ตอนที่ 636 คติประจำใจ!
คติประจำใจในการใช้ชีวิตของเถ้าแก่โจว ‘จะไม่ยืนหากนั่งได้ จะไม่นั่งหากนอนได้’
เขาต้องเสียสติไปแล้ว ถึงได้ทำสัญญาสุภาพบุรุษหรือทำข้อตกลงซึ่งกันและกันเพื่อแสดงความกรุณากับตาแก่ตรงหน้าคนนี้ เห็นๆ กันอยู่ว่าคนที่กระโดดออกมาวางแผนเล่นงานโจวเจ๋อลับหลังน่ะเป็นเขา เห็นๆ กันอยู่ว่าคนที่สร้างเรื่องเองก็เป็นเขา ทั้งๆ ที่โจวเจ๋อไม่ได้ทำอะไรเลย ก่อนหน้าวันนี้ก็ไม่รู้ว่ามีคนอย่างเขาอยู่บนโลกนี้ด้วย แล้วทำไมตัวเองต้องปั้นหน้าทำดีกับเขาด้วย
เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งจะยุ่งมากๆ อยู่แถบนอกชายแดน เดิมทีอยากจะแวะพักฟื้นและผ่อนคลายที่ลี่เจียงสักหน่อย แต่ดันมาเจอเรื่องประเภทนี้เสียได้ เป็นใครก็โมโหทั้งนั้น เถ้าแก่โจวไม่เคยอวดอ้างว่าตัวเองเป็นคนดี การเป็นคนดีนั้นเหนื่อยเกินไป กลับกันการเป็นคนเลวยังง่ายกว่าเสียอีก แกคิดร้ายกับฉัน ฉันก็จะทำให้แกบ้านแตกสาแหรกขาด! ไม่กลัวว่าแกจะไร้ญาติ แต่กลัวว่าแกจะอยู่ตัวคนเดียวเสียมากกว่า!
โชคดีที่ก่อนหน้านี้มีคำว่า ‘ผมไม่กล้า’ ปูทางเอาไว้ คราวนี้เฝิงซื่อเลยไม่แปลกใจอะไร กระทั่งออกจะรู้สึกชื่นชมสไตล์การจัดการเรื่องต่างๆ ของโจวเจ๋อด้วยซ้ำ ส่วนอิงอิงและทนายอันพยักหน้าโดยตรง คนแรกมักจะทำตามคำสั่งของเถ้าแก่ตัวเองโดยไม่ยั้งคิด อีกอย่างผีดิบสาวก็ไม่ใช่คนมีจิตใจเมตตา ลงมือทำร้ายคนที่น่าเวทนา คนแก่ คนอ่อนแอ ผู้หญิง และเด็กได้โดยที่ไม่มีความคิดว่า ‘ทนลงมือทำไม่ได้’ แต่อย่างใด ส่วนทนายอันเชี่ยวชาญด้านการตีสองหน้าเป็นอย่างดี จึงไม่รู้สึกขัดข้องใจอะไรเป็นธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น ในใจของเขายังสุมกองไฟไว้อีกต่างหาก
มู่เฉิงเอินถอนหายใจเฮือก ดูเหมือนว่าจะจนปัญญาระคนโล่งใจเล็กน้อย หลังจากหัวเราะแห้งๆ ไปสองที ก็เอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “งั้นคงไม่อาจปล่อยให้พวกท่านเข้าไปได้แล้วละ” ในคำพูดนั้นแฝงไปด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งอย่างชัดเจน
ยมทูตตนหนึ่งแสดงความยโสโอหังของเขาต่อหน้าผู้จับกุมและผู้ตรวจสอบ!
เฝิงซื่อโบกมือ แส้หนังได้ปรากฏขึ้นบนมือของเขา ร่างกายของหญิงสาวกลับแฝงไปด้วยความสง่างามที่เหนือชั้น ต้องบอกเลยว่าวิสัยทัศน์และรสนิยมของทนายอันในสมัยนั้นไม่เลวเลยจริงๆ
“ภายใต้คำสั่งยมโลก กวาดล้างคนชาติชั่วโดยยึดประมวลกฎหมายอาญา!”
เฝิงซื่อเดินตรงไปทางมู่เฉิงเอิน สำหรับยมทูตทั่วไปและแม้แต่ผู้จับกุมนั้น ผู้ตรวจสอบจากยมโลกเดินทางขึ้นมาแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมด้วยตนเอง ไม่ต่างอะไรกับข้าราชการฉ้อฉลในสมัยโบราณพบเจอกับราชทูต อีกทั้งความแตกต่างระหว่างยมโลกและโลกมนุษย์ก็คือ ในหลายกรณีไม่จำเป็นต้องสาธยายเหตุผล โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องของการลงโทษ ถึงอย่างไรยมทูตก็เป็นของใช้ที่ถูกและไร้ค่าที่สุดสำหรับยมโลก พลั้งมือฆ่าไปก็ไม่เป็นไร
แม้แต่เถ้าแก่โจวก็กังวลใจอยู่เป็นเวลานานทีเดียวว่าถ้าหากตัวเองยังตีมึนกระทำต่อไป จะมีผู้ตรวจสอบจากยมโลกขึ้นมาตรวจสอบเขาจริงหรือเปล่า
ในความเป็นจริงนั้น สิ่งที่โจวเจ๋อไม่รู้แน่ชัดก็คือ ตอนแรกเคยมีผู้ตรวจสอบสาวเกือบจะแตะถึงประตูร้านหนังสืออยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะโจวเจ๋อได้รับวิธีการใช้หนังสือรับรองยมทูตที่ถูกต้องจากเจ้าโง่ในตอนนั้นเข้าพอดี ก็อาจจะได้พบกับเธอตั้งนานแล้ว แต่มู่เฉิงเอินก็ไม่รู้ว่าผิดแล้วไม่แก้ไขกลับตั้งใจทำให้แย่ลงหรืออย่างไร เมื่อเห็นเฝิงซื่อย่างกรายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กลับไม่แสดงสีหน้าหวาดกลัวหรือวิตกใดๆ ออกมา
เขาเป็นคนใจกว้าง รูปร่างหน้าตาดูดี ราวกับว่าเขาต่างหากถึงจะเป็นฝ่ายธรรมะ แต่ฝ่ายโจวเจ๋อนั้นไม่ว่าจะทั้งชายและหญิงล้วนแล้วแต่เป็นภูตผีปีศาจ
อิงอิงและทนายอันรีบเคลื่อนตัวไปขนาบข้างอย่างรวดเร็ว เตรียมตัวอ้อมเข้าไปในบ้านดิน เพื่อจับกุมครอบครัวของมู่เฉิงเอินที่ประสบกับหายนะร้ายแรง
สวี่ชิงหล่างยืนอยู่ด้านหนึ่งเงียบๆ นัยน์ตาข้างซ้ายมีแสงสีเขียวกำลังไหลเวียน ส่วนโจวเจ๋อก็นั่งยองๆ ลงอย่างช้าๆ ฤดูหนาวจัดแถมที่นี่ยังเป็นที่ราบสูงในภูเขาอีก ลมบนภูเขานี้พัดกระพือจนเหมือนมีดแหลมคมก็ไม่ปาน ดังนั้นตัวเขาต้องเสียสติไปแล้วถึงได้คิดจะปะทะตัวต่อตัวกับมู่เฉิงเอินในเวลานี้ รีบปิดงานรีบกลับบ้าน บางทีอาจจะหาที่แช่น้ำพุร้อนกับอิงอิงสักหน่อย แล้วค่อยให้อิงอิงขัดหลังให้เขา สบายกว่าตากลมอยู่ที่นี่เป็นไหนๆ
เพียงแต่ว่า เพิ่งจะนั่งยองๆ ลงมา โจวเจ๋อก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ หินและดินใต้ฝ่าเท้าของเขากำลังสั่นไหวเบาๆ รัศมีที่สั่นสะเทือนแคบมากๆ ถ้าโจวเจ๋อไม่บังเอิญนั่งยองๆ ลงมา ก็คงจะไม่ทันสังเกตเห็นมันเลย
ชั่วขณะหนึ่ง โจวเจ๋อชะงักไป แม่งเอ๊ย ตาแก่คนนี้คงไม่ได้ฝังดินระเบิดทีเอ็นทีไว้ล่วงหน้าอย่างนั้นหรอกใช่ไหม หากถ่อมาถึงที่นี่แล้วทุกคนโดยระเบิดตายพร้อมกัน ก็คงจะบันเทิงไม่ไหว อย่างไรเสียตาแก่นี่ก็ไร้ค่า ยมทูตที่สะสมตบะมาถึงหกสิบปี ก็ยังเป็นแค่ยมทูต ถ้าหากลากทุกคนลงไปฝังพร้อมๆ กัน เท่ากับว่าเขายังได้กำไรอีกต่างหาก!
จนถึงตอนนั้นแม้ว่าจะไม่ถูกดินระเบิดระเบิดตาย วิญญาณโชคดีสามารถหลบหนีจากสนามแม่เหล็กที่กำลังแปรปรวนอันเกิดจากการระเบิดได้ แต่กายหยาบของทุกคนก็จะถูกเผาเป็นจุณ เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่มากเช่นกัน!
เฝิงซื่อหยุดฝีเท้าและก้มหน้ามองเท้า สายตาของสวี่ชิงหล่างก็มองลงไปด้านล่างเช่นกัน
ระหว่างนั้นเอง มีมือคู่หนึ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นตรงหน้าโจวเจ๋อ และคว้าข้อเท้าของโจวเจ๋อเอาไว้ มือเขียวซีดคู่นี้ยังสวมใส่ปลอกหุ้มข้อมือของทหารโบราณไว้ด้วย
ฮู่ว…ไม่ใช่ดินระเบิด
เวลานี้โจวเจ๋อยังสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้ แต่เป็นเวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้น โจวเจ๋อที่เดิมทีนั่งยองๆ อยู่ยกมือขึ้นและประสานกับมือคู่นั้นที่ยื่นออกมาจากเบื้องล่างโดยตรง ราวกับเพื่อนสนิทจับมือกัน จากนั้นเล็บทั้งสิบนิ้วของโจวเจ๋อก็งอกยาวออกมาทันที และแทงเข้าไปที่นิ้วมือของอีกฝ่ายโดยตรง!
“โฮก!” เสียงร้องคำรามดังเล็ดลอดมาจากเบื้องล่าง พื้นที่บริเวณนี้พังทลายลงในชั่วพริบตา
โจวเจ๋อพอที่จะสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและความบ้าคลั่งของคนที่อยู่เบื้องล่างอย่างชัดเจน แต่สิ่งนั้นดูเหมือนจะยังคงความดุร้ายไว้อยู่ คิดไม่ถึงว่าจะพยายามทนรับความเจ็บปวดที่ยากจะต้านทานไหวเอาไว้ ทั้งยังคว้ามือทั้งคู่ของเขาเอาไว้แน่น ชั่วขณะหนึ่ง โจวเจ๋อไม่ทันได้ขยับตัวก็ถูกลากลงไปทันที
มือสองคู่ก็โผล่ขึ้นมาใต้ฝ่าเท้าของเฝิงซื่อเช่นกัน ร่างของเขาถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันแส้หนังในมือก็พุ่งออกไปตวัดรัด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล