อ่านสรุป ตอนที่ 610 แพ้ท้อง จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 610 แพ้ท้อง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 610 แพ้ท้อง
โกวซินที่เคยถูกเทพเซียนลูบหัวมาก่อน จริงๆ แล้วก็ไม่แน่ใจว่ามีเทพเซียนอยู่จริงไหม ทนายอันที่เคยเป็นข้าราชการมากประสบการณ์ในนรก เคยเข้าร่วมการรัฐประหารของยมโลกและถูกขับไล่ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่รู้ว่า บนโลกนี้มีเทพเซียนอยู่จริงไหม
แต่สิ่งส่งเหล่านี้เนื่องจากพบเห็นได้น้อยเกินไป ดังนั้นจึงมีความล้ำค่าอย่างชัดเจน สิ่งที่พบเจอได้น้อย มักจะมีความหมายที่ไม่ธรรมดา
โจวเจ๋อเริ่มคุกเข่าโดยไม่รู้ตัว เวลานี้เสียงรบกวนที่อยู่รอบตัว และยังมีกลุ่มคนกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียงไซเรนตำรวจที่ดังมาแต่ไกลเริ่มใกล้เข้ามาทุกที เสียงดังกึกก้องของรถดับเพลิง ทุกสิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะถูกตัดขาดออกไปอย่างสิ้นเชิง
ในดวงตาของโจวเจ๋อมีเพียงมือข้างนี้! ทว่าตอนที่เข่าของโจวเจ๋อเพิ่งงอลงไปได้ครึ่งหนึ่ง เขากลับหยุดการกระทำนี้ทันที ไม่มีเหตุผลอย่างอื่น เพราะหางตาของโจวเจ๋อเหลือบมองเห็นด้านซ้ายของตัวเอง มีผู้ชายชุดขาวคนหนึ่ง เขาทำท่าเดียวกับตัวเองกำลังจะคุกเข่าเหมือนกัน
โจวเจ๋อเคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน ตอนที่ฝันอยู่ในถ้ำของเด็กผู้ชาย และเมื่อครู่ถ้าหากไม่ใช่เพราะหนังสือรับรองยมทูตปรากฏตัวตอนท้าย ภูเขาไท่ซานกดทับทุกสิ่ง ตอนนี้เถ้าแก่โจวน่าจะกลายเป็นหลี่ซิ่วเฉิงไปแล้ว ส่วนด้านขวาของตัวเองกลับปรากฏเงาร่างของผู้ชายที่เปลือยท่อนบน เขาก็เหมือนกับตัวเอง กำลังจะคุกเข่าเช่นกัน
เถ้าแก่โจวได้สติขึ้นมาทันที เขาสามารถคุกเข่าได้ ไม่ว่าอย่างไรก็แค่ชีวิตต่ำตมคนหนึ่ง ถ้าหากคุกเข่าลงไปสามารถได้รับข้อดีมีมหาศาลเหมือนกับโกวซิน แลกกับความราบรื่นโชคดีตลอดชีวิต การคุกเข่านี้ถือว่าคุ้มค่า
หัวเข่าของผู้ชายมีค่าดั่งทองคำ เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว ถ้าหากคุกเข่าแล้วได้ทองจริงๆ คาดว่าผู้ชายส่วนใหญ่คงจะคุกเข่าของตัวเองจนด้านหนาโดยไม่เสียดาย เพียงแต่ตัวเองคุกเข่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าแม้แต่สองคนนี้ก็ยังต้องคุกเข่าเหมือนตัวเองล่ะก็ โจวเจ๋อรู้สึกเกรงใจจริงๆ ทันใดนั้นจึงกัดปลายลิ้น โจวเจ๋อรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว แล้วจึงได้สติกลับมาทันที ลุกขึ้นยืนตัวตรง
ทั้งหมดนี้เป็นเวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้น กระทั่งอิงอิงที่อยู่ข้างกายของโจวเจ๋อก็ไม่เห็นถึงความผิดปกติของเถ้าแก่ของตัวเอง
โจวเจ๋อหายใจยาวด้วยความโล่งอก แล้วมองไปรอบๆ จะต้องเกิดคลื่นใหญ่อีกมากแน่นอน แต่เถ้าแก่โจวไม่เป็นห่วงเรื่องนี้ เจ้าหลุมนี้มีปัญหาอะไรกันแน่ เขาต้องค่อยๆ สืบดู
ส่วนเด็กทารกคนนั้นได้หายไปนานแล้ว ดูเหมือนจะหายไปตามสายลม โจวเจ๋อสั่งให้อิงอิงประคองตัวเองกลับร้านหนังสือ และตำแหน่งโซฟาที่ ‘สดใสริมหน้าต่าง’ ที่เขาชื่นชอบมากที่สุดไม่สามารถนั่งได้อีก หน้าต่างกระจกแตกละเอียด โซฟาถูกย้ายตำแหน่ง
ร้านหนังสือมีสภาพย่ำแย่ไปทั่ว โจวเจ๋อรู้สึกจนใจ ครั้งนี้ไม่ได้เสียดายเงิน แต่เป็นเพราะมันทำให้ธุระล่าช้า
“เถ้าแก่ วันพรุ่งนี้ฉันข้าจะไปติดต่อทีมตกแต่งเข้ามาซ่อมแซมเจ้าค่ะ”
โจวเจ๋อพยักหน้า สั่งให้อิงอิงประคองตัวเองขึ้นไปชั้นสอง แต่เนื่องจากห้องของตัวเองอยู่ฝั่งถนนคนเดิน หน้าต่างก็หักพัง เศษกระจกเต็มพื้นและเตียงนอน
ด้วยความจนใจ โจวเจ๋อจึงต้องเดินไปที่ห้องของสวี่ชิงหล่างที่อยู่อีกด้านหนึ่ง โจวเจ๋อไม่ได้นั่งบนเตียงของเขา แต่นั่งเอนพิงเก้าอี้ที่อยู่ในห้อง
อิงอิงคอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อรู้สึกสมองเหนื่อยล้า หลังจากที่ต้องเตร็ดเตร่ไปมา จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ต่อสู้กับใครจริงๆ และบาดแผลบนร่างกายเพียงอย่างเดียวคือผลงานที่อิงอิงทิ้งไว้ของอิงอิง
แต่เขาเหนื่อยใจจริงๆ โจวเจ๋อจึงผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว อิงอิงยืนอยู่ข้างกายโจวเจ๋อตลอดเวลา เธอรู้ดีว่า ถ้าหากตัวเองอยู่ห่างจากเขาไกลเกินไป เถ้าแก่จะตื่น และด้วยเหตุนี้ เธอจึงคอยนวดไหล่ให้เถ้าแก่อย่างเงียบๆ
เขานอนหลับนานสิบกว่าชั่วโมง ตอนที่โจวเจ๋อตื่นขึ้นมาอย่างสบาย ด้านนอกเข้าสู่ยามราตรีแล้ว
“เถ้าแก่ ตื่นแล้วเหรอ” อิงอิงอยู่ใกล้ตัวตลอด โจวเจ๋อรู้สึกขอโทษอยู่บ้าง ที่ผ่านมาอิงอิงนอนเป็นเพื่อนตลอด ทั้งสองคนได้นอนบนเตียงเดียวกัน แต่ครั้งนี้กลับต้องลำบากเธอ ตอนที่โจวเจ๋อกำลังจะกุมมือของอิงอิง อยากจะพูดคำพูดของคนรู้ใจกัน สวี่ชิงหล่างเดินเข้ามาพอดี พร้อมอาหารที่อยู่ในมือ
“อ้าว ผมเข้ามาผิดจังหวะ” เหล่าสวี่ยืนพิงขอบประตูด้วยใบหน้าที่สดใส
โจวเจ๋อทำตาขาวกลอกตาใส่เขาหนึ่งที มองของกินที่อยู่ในมือของเขาแล้วก็รู้สึกหิวจริงๆ สวี่ชิงหล่างจึงไม่แกล้งอีก เดินเข้ามาหยิบโต๊ะตัวเล็กแล้ววางอาหารลงไป หม้อดินขนาดเล็กใบหนึ่งกับนกพิราบตุ๋นที่อยู่ในนั้น ผัดผักกวางตุ้งใส่เห็ดหอมหนึ่งจาน ยำแมงกะพรุนหนึ่งจาน และข้าวหนึ่งถ้วย หลังจากดื่มน้ำดอกพลับพลึงแดงแล้ว จึงกินอาหารมื้อนี้อย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว เถ้าแก่โจวอยากลงไปนั่งข้างล่างด้วยความเคยนชิน แต่พอนึกถึงสภาพของชั้นล่าง เขาจึงต้องเก็บความคิดนี้กลับไป
เผอิญว่าทนายอันและนักพรตเฒ่าเดินเข้ามาพอดี มีพลาสเตอร์ยาแปะอยู่บนคอของนักพรตเฒ่า ดูเหมือนจะเหน็ดเหนื่อยพอสมควร เขาเองก็ดวงแข็ง ถ้าลงจากรถช้ากว่านี้อีกนิดเดียว คาดว่าตอนนี้คงต้องรีบยื้อชีวิตอยู่ในห้องผ่าตัดของร้านขายยาที่อยู่ถัดไป
“เถ้าแก่ ตำรวจมาแล้ว เข้าล็อกคพื้นที่เกิดเหตุและต้องการตรวจสอบ สงสัยวันพรุ่งนี้จะซ่อมแซมไม่ได้แล้ว อาจจะล่าช้าไประยะหนึ่ง” นักพรตเฒ่าพูดอย่างจนปัญญา
“เหล่าจางก็มาด้วย คอยดูแลอยู่ข้างล่าง เอาแบบนี้ไหม ไม่ว่ายังไงร้านหนังสือก็ต้องปรับปรุงซ่อมแซมอยู่แล้วพวกเราไปยูนนานเลยดีไหม ที่นั่นนี่แสงแดดดีน่าจะดีมาก เหมาะที่จะนอนว่าง…เหมาะที่จะนอนอาบแดด และเป็นผลดีต่อการฟื้นฟูแผลของคุณ”
โจวเจ๋อไม่พูดสักคำ แต่ลังเลเล็กน้อยว่าจะไปหรือไม่ไปยูนนาน เขามักรู้สึกว่าทนายอันเก็บอารมณ์อยากทำข่าวใหญ่
สวรรค์เห็นแล้วยังต้องสงสาร เถ้าแก่โจวหลังกลับมาจากเดินทางท่องนรกจนนถึงตอนนี้ ยังไม่ได้ใช้ชีวิตที่สงบสุขเลยใช่ไหม เขาอยากพักผ่อนจริงๆ ไม่อยากรีบเดินทางกลับไปกลับมาอีก ไอรีนโนเวล
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การบุกรุกของศัตรูต่างเมืองหลายต่อหลายครั้งได้พิสูจน์ทฤษฎีนี้แล้ว ตายไปหนึ่งชุดเพราะพวกเขาจำเป็นต้องตาย แต่ข้าราชการชั้นกลางและชั้นผู้ใหญ่กลับอยู่รอดปลอดภัย
สาเหตุที่ทหารชิงสามารถครอบครองแผ่นดินได้ในเร็วในตอนแรก ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้ ตัวเอ๋อร์กุ่นนำทัพเข้าด่านซานไห่ ทางเหนือจึงยอมจำนน
“ไปยูนนานทำอะไรกันแน่” โจวเจ๋อถาม
“เรื่องนี้ดูจงใจเกินไป ถ้าพูดออกมาตามตรงจะไม่ดี อย่างน้อยผมรู้ว่า คุณอย่าเพิ่งรู้ ถึงแม้จะไม่ใช่การขอพรพระหรือเทพ แต่ก็เกี่ยวกับโอกาสของโชคชะตาและความจริงใจ ถ้ามีเจตนามากเกินไป อาจจะไม่ใช่เรื่องดี เอาอย่างนี้แล้วกันเดิมทีผมวางแผนไว้สองที่
ที่หนึ่งคือเจียงอิน บันทึกประวัติศาสตร์เจียงอินเหยียนอิงหยวนต่อต้านราชวงศ์ชิงรู้จักใช่ไหม แสดงความภักดีแปดสิบวัน เขาเป็นตัวแทนแสดงความจงรักภักดีต่อราชวงศ์คนที่สิบเจ็ดของจักพรรดิไท่จู่ แล้วก็คนแก่คนนั้น ได้ยินว่าก่อนที่พระเจ้าหนูเอ่อร์ฮาซื่อจะยกทัพได้หาเจอแล้ว คนอื่นถึงแม้จะรู้ก็ทำไม่ได้ ถึงทำได้ก็ไม่กล้า แต่เถ้าแก่คุณไม่เหมือนกัน ขนาดเซี่ยจื้อยังถูกคนนั้นในตัวของคุณหักเขาไปข้างหนึ่งฉีกเป็นชิ้น อย่างอื่นจึงเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว ถึงแม้คนนั้นตอนนี้จะนอนหลับ แต่มีแค่ภูเขาไท่ซานอยู่ไม่ใช่เหรอ คุณจึงมั่นใจปลอดภัยแน่นอน ในเมื่อจะเก็บก็ต้องเก็บของใหญ่”
โจวเจ๋อพอเข้าใจแล้ว แต่ก็ไม่เข้าใจมากนัก ทว่าความหมายของทนายอัน ถามมากไปจะไม่ดี เขาจึงไม่ถามต่อ
ความหมายประมาณว่า เลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุมเป็นเรื่องเล็ก แต่ต้องเลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุมที่มีคุณค่าที่สุด! คล้ายกับการเขียนเรียงความของนักเรียนชั้นประถมศึกษา นักเรียนคนหนึ่งเขียน ‘บันทึกอาคารเยวี่ยหยาง’ ได้ที่หนึ่งของห้องเรียนคุณครูให้รางวัลเป็นดอกไม้แดง
ของขวัญถึงแม้จะเล็กน้อยไม่มีค่าอะไร ไม่เหมาะสมกับเนื้อเรื่องสร้างสรรค์ของ ‘บันทึุกอาคารเยวี่ยหยาง’ แต่เด็กคนนี้กลับได้รับความนิยมอย่างมาก ได้พัฒนาไปในทางที่ดี
“โอเค อย่างนั้นคุณก็จัดการเถอะ” โจวเจ๋อพยักหน้า ไปยูนนานก็ไปยูนนาน จะได้ใช้เวลานี้ตกแต่งซ่อมแซมร้านหนังสือพอดี
เวลานี้สี่สวี่ชิงหล่างที่กำลังเก็บชามและตะเกียบรู้สึกตกตะลึงในทันใด จากนั้นจึง ‘โอ้กก!!!’
โจวเจ๋อไม่เข้าใจอยู่บ้าง จึงถามว่า “ท้องเหรอ”
สวี่ชิงหล่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ตอบคำถาม ทนายอันกลับหัวเราะแล้วพูดว่า “ควันธูปเทียนมีพิษ กินมากไป จะแพ้ท้อง”
……………………………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล