ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 787

สรุปบท ตอนที่ 787 คิดบัญชี: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

อ่านสรุป ตอนที่ 787 คิดบัญชี จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 787 คิดบัญชี คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 787 คิดบัญชี

‘แปะๆๆ!’ โคลนด้านล่างถูกเหยียบย่ำ อิงอิงกับเด็กผู้ชายช่วยกันแบกผนังปูน “หนึ่ง สอง สาม!”

‘ฮู่ว!’ ผนังปูนถูกโยนออกไป ทุ่มลงไปด้านล่าง พื้นสั่นสะเทือนตาม

ทนายอันก็ไม่รู้ว่าไปหาธงเล็กสองอันมาจากไหน ยืนโบกไปมาคอยสั่งการอยู่ด้านข้างไม่หยุด ทั้งฉากนี้ ดูแล้วฮาร์ดคอร์เป็นอย่างมาก

งานวิศวกรรมโยธาแบบนี้ ไม่มีปัญหาอะไรที่ผีดิบหนึ่งตัวจะแก้ไขไม่ได้ ถ้าหากไม่ได้ อย่างนั้นก็เพิ่มผีดิบอีกหนึ่งตัว! บนโลกนี้ สามารถเรียกใช้งานผีดิบสองตัวทำงานก่ออิฐได้จะมีสักกี่คน ทนายอันรู้สึกใจเต้นอยู่บ้าง ถึงแม้จะเป็นการเอาขนไก่ไปทำลูกศร ก็ยากที่จะควบคุมความตื่นเต้นเช่นนี้ได้

ควรทราบว่า ผีที่ถูกตัวเองสั่งให้ขนอิฐไม่ใช่ผีธรรมดา นั่นมันทำให้ราคาตก!

“หาศพไม่เจอแบบนี้ หรือว่าไม่ได้อยู่ในเขตของตึกหลังนี้” จู่ๆ เด็กผู้ชายก็เอ่ยขึ้น

“อืม ตึกนี้เป็นตึกหลังเดี่ยวแยกออกมา ก่อนหน้านี้เคยถูกเหล่าสวี่สร้างค่ายกลทับ ดังนั้นตึกหลังนี้จึงไม่มีคน ผู้อาศัยเดิมล้วนอยู่ในตึกอื่น ยามก็มีหอพักอยู่แล้ว จึงไม่ได้อยู่ที่นี่ อีกอย่าง โคลนถล่มลงมาปกคลุมที่นี่โดยตรง แม้แต่บ้านก็ยังถล่ม คนที่อยู่ที่นี่จะเป็นอย่างไรพวกคุณรู้ไหม เหมือนกับบิสกิตอัดแข็ง แปะ โดยทับแบนเลย เหมือนหมาแมวน่าสงสารที่มักจะโดนรถชนตายบนถนนให้เห็นบ่อยๆ เป็นประจำ ถ้าหากตอนกลางคืนไม่ระวัง เช้าวันต่อมาอาจจะถูกทับแบนเป็นภาพสติกเกอร์”

“อย่างนั้นก็ต้องได้กลิ่นคาวเลือดบ้าง เจ้าได้กลิ่นไหม” เด็กผู้ชายมองไปที่อิงอิง

อิงอิงส่ายหน้า ผีดิบมีความรู้สึกไวต่อกลิ่นคาวเลือดเป็นอย่างมาก

“ไม่สนใจส่วนนี้แล้ว คนตายกี่คนก็ช่างปะไร ทำความสะอาดสถานที่ที่ต้องไปก่อนสำคัญกว่า ในนั้นถ้าหากเกิดปัญหาอะไร นั่นจะกลายเป็นปัญหาใหญ่มาก”

ตอนแรกสิ่งนั้นถูกผนึกอยู่ในถ้ำ ยังสามารถสร้างเหตุการณ์ผีดิบขึ้นมาได้ ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดอะไร ปล่อยให้ไอ้หมอนั่นหลุดออกมา เหอะๆ…

ทนายอันจำได้เถ้าแก่เคยพูดว่า ก่อนหน้านั้นที่เขาต่อสู้ในสภาพของผีดิบได้อย่างเก่งกาจ จริงๆ แล้วเลียนแบบสภาพของคนนั้นในตอนนั้น แค่มองก็รู้แนวโน้มความเป็นไปของสถานการณ์ จึงมากพอที่จะรู้นิสัยของไอ้หมอนั่นว่าสุดโต่งขนาดไหนกันแน่

อิงอิงกับเด็กผู้ชายก้มหน้าทำความสะอาดต่อ ของชิ้นเล็กถูกทุบจนแตก ชิ้นใหญ่ถูกยกขึ้นแล้วโยนทิ้งไปไกลๆทนายอันยืนอยู่ข้างๆ คอยสั่งการและตรวจสอบอย่างละเอียด สุดท้ายจึงตะโกนว่า “ตรงนี้แหละ อยู่ข้างล่างนี้! คนหนึ่งลงไป อีกคนหนึ่งคอยรับอยู่ข้างบน! ผมทำประตูตู้นิรภัยอยู่ตรงทางเข้า ไม่ต้องห่วงว่าโคลนจะไหลเข้าไป!”

ตอนนี้ลองคิดดู ทนายอันรู้สึกภูมิใจต่อมาตรการของตัวเองเช่นกัน ไม่อย่างนั้นหากโคลนถูกเทเข้าไปในช่องประตู งานทำความสะอาดนี้คงเป็นงานใหญ่จริงๆ

เด็กผู้ชายได้ยินดังนั้น จึงมุดเข้าไปในโคลนด้านล่าง จากนั้นจึงโยนคอนกรีตเสริมเหล็กออกมาจากด้านล่างไม่หยุด อิงอิงคอยรับอยู่ข้างบนแล้วโยนไปทางอื่นทันที ประสิทธิภาพการทำงาน มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

ทนายอันยืนมองอยู่ข้างๆ รู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง ในที่สุด ตอนที่เด็กผู้ชายโผล่ขึ้นมา เขาสะบัดผม เอ่ยว่า “เห็นตู้นิรภัยแล้ว อยู่ข้างล่างนี้”

“โอเค!” ทนายอันทำมือ ‘โอเค’

“ทุกคนลำบากแล้ว ไปอาบน้ำเถอะ” ทนายอันรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้คุมงานใจดำ ไม่แม้แต่จัดข้าวกล่องให้คนงาน ตั๋วอาบน้ำก็ไม่มี แน่นอนว่า คนที่ใจดำที่สุดคือหัวหน้าผู้รับเหมาที่นั่งเหม่อมองดูทิวทัศน์อยู่ข้างบน

เอ๊ะ หัวหน้าผู้รับเหมาใจดำล่ะ เมื่อครู่ยังอยู่ตรงนั้น! ทนายอันกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่เห็นเงาของโจวเจ๋อ

“เถ้าแก่ล่ะ” อิงอิงถาม

“ใจเย็นๆ ไม่แน่อาจจะไปหาที่ปัสสาวะ พวกเรารีบไปหาที่ล้างเนื้อล้างตัวกันเถอะ แล้วค่อยพักผ่อน”

ในเมื่อโจวเจ๋อออกไปเอง เช่นนั้นต้องเป็นเรื่องที่มั่นใจว่าจัดการได้ด้วยตัวเองแน่นอน และทนายอันก็รู้ดีว่า ผีดิบสองตัวที่อยู่ข้างกายตัวเองนี้เพิ่งเสียพลังไปเยอะมาก จึงต้องพักเพื่อฟื้นฟูกำลังกลับมา

โจวเจ๋อไม่ได้เดินออกมาไกลมาก เขาเดินไปที่ไหล่เขาอีกครั้ง บนก้อนหินที่อยู่ไม่ไกลจากถนนด้านล่าง โจวเจ๋อหยุดเดิน รถตู้อเนกประสงค์ยังคงจอดนิ่งอยู่ตรงนั้น เพียงแต่ผาด้านล่างที่อยู่ด้านหลังรถตู้ กลับมีเสียงสั่วน่า (ปี่จีน) ดังขึ้นมา

ก่อนหน้านี้ โจวเจ๋อเดินตามหาเสียงนี้จนมาถึงที่นี่ และตอนนี้ เสียงนี้ได้ชัดเจนขึ้น เขานั่งลงยองๆ จุดบุหรี่หนึ่งมวน เถ้าแก่โจวไม่รีบร้อน เหมือนตอนที่ทนายอันเป็นแนวหน้ามาที่นี่ก่อนก็คิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มีปัจจัยที่ไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ด้านใน เถ้าแก่โจวจะไม่รู้อยู่แก่ใจได้อย่างไร แต่ไม่ว่าอย่างไร เขามาแล้ว เขาอยู่ตรงนี้ ใบหน้าครึ่งหนึ่งนั้นมีความสำคัญกับอิ๋งโกวมากเกินไป ต่อให้นี่เป็นเบ็ดตกปลา เขาเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่อ้าปากแล้วงับมัน

ในเมื่อไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเผชิญหน้า จึงไม่มีอะไรต้องลนลาน เผชิญหน้าก็พอ เสียงสั่วน่าเริ่มเปลี่ยนเป็นสนุกสนานขึ้นมา ต่อจากนั้น โจวเจ๋อเห็นคนชุดสีแดงกลุ่มหนึ่งเดินตัวตรงขึ้นมาจากหน้าผาด้านล่าง ฉากนี้ โจวเจ๋อเจอเคยเห็นมาก่อน เมื่อก่อนตอนที่แม่นางไป๋สั่งลูกน้องมารับสวี่ชิงหล่างที่ร้านหนังสือ ก็ใช้วิธีนี้ แต่ครั้งนี้ด้านหลังไม่ใช่เกี้ยว แต่เป็นโลงศพสีดำโลงหนึ่ง

โลงศพสวยเหมือนใหม่ ตอนที่ถูกหามขึ้นมาบนถนน พื้นดินยุบลงไปไม่น้อย วินาทีนั้น เสียงสั่วน่าจึงหยุด ‘ปึ้ง!’ โลงศพร่วงลงพื้น และจมลงพื้นไปเกือบครึ่งเมตร

โจวเจ๋อสูบบุหรี่ต่อไป มองต่อไป เขาอยากจะดูว่าจะเล่นเกมอะไรกันแน่

คนที่ใส่ชุดสีแดงทางด้านล่างกลุ่มนั้นแต่งหน้าเข้ม โจวเจ๋อแยกไม่ออกว่าพวกเขาเป็นผีน้อยหรือว่าเป็นหุ่นเชิดตุ๊กตากระดาษ แน่นอนว่า ไม่ใช่สาระสำคัญ ทรงผมของตัวประกอบเหล่านี้ก็แปลก ไม่รู้ว่าแต่งเป็นตัวอะไร

ทั้งหมดสิบหกคน ถูกวางเรียงอยู่บนถนน ทุกคนมีความสูงแตกต่างกัน แต่ฝ่าเท้าของพวกเขา กลับเรียงเป็นเส้นเท่ากัน ดูท่าแล้วผีน้อยเหล่านี้เป็นคนย้ำคิดย้ำทำ

โจวเจ๋อจุดบุหรี่อีกหนึ่งมวน รอดูการแสดงต่อไป แต่คนที่ใส่ชุดสีแดงด้านล่างกลุ่มนั้นกลับยืนเรียงอยู่ด้วยกันอย่างเงียบๆ หนึ่งในนั้นถือสั่วน่า เริ่มเดินขึ้นมาบนไหล่เขาอย่างช้าๆ และเดินมาทางเขา

เถ้าแก่โจวนั่งยองๆ ต่อ ไม่ได้ลุกขึ้น มองคนที่ถือสั่วน่าคนนั้นเดินมาอยู่ตรงหน้าตัวเอง อีกฝ่ายหัวเราะเหอะๆๆ รอยยิ้มที่แข็งทื่อแบบนั้น จริงๆ แล้วทำให้คนหนังศีรษะชามากกว่าการคำรามด้วยความโกรธเสียอีก

อีกฝ่ายโค้งคำนับให้โจวเจ๋อ จากนั้นหยิบสั่วน่าขึ้นมา เริ่มทำการแสดงอีกครั้ง เสียงนี้ โจวเจ๋อเพิ่งได้ยินตอนที่อยู่ในงานศพที่ทงเฉิงเมื่อวานนี้

พูดจริงๆ นะ อาจารย์ที่เล่นสั่วน่าในงานศพเมื่อวาน เทียบกับคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วยังห่างอีกเยอะ คนนี้เป่าได้อย่างน่าเศร้าใจจริงๆ ถ้าหากอัดเสียง ไม่แน่อาจเป่าเพลง ‘บ่อเอ้อร์เฉวียนสะท้อนเงาจันทร์[1]’ ในเวอร์ชันสั่วน่าได้ และคนลึกลับที่อยู่ตรงหน้าก็เก่งกว่าคนตาบอดที่ชื่ออาปิ่งมาก

หนึ่งเพลงจบลง อีกฝ่ายหัวเราะเหอะๆ โค้งคำนับให้โจวเจ๋อด้วยความประจบอย่างยิ่ง เถ้าแก่โจวปรบมือตอบสนองเล็กน้อย เป่าได้เพราะมาก เป่าได้เก่งมาก จากนั้นอีกฝ่ายจึงยื่นมือชี้ไปที่คนที่นอนเรียงแถวอยู่ด้านล่าง แล้วชี้ไปที่ความยากลำบากในมือของตัวเอง จากนั้นแบมือให้โจวเจ๋อ

ทำอะไร เดี๋ยวก่อน โจวเจ๋อยื่นมือไปจับมือกับอีกฝ่าย

“…” ผีน้อยสั่วน่า

อีกฝ่ายถูนิ้วมือของตัวเองเล็กน้อย แล้วยิ้มมองโจวเจ๋อต่อไป

“อ้อ คุณน่าจะพูดเร็วกว่านี้” โจวเจ๋อตบหน้าผากของตัวเอง

อีกฝ่ายหัวเราะอย่างเขินอาย แบฝ่ามืออีกครั้ง

โจวเจ๋อดับบุหรี่ในมือของตัวเอง จากนั้นวางไว้ตรงกลางฝ่ามือของอีกฝ่าย เอ่ยว่า “ไม่ต้องเกรงใจ คุณเอากลับไปสูบเถอะ”

……………………………………………………………………….

[1] บ่อเอ้อร์เฉวียนสะท้อนเงาจันทร์ (二泉映月) เป็นเพลงซอเอ้อร์หู แต่งโดย ‘อาปิ่ง’ วณิพกตาบอดที่เล่นดนตรีข้างถนนเพื่อประทังชีวิต

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล