ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 680

ตอนที่ 680 ค่าคุ้มครอง

โจวเจ๋ออุ้มไหเหล้าเดินออกไปข้างนอก อิงอิงและคนอื่นๆ เดินตามหลังเขา เมื่อเดินมาถึงประตูสีแดง โจวเจ๋อเห็น‘แมงมุม’ ที่สองแขนสองขาล้วนแขวนอยู่บนประตูสีแดงนั่น ทั้งตัวของเขาไร้ซึ่งพลังชีวิตอีกต่อไป ตอนนี้เป็นฤดูหนาว หรงเฉิงวันนี้ยังคงหิมะตก เวลานี้แม้แต่ร่างกายก็ยังหนาวเย็น

เขาคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ยี่สิบกว่าปี แต่การจบปัญหาครั้งสุดท้ายกลับดูแล้วเรียบง่ายเกินไป ซึ่งไม่สอดคล้องกับ ‘ความต้องการชื่นชม’ ของผู้ที่ดูเหตุการณ์ แต่สำหรับเขาจริงๆ แล้วนับว่าเป็นที่พักพิงที่เหมาะสมที่สุดและดีที่สุดอย่างหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม หากจะพูดว่าเขายึดติดกับสุสานโบราณแห่งนี้ ควรจะพูดว่ายึดติดกับประตูสีแดงบานนี้มากกว่า เขากับเพื่อนนักศึกษาและอาจารย์ในตอนนั้น ไม่ได้เข้าไปในห้องสุสานแห่งนี้เลยด้วยซ้ำ การเฝ้าดูตลอดยี่สิบกว่าปี เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนาม เอาตัวรอดไปวันๆ บางทีตัวเขาเองก็เคยสับสน เคยสับสนต่อความยืนหยัดของตัวเอง ว่าสุดท้ายแล้วทำไปเพื่ออะไร แต่บางครั้ง สิ่งที่เรียกว่าการยืนหยัด สิ่งที่เรียกว่าความลำบาก ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ต้องทำความเข้าใจอย่างแท้จริง

การมาถึงของโจวเจ๋อและคนอื่น มอบความกล้าให้เขาเข้าไปในถ้ำโจรปล้นสุสานอีกครั้ง ‘แมงมุม’ ราวกับได้ย้อนกลับไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนย้อนกลับไปในช่วงชีวิตที่ควรจะเป็นของตัวเอง ในเมื่อเรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้นที่นี่ เช่นนั้นความลำบากยากเย็นก็ควรจบลงที่นี่เช่นกัน

เพราะฉะนั้น เหตุการณ์ผีดิบที่ทำให้เกิดความฮือฮาช่วงหนึ่งในช่วงปลายศตรวรรษที่แล้ว ในที่สุดนับว่าปิดฉากลงแล้ว ผู้ ‘ประสบเหตุ’ กับ ‘พยาน’ คนสุดท้ายได้หลับตาลงแล้ว ส่วนที่ว่ายังมีผู้เคราะห์ร้ายคนอื่นทนทุกข์ทรมานอยู่ไหม ไม่ใช่เรื่องที่โจวเจ๋ออยากใส่ใจ

“ลากเขาออกไปฝังดีไหม” ทนายอันชี้ไปที่ ‘แมงมุม’ ขณะพูด พูดจริงๆ นะ ไอ้หมอนี่หน้าตาอัปลักษณ์ไปนิดรูปลักษณ์เหมือนคนร้าย แต่ทำให้คนเกลียดไม่ลงจริงๆ

“ปล่อยเขาอยู่ในท่านี้เถอะ พวกเรากลับไปก่อน” โจวเจ๋อปฏิเสธข้อเสนอแนะของทนายอัน แล้วเดินออกจากถ้ำโจนปล้นสุสานก่อน หลังจากรอคนอื่นๆ ออกมาแล้ว โจวเจ๋อมองไปรอบๆ แล้วพูดกับทนายอันว่า “นำทรัพย์สินของที่นี่มาทั้งหมดไม่มีปัญหาใช่ไหม”

ทนายอันหัวเราะเอ่ยว่า “อาชีพดั้งเดิม”

สถานที่แห่งนี้ รวมทั้งใบหน้าครึ่งหนึ่งที่อยู่ในสุสานข้างล่าง ตอนนี้โจวเจ๋อทำอะไรไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าวันหลังจะทำไม่ได้ ต่อไปรอให้ตัวเองยืนสูงกว่านี้อีกหน่อย หรือไม่ก็รอให้เจ้าโง่ตื่นขึ้นมา ก็จัดการเขาได้ง่ายขึ้นแล้ว นี่เหมือนตัวเองค้นหาสมบัติให้ตัวเอง แล้วเก็บซ่อนอย่างดี ทำเครื่องหมายไว้ รอนำออกมาใช้วันหลัง

“เรียกพวกเยวี่ยหยากับหลิวฉู่อวี่มาจัดการเรื่องราวที่นี่อีกหน่อย”

“จัดการอีกหน่อย” อิงอิงไม่ค่อยเข้าใจอยู่บ้าง

“อืม ผมจัดการเอง คนที่อยู่ในสถานพักฟื้นแห่งนี้จะต้องถูกตามหาจนเจอแล้วโดนเฝ้าติดตาม หรือไม่ก็จัดให้พวกเขาอยู่ที่นี่ไปเลย ไม่ว่ายังไงแค่ดื่มเลือดเป็ดเลือดไก่ได้ทุกวันก็พอ”

“คุณจัดการเลย” โจวเจ๋อครุ่นคิด แล้วพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “อย่าฆ่าคน”

ฆ่าคนในที่นี้ แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงลงมือฆ่าด้วยตัวเองเท่านั้น และทนายอันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือฆ่าด้วยตัวเอง แค่ปล่อยข่าวว่าพวกเขา ‘มีโรคติดตัว’ ออกไป พวกเขาจะถูก ‘ทำลายให้สูญสิ้น’ อย่างง่ายดาย

“ผมเข้าใจ”

“อืม”

โจวเจ๋อไม่ได้ออกจากที่นี่ แต่ไปยังตึกที่อยู่ด้านหน้า ในนี้ยังมีสองสามห้องที่ทำความสะอาดแล้ว สภาพแวดล้อมพอใช้ได้ น่าจะเป็นที่อยู่ของคนที่เคยอาศัยอยู่ในสถานพักฟื้นแห่งนี้มาก่อน เนื่องจากรักอนามัย โจวเจ๋อจึงไม่นอนเตียงของพวกเขา แต่หาฟูกที่ยังไม่เคยแกะในตู้ แล้ววางบนพื้น จากนั้นตัวเองจึงนอนลงไป

อิงอิงไม่อยู่ข้างกาย จึงนอนไม่หลับ แต่โจวเจ๋อก็ไม่ได้อยากนอนหลับ เขาแค่อยากนอนเฉยๆ คนเดียว หลังจากฟ้าสว่างแล้ว สวี่ชิงหล่างกับหญิงสาวตัวดำก็มาแล้ว เหตุการณ์เมื่อวาน พวกเขาไม่ได้เข้าร่วม ถูกจัดให้พักผ่อนอยู่ในโรงแรม ตอนนี้หญิงสาวตัวดำไม่เป็นอะไรแล้ว เหล่าสวี่ยังมีสีหน้าซีดขาวอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าความว่างเปล่าของร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ภายในวันเดียว

แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องใช้งานพอดี เจิ้งเฉียง หลิวฉู่อวี่ รวมถึงเยวี่ยหยายังมาไม่ถึง ต่อให้พวกเขารีบมา เรื่องที่ต้องปิดผนึกปากถ้ำนี้ก็ยังต้องเป็นหน้าที่ของสวี่ชิงหล่างอยู่ดี

ยังดีที่เรื่องนี้ไม่รีบร้อนมากนัก สวี่ชิงหล่างสามารถจัดวางได้อย่างช้าๆ และความยากของค่ายกลก็ไม่มาก ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ต้องการค่ายกลที่มีพลังโจมตีร้ายแรงอะไร แค่สามารถใช้ปิดบังอำพรางหรือทำให้สับสนได้ก็พอ

เมื่อถึงตอนบ่าย เยวี่ยหยา เจิ้งเฉียง รวมทั้งหลิวฉู่อวี่สามคนนั่งเครื่องบินมาถึงแล้ว แต่เนื่องจากโจวเจ๋อยังอยู่ในห้องไม่ออกมา พวกเขาที่เดิมทีอยากจะทำความเคารพเขาที่เพิ่งเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จับกุมจึงต้องไปทำงานก่อน

รอถึงตอนเย็น โจวเจ๋อถึงออกมาจากในห้อง มองพระอาทิตย์ตกดินแล้วนั่งยองๆ

“เงียบขนาดนี้เชียว”

“คุณแซ่หลินใช่ไหม” โจวเจ๋อจำได้ว่า ‘แมงมุม’ คนนั้นเหมือนจะเรียกเจ้าของบ้านชายคนนี้ว่าเสี่ยวหลิน

“ครับ ผมแซ่หลิน ชื่อหลินกวน” หลินกวนอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ นั่งลงยองๆ มองพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน

โจวเจ๋อหยิบบุหรี่ออกมาสองมวน ยื่นให้หลินกวนหนึ่งมวน หลินกวนหยิบไฟแช็กออกมา จุดให้โจวเจ๋อก่อนแล้วค่อยจุดให้ตัวเอง

“ผมรับแม่ของผมมาด้วย” หลินกวนพูด

โจวเจ๋อแปลกใจเล็กน้อยที่ได้ยิน แต่ก็ยังพยักหน้า ตอนที่เขาออกมาพอได้ยินเสียงว่าเกิดอะไรขึ้น มีสองสามคนถูกจับตัวมาแล้ว

ก่อนที่โจวเจ๋อและคนอื่นจะมา ‘แมงมุม’ ได้ ‘อพยพ’ คนที่อยู่ในสถานพักฟื้นแห่งนี้ออกไปแล้ว และภายใต้การจัดการของโจวเจ๋อ ทนายอันพาอิงอิง เด็กผู้ชาย รวมทั้งกลุ่มยมทูตไปจับคนที่ถูกโยกย้ายออกไปกลับมา

ทำไมถึงทำแบบนี้ หนึ่งเพื่อรักษาความลับ สองเพื่อควบคุมคนกลุ่มนี้ ถ้าหากแค่ปัดตูดสะบัดก้นแล้วกลับทงเฉิงโดยตรง ที่นี่จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีก ก็ไม่เกี่ยวกับโจวเจ๋อ แต่ในเมื่อต้องควบคุมที่นี่ไว้ เท่ากับว่ารับช่วงกิจการต่อจากบริษัทที่ล้มละลาย ความเน่าเฟะของมันจึงต้องกำจัดทิ้งเป็นธรรมดา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล