่ตัวเองเคยเห็นในรายงานข่าวมาทั้งหมดอย่างสุดขั้ว

พ่อเป็นอัมพาตอยู่บ้านกลับไม่สามารถควบคุมสติที่ดีได้ เขาอารมณ์ร้ายมาก โดยเฉพาะกับแม่ที่ออกไปทำงานนอกบ้านทุกวัน ถูกต่อว่าเป็นประจำ ว่าแม่มีผู้ชายอยู่นอกบ้านและว่ามีชายชู้บ้างล่ะ

ว่าแม่ไร้ยางอาย เป็นพวกขายตัวกิน

แม่ทะเลาะกับพ่อทุกวัน จากนั้นพ่อก็มักจะคำรามแล้วขว้างปาสิ่งของ

แรงกำลังอีกครึ่งชีวิตที่เหลือของผู้ชายคนนี้ อาจจะใช้ไปกับการดุด่าคน ทั้งที่นอนอยู่บนเตียงล่ะมั้ง

แต่ตัวเองก็กลับไม่สามารถเห็นอกเห็นใจแม่ได้อย่างเต็มที่ เพราะเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อย รวมถึงพวกเสื้อผ้าบางส่วนที่แม่ใส่เป็นครั้งคราวนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ยี่ห้อที่แม่จะไปจ่ายซื้อเอง หนำซ้ำมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธออยู่โรงแรมกับแฟนหนุ่ม ได้เจอเข้ากับแม่ที่เดิมทีควรไปซื้อวัตถุดิบ แต่กลับอยู่กับผู้ชายอีกคนและเข้าโรงแรมเดียวกันกับตัวเองอีกต่างหาก

ในเวลานั้นทั้งสองฝ่ายเกือบจะเดินเข้าไปในลิฟต์เดียวกันแล้ว ถ้าเธอไม่ตอบสนองเร็วกว่านี้ และบอกแฟนของเธอว่าขอไปเข้าห้องน้ำก่อน อาจจะเกิดความอับอายขายขี้หน้าฉากหนึ่งเลยก็ได้

นี่เป็นบ้านที่แตกสาแหรกขาด ดูเหมือนเป็นสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน แต่ความเป็นจริงนั้น มันรั่วไหลไปทุกทีจริงๆ

เธอไม่รู้ว่าทำไมแม่ถึงไม่หย่ากับพ่อ และเธอไม่รู้ว่าทำไมพ่อในฐานะที่นอนอยู่บนเตียง สูญเสียทั้งความสามารถในการทำงานหาเงิน หรือแม้แต่ความสามารถในการทำงานบ้านก็ไม่มี ทำไมกลับไม่รู้จักข้อบกพร่องในตัวเองเลยแม้แต่น้อย

สรุปแล้ว

เคยชินกับการใช้กุญแจเปิดประตูบ้าน

เคยชินกับการได้ยินเสียงทะเลาะกันของพ่อแม่

เคยชินกับการเดินเข้าไปห้องใต้หลังคาเล็กๆ ของตัวเอง

เคยชินกับการรินน้ำเปล่าเย็นๆ ให้ตัวเอง

เคยชินกับการเปิดแมคบุ๊ครุ่นใหม่ล่าสุดของตัวเอง

เคยชินกับการหยิบน้ำยาล้างเครื่องสำอางสูตรอ่อนโยน ที่เพิ่งซื้อมา

เคยชินกับการเปิดวิดีโอบล็อกเกอร์ความงามที่ตัวเองชอบดูบ่อยๆ

เคยชินกับการเข้าสู่ระบบเว็บไซต์จือฮู

นี่คือชีวิตของเธอ และมันคือจังหวะชีวิตของเธอในตอนนี้

การสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับเธอ กลายเป็นความฝันที่ไกลเกินเอื้อมเรื่องหนึ่งมาตั้งนานแล้ว เพราะเกรดของเธอแย่มาก แย่จนเธอหมดหวังไปแล้ว

เธอรู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อย

เสียใจที่ตอนมัธยมต้นไม่ควรบอกว่า ครูประจำชั้นล่วงละเมิดตัวเองเพื่อเงินหลายหมื่นนั้นเลย

ตอนนั้นแม่และพ่อโกรธมาก หลังจากที่ตัวเองพูดเรื่องนี้ออกไปแล้ว แม่ก็ไม่ออกไปตั้งร้านอยู่หลายวันและเรียกญาติสองสามคนแบกเปลหามพ่อที่เป็นอัมพาตไปที่หน้าประตูโรงเรียน

คู่สามีภรรยากอดกันร้องไห้คร่ำครวญเศร้าโศกเสียใจ น่าเวทนา เมื่อนักข่าวได้ยินข่าวก็เหมือนฉลามได้กลิ่นเลือด

ผู้คนขาดคุณธรรม ไร้ซึ่งมนุษยธรรม

มักจะเป็นประเด็นร้อนแรงยอดนิยมของนักข่าวในปัจจุบัน เพราะมันไม่เหยียบเส้นกัน ความเสี่ยงต่ำ แต่ผลที่ตามมาจากการกลายเป็นจุดสนใจนั้นยิ่งใหญ่มหาศาลจนเทียบไม่ได้เลย

อย่างไรก็ตาม ทิศทางของเหตุการณ์นั้น ทำให้เธอต้องประหลาดใจ

ตอนแรกเธอแค่ต้องการเงินค่าขนมเพิ่มอีกนิดหน่อยเพื่อซื้อเสื้อผ้า

ครูประจำชั้นและเป็นครูสอนภาษาจีน รู้สถานการณ์ที่บ้านตัวเอง และเคยช่วยเหลือตัวเองอยู่บ้าง โดยปกติเขาจะจ่ายค่าเทอมและค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดให้ล่วงหน้า

บางครั้งแม่ของครูเริ่นจะชวนตัวเองไปทานอาหารเย็นที่บ้านด้วย

ครูเริ่นยังไม่ได้แต่งงาน บวกกับที่เธอมักจะไปที่ห้องทำงานและบ้านของเขา เป็นการเปิดโอกาสให้คนมากมายเข้าใจผิด เอาไปพูดต่อแบบผิดๆ ได้

ข่าวลือซุบซิบมีมาก่อนที่เธอเองจะเปิดเผยแล้ว แต่ตอนนั้นเธอไม่ได้สนใจอะไร

ถึงแม้ว่าเธอจะเคยได้ยินมันก็ตาม

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอแอบไปเที่ยวผับบาร์ หลังจากถูกครูเจอเข้าระหว่างทางเดินออกมา ครูก็เย็นชากับเธอขึ้นมา ราวกับว่าเขาผิดหวังในตัวเธอมาก

แม่ของเขาก็ไม่ชวนตัวเธอไปกินข้าวที่บ้านอีกเลย แม้กระทั่งเขาก็ไม่จ่ายค่าเทอมและค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดล่วงหน้าให้อีก ไม่ช่วยส่งเสียตัวเองอีกต่อไป นี่ทำให้เธอรู้สึกโกรธมาก

จากนั้นเธอจึงบอกว่าตัวเองถูกล่วงละเมิดเพื่อเป็นการขู่ และไปหาครูเพื่อขอเงิน เธอต้องการเงิน เธออยากได้ลิปสติก อยากได้เสื้อผ้า และอยากได้ของพรีออเดอร์ ล้วนแล้วแต่ต้องการเงินเพื่อไปซื้อ

แต่ครูปฏิเสธเธอ แม้เธอขู่ว่าจะเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปก็ตาม

แม้แต่ตอนนี้ เธอก็รู้สึกว่าครูประจำชั้นมัธยมต้นของตัวเองเป็นพวกเถรตรงจริงๆ

เขาในตอนนั้น ยังเคาะโต๊ะและตะโกนใส่ตัวเองว่า ‘ความเป็นธรรมอยู่ในใจคน’

แต่ทว่า มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ น่ะหรือ

หลังจากเรื่องแดงขึ้นมา เขาก็ถูกโรงเรียนพักงาน

แรงกดดันมหาศาลจากความคิดเห็นของสาธารณชน จนในที่สุดทำให้เขาบ้าคลั่ง

เขาโต้กลับอย่างโกรธเคือง

โต้กลับอย่างยาวเหยียดบนอินเทอร์เน็ต

‘ใช้คำโบราณส่อเสียด’ ได้เต็มปากเต็มคำ

แม้ว่าตอนนั้นเธอจะเป็นแค่นักเรียนมัธยมต้น เธอก็เป็นแค่คนขี้ขลาด เห็นได้ว่าการโต้กลับของครูในตอนนั้น ทั้งเปราะบางและไร้เรี่ยวแรงมากเหลือเกิน

แม้คำพูดจะดูเหมือนทรงพลัง จิตวิญญาณอันเที่ยงตรงไม่เกรงกลัวคำนินทา

อย่างเช่น เธอมีพี่เขยที่เปิดร้านหนังสือ อย่างเช่นเธอมีพี่สาวที่เป็นหมอ อย่างเช่นเธอมีพ่อที่เป็นเจ้าของบริษัทยาและเคยเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล

เธอเขียนจนถึงวันนี้มีเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่เคยถูกครูล่วงละเมิด แต่ในความเป็นจริงแล้วคือเพื่อนนักเรียนอีหนูชาเขียว[1] เธอทำกระเป๋าเงินหายไปแล้ว ตัวเองดูถูกเธอในใจ แต่ก็ยังเอาเงินห้าพันหยวนจากพี่เขยไปให้เธออยู่ดี

เพราะห้าพันหยวนสำหรับเธอ เป็นเพียงเศษเงินของค่าขนมทุกๆ เดือน

เป็นอีหนูชาเขียวที่น่าสงสารคนนี้ไปเถอะ

เธอมีแฟนคลับติดตามข่าวคราวของเธอเป็นจำนวนมาก เพียงแค่เธอโพสต์ข้อความไป ก็มีคนเข้ามาตอบและกดไลก์มากมาย เธอชอบความรู้สึกนี้ เธอได้พบกับชีวิตใหม่ของเธอในที่นี้แล้ว

แม้บางครั้งเธอก็แยกไม่ออกระหว่างการปั้นเรื่องเสมือนทางอินเทอร์เน็ตกับสภาพความเป็นจริงที่เป็นอยู่จริงๆ

เธอคิดว่าเธอคือหลินอี้

แน่นอนว่ามีบางคนเหน็บแนมว่าเธอดูถูกคนจน เพียงเพราะครอบครัวที่ร่ำรวยของเธอ คิดว่าแน่เหรอถึงได้ดูถูกคนอื่น

เธอตอบกลับไปอย่างใจเย็น ‘ใครสนกันล่ะ’

เธอปิดคอมพิวเตอร์ เตรียมพักผ่อน การนอนดึกเป็นศัตรูของผู้หญิง เธอต้องดูแลตัวเองให้ดี ผิวของเธอดูจะเป็นสิ่งที่มีค่าจริงๆ ที่พ่อแม่ของเธอทิ้งไว้ให้

เธอเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ

การทะเลาะวิวาทระหว่างพ่อแม่ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ พ่อขว้างแก้วและด่าแม่ แม่ด่ากลับคนขี้ขลาดไร้ประโยชน์ ทำไมไม่รีบๆ ตายไปซะ ไปหารถสักคันแล้วนอนลงไปใต้รถบนถนน จากนั้นก็ให้เงินชดเชยครอบครัวมาสักก้อนหนึ่ง นับว่าเป็นความรับผิดชอบของลูกผู้ชายแล้ว

เธอได้ยินแล้วก็ยิ้ม หลังจากล้างหน้าเสร็จแล้วก็กลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง

เมื่อเปิดประตู กลับพบว่ามีคนนั่งอยู่บนเตียงของตัวเอง

เป็นผู้ชายคนหนึ่ง

ชายหนุ่มกำลังสูบบุหรี่ และเขี่ยขี้บุหรี่ลงบนฝาของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ตัวเองเพิ่งซื้อมา

ชั่วขณะหนึ่ง เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรเผชิญหน้ากับชายคนนี้อย่างไรดี

คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่เธอปิดเอาไว้ ถูกชายคนนี้เปิดขึ้นอีกครั้ง และชายหนุ่มกำลังดูโพสต์ตอบกลับบนเว็บไซต์จือฮูของตัวเอง

ความเงียบกินเวลาไปประมาณสามนาที

ในที่สุดเธอก็ถามอย่างเสียงสั่นๆ ขึ้น “คุณมาทำอะไรที่นี่”

เธอรู้จักเขาและเพิ่งจะเจอไป พี่เขยที่เปิดร้านหนังสือคนนั้นของหลินอี้

โจวเจ๋อเสียบก้นบุหรี่ลงในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของเธอ

มุมปากเธอกระตุก ยี่ห้อนั้นแพงมาก และเธอซื้อมันหลังจากที่ไปกับชายชรามาแล้วครั้งหนึ่ง

โจวเจ๋อมองเธอเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

จากนั้นพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “คืนเงินมา”

……………………………………………………………………

[1] อีหนูชาเขียว เปรียบถึงผู้หญิงที่แกล้งแอ๊บแบ๊ว ซื่อๆ ใสๆ อ่อนต่อโลก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล