ตอนที่ 578 เด็กดี ลงมาสิ! – ตอนที่ต้องอ่านของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล
ตอนนี้ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 578 เด็กดี ลงมาสิ! จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 578 เด็กดี ลงมาสิ!
เส้นทางในโลกนี้เดิมทีก็ขึ้นๆ ลงๆ ครอบครัวและธุรกิจเล็กๆ เป็นอย่างนี้ ความรุ่งเรืองล่มสลายของราชวงศ์ก็เช่นเดียวกัน โดยทั่วไปไม่สามารถหลีกหนีกฎเกณฑ์นี้ได้
แม้แต่นรก ก็เฉกเช่นเดียวกันนี้
อิ๋งโกวนั่งอยู่บนก้อนหินบนยอดเขา ไม่มีลมพัดแรงอะไร และชายเสื้อไม่พลิ้วไสวใดๆ เขาก็ยังเป็นเหมือนเดิม เปลือยท่อนบน ไม่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
มองดูกองทัพยมโลกขนาดมหึมาที่ปกคลุมฟ้าบดบังพระอาทิตย์ตรงหน้า บอกตามตรงไม่รู้สึกตื่นตระหนกตกใจอะไรเลย กระทั่งยังรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย โดยภาพรวมยังรู้สึกปลงอนิจจังว่ารุ่นหนึ่งสู้อีกรุ่นหนึ่งไม่ได้น่ะสิ
เมื่อนึกถึงยุคสมัยที่เขาอาศัยอยู่ จักรพรรดิเหยียน จักรพรรดิเหลือง ชือโหยวต่อสู้แย่งชิงความเป็นใหญ่ ต่อสู้จนเรียกได้ว่าทรงพลานุภาพ เทพปีศาจย่างกรายมาช่วยรบ ทุกคนต่างทำเพื่อนายของตัวเอง!
บางที จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เป็นเพียงการต่อสู้ระหว่างชนเผ่าเล็กๆ หลายเผ่าก็เท่านั้นเอง แต่ถ้ามันเป็นเพียงการต่อสู้กันของชนเผ่าเล็กๆ หลายเผ่า ไหนเลยจะสามารถสร้างรากฐานที่ยืนยาวมาทุกยุคทุกสมัยเช่นนั้นได้เล่า
เพียงแค่ชื่อเรียก ‘ลูกหลานเหยียนหวง’ ก็สามารถเข่นฆ่าศูนย์กลางราชวงศ์ยุคต่อมาได้ตั้งเท่าไรแล้ว อีกทั้งในเวลานั้นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาพ่ายแพ้
ก้งกง หัวแข็งดื้อรั้นชนกระแทกภูเขา
ควาฟู่ ไล่ตามดวงอาทิตย์โดยไม่คิดถึงผลที่ตามมา
เมื่อตอนที่เขามาถึงนรก สิ่งที่เผชิญ สิ่งที่เข่นฆ่า แม้ว่าผู้ยิ่งใหญ่และสัตว์อสูรดุร้ายของนรกเหล่านั้นจะไม่น่าเกรงขามและเคร่งครัดอย่างกองทัพยมโลกในเวลานี้ก็ตาม แต่ความองอาจกล้าหาญปานพายุโหมกระหน่ำแบบนั้น ฉากที่ตัดศีรษะของอีกฝ่ายและชูศีรษะของคนอื่นพร้อมตะโกนกู่ก้องอย่างถึงอกถึงใจในแต่ละครั้งนั้น หาไม่เจอในปัจจุบันนี้อีกแล้ว
ช่างซื่อตรงเกินไป และขาดความน่าสนใจมากเกินไป นกกระทาที่เลี้ยงที่บ้านเคี้ยวไม่หนึบเหมือนไก่ป่านอกบ้าน
‘วืด!’
เสียงร่ายมนต์คาถาดังขึ้น ชั่วครู่หนึ่งโลงศพทั้งสี่ไถลเลื่อน แสงสว่างสีม่วงทั้งสี่ดวงปลิวกระจายออกไป ปรากฏสี่ร่างสูงส่งหาที่เปรียบมิได้ระหว่างท้องฟ้าปกคลุมพื้นปฐพี ทุกร่างดูเหมือนจะสวมใส่ชุดนักพรต ทว่ามันไม่ใช่ชุดนักพรตตามมาตรฐาน แต่สง่างามเหนือกว่ามากทีเดียว เพราะความไม่ได้ความของผู้ปกครองรุ่นสุดท้าย หลังจากฝู่จวินทั้งสี่องค์สิ้นแล้วยังไม่อาจหยุดยั้ง ทั้งยังถูกคนขุดออกมาแปรรูปเป็นอาวุธสงคราม
การเคลื่อนไหวประเภทนี้ อิ๋งโกวดูแคลนมันมาก
แต่ต้องบอกเลยว่าร่างทิพย์ของทั้งสี่มีความน่าสะพรึงกลัวตามแบบฉบับของมันจริงๆ!
ในเวลานี้เอง พายุเฮริเคนพัดมาแต่ไกล อิ๋งโกวแย้มยิ้มและลุกขึ้น เมื่อพายุเฮอริเคนมาถึง ตรงกลางนั้นเป็นร่างที่ไม่สมบูรณ์ของเขา ดูเหมือนว่าทุกตารางนิ้วจะถูกปกคลุมไปด้วยรอยแผลเป็น แต่ก็เป็นร่างกายประเภทนี้ที่ควรค่าแก่การเอาใจใส่ที่สุด
ร่างของอิ๋งโกวหายวับไปจากตรงที่เดิม เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งกลับไปอยู่ตรงใจกลางพายุเสียแล้ว เมื่อยกมือขึ้นและหันศีรษะ ร่างที่ไม่สมบูรณ์กลับแผ่ซ่านกลิ่นอายน่าเกรงขามแบบเก่าแก่และเรียบง่าย เมื่ออ้าปากส่งเสียงร้องคำรามต่ำ ชั่วขณะหนึ่ง ราวกับว่าแม้แต่นรกแห่งนี้ก็เริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมา พลังอำนาจของอิ๋งโกว นับจากนี้ไปถึงทำให้ทั้งนรกสัมผัสได้อย่างชัดเจนทั่วถึง!
แม้แต่สถานที่ชายขอบหลายแห่ง ใต้ดินลึกยิ่งกว่านรกสิบแปดชั้นหลายแห่งดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงมัน อีกทั้งอิ๋งโกวยังคล้ายจะสัมผัสได้ถึงลมปราณของเพื่อนเก่าบางคนอีกด้วย
เขาไม่ได้สนใจไยดีร่างทิพย์ของไท่ซานฝู่จวินทั้งสี่ที่อยู่ด้านหน้าสุด มีเวลาไม่มาก ต้องทำอะไรมากกว่านี้ นี่ไม่ใช่แผนการหรือการเตรียมการ ไม่ได้ผ่านการวางแผนและคำนวณอย่างรอบคอบ แต่จนถึงสุดท้ายกลับยังสามารถเห็นอกเห็นใจกันได้บ้าง ควรทำอะไร ต้องทำอะไร มาถึงตำแหน่งนี้แล้วก็จะเข้าใจมันเอง
ร่างของอิ๋งโกวอาศัยท่าทางกล้าหาญชาญชัยทะลวงผ่านค่ายกลเหนือกองทัพพุ่งทะยานลงไปหาธงของพญายมทันที! ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ในโลกมนุษย์ มีนักปฏิวัติผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า ‘ครั้งนี้จะไปยมโลกเพื่อรวมสหายเก่าที่ตายจาก นำธงแสนผืนไปปราบพญายม’
บัดนี้ผู้ที่อิ๋งโกวจะปราบก็คือพญายม!
เจ้าเปิดทางให้ข้า ข้าจะล้างแค้นให้เจ้า แลกด้วยสิ่งที่มีมูลค่าเท่าเทียมกัน ข้าอิ๋งโกวไม่ติดค้างน้ำใจผู้ใด!
ด้านหลังธงรบของพญายมมีร่างธรรมขนาดยักษ์อยู่หนึ่งองค์ ร่างนี้สวมชุดคลุมสีทอง สวมมงกุฎสีทองยืนอยู่ตรงนั้น มีรัศมีความน่าพรั่นพรึงในตัวเอง!
พญายมสิบตำหนัก พญายมผิงเติ่งหวังเพิ่งล่มสลาย พญายมซ่งตี้หวังอวี๋เมืองแตกคนบาดเจ็บ ตอนนี้เหลือพญายมอยู่แปดตำหนัก บัดนี้มาแล้วเจ็ดองค์! เขาเป็นหนึ่งในผู้นำ! พญายมสิบตำหนัก พญายมฉินก่วงหวังเจียงแห่งตำหนักที่หนึ่ง!
“ท่านอาละวาดภายในนรก ภายใต้ยมโลกได้อย่างไรกัน!” ร่างของพญายมฉินก่วงหวังเจียงยืดตัวตรงถือป้ายทองเว้นโทษตาย[1] เขาไม่ได้หลบเลี่ยงพลังอำนาจของอิ๋งโกวแต่อย่างใด และลุยขึ้นไปต่อต้านโดยตรง! เขาเป็นพญายมฉินก่วงหวัง เขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม!
ดูเหมือนว่าเมื่อตัวละครทุกตัวออกโรง มักจะตะโกนคำขวัญสองสามประโยค คล้ายกับสามก๊กนิดหน่อย แม่ทัพเลื่องชื่อทุกนายล้วนวิ่งออกมาแหกปากตะโกนไปที แต่ทว่าอิ๋งโกวไม่มีนิสัยแย่ๆ อย่างนี้ และเขาก็ไม่ชินกับนิสัยแย่ๆ อย่างนี้เช่นกัน!
พริบตานั้นเอง อิ๋งโกวเพียงย่ำลงมาก้าวเดียว! พลังอำนาจของกายหยาบช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่ง!
เบื้องล่างมีกองทัพยมโลกนับไม่ถ้วน เห็นเพียงร่างธรรมขนาดมหึมาของพญายมฉินก่วงหวังเจียงถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ทีละนิ้วๆ และถูกบดขยี้ทีละนิด จนระเบิดกระจุยกระจายไปในท้ายที่สุด!
‘ตู้ม!’
พญายมฉินก่วงหวังเจียงถูกเหยียบกระจุย! รวดเร็วเสียจนตะลึงอ้าปากค้าง ง่ายดายจนแทบไม่น่าเชื่อ! กองทัพที่เปล่งแสงแพรวพรายถูกคนบุกตรงเข้าไปทั้งอย่างนี้!
อิ๋งโกวหัวเราะสะใจ เหยียบผู้นำทัพระดับสูงสุดของศัตรูกระจุยด้วยเท้าข้างเดียวท่ามกลางกองทัพนับพัน ความไร้กังวลและความพึงพอใจเช่นนี้ คนธรรมดาไม่มีวันสัมผัสได้ แต่อิ๋งโกวถึงกับตะโกนเสียงดัง “อ…มิ…ตาภ…พุทธ…”
หนึ่งคือ เหนื่อยแล้ว เดิมทีพลังรั่วไหลจนใกล้จะหมดแล้ว อาศัยกายหยาบนี้ถึงสำแดงอิทธิฤทธิ์ได้อีกครั้ง แต่หากต้องการฟื้นตัวถึงขั้นสุด ก็เป็นเพียงความคิดเพ้อเจ้อลมๆ แล้งๆ เท่านั้น อีกทั้งร่างทิพย์ทั้งสี่องค์นี้ แต่ละองค์ไม่ธรรมดาจริงๆ สภาพดั้งเดิมของยมโลกก็เป็นพวกเขาที่ก่อตั้งขึ้น!
ก่อนหน้านี้ เหตุผลที่อิ๋งโกวข้ามพวกเขาไปจัดการพวกพญายมเหล่านั้นก่อน ก็เป็นเพราะว่ารับมือกับพวกเขาได้ยากยิ่งกว่า และยังมีความหมายว่าอยากเมินเฉยไปก่อนอยู่ในนั้นด้วย แต่ตอนนี้ไม่อยากสนใจก็ยากแล้ว
ภายใต้การหยุดชะงักไปชั่วขณะ พวกผู้พิพากษาและผู้ตรวจสอบในขบวนทัพยมโลกเบื้องล่างคำรามร้องออกมา ฝืนระงับความหวาดกลัวในใจพุ่งเข้ามาเข่นฆ่า!
การดวลกันระหว่างเทพ ปุถุชนคนธรรมดาอย่างพวกเขาทำได้เพียงทุ่มสุดตัว!
ระดับรากหญ้าในลำดับยมโลกได้พังทลายลงแล้ว แต่หากบอกว่าไม่มีพื้นฐานสักนิดเลยจริงๆ ก็เป็นการหลอกตัวเองและผู้อื่นอยู่เช่นกัน อย่างน้อยๆ ก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งสามารถสู้รบได้!
กายหยาบของอิ๋งโกวเริ่มถูกแผดเผา เปลวเพลิงน่าสะพรึงนี้จู่โจมร่างทิพย์ของไท่ซานฝู่จวินอีกสี่องค์ในชั่วพริบตาพร้อมแผดเผาพวกเขาไปด้วยกัน แต่พวกกลุ่มผู้พิพากษาและผู้ตรวจสอบที่อยู่ใกล้ที่สุดติดร่างแหไปด้วยเล็กน้อย จุดจบก็คือถูกกวาดล้างไปในชั่วพริบตา!
เสียงหัวเราะดังลั่นของอิ๋งโกวไม่เคยหยุดยั้ง สองแขนดึงกระชาก สิ่งกักขังบนร่างกายสลายวับไปทันที ร่างทิพย์ของไท่ซานฝู่จวินทั้งสี่ถูกแผดเผากลับไม่แสดงสีหน้าเจ็บปวดทรมานแต่อย่างใด แต่สิ่งที่สัมผัสได้มีเพียงความอิสระและความเฉยเมยเท่านั้น
ในตอนนั้นเอง พวกเขาทั้งสี่คำนับอิ๋งโกวในฐานะคนรุ่นหลัง ถือว่าเป็นการขอบคุณอิ๋งโกวที่ช่วยพวกเขาปลดปล่อยความตกต่ำทรมานน่าอับอายพรรค์นี้ จากนั้นสลายไปกับสายลม กลับคืนสู่ขี้เถ้า กลับคืนสู่พสุธา บุคคลระดับนี้มีความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีของพวกเขาเอง
แต่ทว่า หลังจากที่พวกเขาจากไป เมฆดำมืดครึ้มเคลื่อนตัวเหนือท้องฟ้าอีกครั้ง กองกำลังจากทุกทิศทุกทางที่นี่ คาดไม่ถึงว่าจะมากันทั้งหมด บางทีพวกเขาอาจจะแค่มาดูเรื่องสนุกๆ บางทีพวกเขาอาจจะเห็นแก่หน้าตายมโลกจึงเข้ามาช่วยร่วมรบ เพียงแต่ว่า เมื่อได้เห็นอิ๋งโกวระเบิดร่างธรรมของพญายมทั้งหกตำหนักแหลกกระจุย แล้วยังโจมตีร่างทิพย์ของไท่ซานฝู่จวินทั้งสี่แหลกสลาย กลุ่มคนที่มาช่วยรบก็เงียบนิ่งไป พวกเขาไม่ได้โง่ หากมีของถูกๆ ให้เก็บได้ก็ต้องมากันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเกินกำลังจนเกินไปแล้ว
แต่ท่ามกลางขบวนกองทัพมีพญายมอู่กวนหวังหลี่ว์นั่งอยู่ในกองทหาร ถึงแม้ว่าพญายมหลายองค์จะถูกทำลาย แต่กองทัพใหญ่ของยมโลกยังไม่ล่มสลายเพราะสิ่งนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีเจ็ดคนนำทัพและตอนนี้มีเพียงคนเดียวนำทัพก็ตาม กลับกันมันแสดงถึงความรู้สึกแปลกใหม่ของการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พญายมอู่กวนหวังรู้ดี ศึกรบครั้งนี้ถอยไม่ได้ ผู้ที่ต้องการถอยหนีก่อนหน้านี้ ก็คือตัวอย่างให้นำความผิดพลาดมาเป็นบทเรียน!
แต่ทว่า เขาก็ไม่เต็มใจยินดี ไม่เต็มใจสิ้นสุดเพียงเท่านี้ เขามองเห็นแล้วว่าคนตรงหน้าผู้นี้ แม้ว่าจะมีเปลวไฟลุกโชนรุนแรงก็ตาม แต่ครั้งนี้เป็นม้าตีนปลายแล้วจริงๆ!
อิ๋งโกวแหงนหน้ามองฟ้า เห็นพระจันทร์สีเลือดบนฟ้าดวงนั้น แต่มันดวงเล็กกว่าตอนที่เห็นครั้งแรกมากนัก และในเวลานี้เอง อิ๋งโกวยิ้มเอ่ย “เหตุ…ใด…แอบ…กลับ…ขึ้น…ไป…อีก…เล่า…” ระหว่างที่พูด อิ๋งโกวโบกมือกวักเรียกพระจันทร์สีเลือด “เด็กดี…ลง…มา…สิ…”
“…” พระจันทร์สีเลือด
……………………………………………………..
[1] ป้ายทองเว้นโทษตาย เป็นสัญญาหรือรางวัลที่พระราชามอบแด่ข้าราชหรือบุคคลที่มีคุณความดีเป็นมรดกตกทอดให้ได้รับสิทธิ์อภัยโทษ
โหมดอ่านต่อเนื่อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล