ตอนที่ 84 กลายร่าง!
โจวเจ๋อลุกขึ้น เตรียมจะเรียกหญิงสาวคนนั้น
ทันใดนั้นกลับพบว่า ในห้างสรรพสินค้าแทบล้วนมีรอยเท้าสีดำอยู่ทุกที่ ไม่ใช่แค่หญิงสาวคนก่อนหน้าเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า พนักงานขายคนอื่นๆ ใต้รองเท้าของพวกเขาเหมือนถูกทาด้วยน้ำมันสีดำอีกหนึ่งชั้น ทิ้งรอยเท้าที่ชัดเจนไว้ทุกย่างก้าว
นี่คือเหตุการณ์ที่โจวเจ๋อไม่คาดคิดมาก่อน หรือว่าทุกคนที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ล้วนเป็นผี
ถึงแม้จะเป็นเมืองผี ก็ไม่น่าจะเกินจริงถึงขั้นนี้
คราวที่แล้วโจวเจ๋อกับสวี่ชิงหล่างได้เห็นงานเลี้ยงของแม่นางไป๋ ก็มีคนพลุกพล่านและโต๊ะอาหารสองสามโต๊ะเท่านั้น และห่างไกลจากความยิ่งใหญ่อย่างในตอนนี้ ควรทราบว่าแม่นางไป๋ได้ฝึกบำเพ็ญเพียรมาสองร้อยปีแล้ว และระหว่างทางยังเคยมีศาลเจ้าเป็นของตัวเอง
ความรู้สึกเหมือนฟ้าหมุนแผ่นดินเคลื่อนจู่โจมเข้ามาอย่างกะทันหัน
โจวเจ๋อรู้ว่าเหมือนตัวเองกำลังนั่งอยู่บนม้าหมุนที่อยู่ในสวนสนุก
ทุกสิ่งรอบด้านล้วนไม่สมจริง มีแสงสีมากมายหลายหลากและพิลึกกึกกือ
คุณแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นของปลอม และไม่เข้าใจว่าอันไหนเป็นของจริง จึงได้แต่มองซ้ายแลขวาอย่างงุนงง
เขาจำได้ว่าก่อนหน้านั้นสวี่ชิงหล่างเหมือนจะเคยเห็นภาพแบบนี้เมื่อไม่นาน จากนั้นจู่ๆ เขาก็พุ่งไปที่ถนน ถ้าหากไม่ใช่เพราะตัวเองถีบเขาเอาไว้ เขาอาจจะถูกชนกระเด็นไปแล้ว
และตอนนี้ความรู้สึกแบบนั้นกำลังโจมตีตัวเองอยู่
ไอ้หมอนั่น คิดจะลงมือกับตัวเองเรอะ ในฐานะยมทูตตนหนึ่ง กลับถูกผีที่ตัวเองไล่ตามสู้กลับแบบนี้ ดูเหมือนจะน่าอายไม่น้อย และสิ่งที่สำคัญสุดในชีวิตก็คือ โจวเจ๋อไม่รู้ว่าควรจะโต้กลับอย่างไร
เขามาจับผี และสามารถใช้เล็บของตัวเองรับรู้สิ่งเหล่านี้ได้อย่างราบรื่น แต่ปัญหาในครั้งนี้ ดูเหมือนเล็บของตัวเองจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
โจวเจ๋อเซล้มนั่งลงกับพื้น และเหมือนกับว่าข้างหน้ามีคนยื่นเศษเงินให้ตัวเอง จากนั้นข้างหูของเขาเหมือนจะได้ยินคนพูดกับตัวเองว่า “นี่คือเงินทอนแปดหยวนของคุณ”
จากนั้นศีรษะของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าก็เริ่มเลือนราง เวลานี้สายตาของตัวเองเหมือนถูกห่อด้วยแป้งอีกหนึ่งชั้นทำให้ตัวเองรู้สึกสะอิดสะเอียนและเวียนศีรษะ
ราวกับว่าได้กลับสู่แดนน้ำพุเหลืองอีกครั้ง เขย่งปลายเท้าที่เหน็บชาเดินไปข้างหน้าพร้อมกับฝูงชน
พระพุทธเจ้าตรัสว่า สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนเหมือนกัน แต่แดนน้ำพุเหลืองเท่านั้นที่มีเพียงหนึ่งเดียว
โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถหายใจสะดวก จากนั้นจึงยื่นมือไปจับคอของตัวเองเมื่อรู้ตัว เขาก้มหน้าพยายามไออย่างแรง เขาอยากตะโกนออกมา แต่กลับตะโกนไม่ออก
นี่คือสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกว่าหนึ่งวันเหมือนหนึ่งปี และมีความรู้สึกเหมือนถูกทรมานทางจิตใจอย่างหนึ่ง ก่อนหน้านั้นสวี่ชิงหล่างทรุดตัวลงอย่างง่ายดาย และโจวเจ๋อได้ตกอยู่ในภวังค์อยู่ในขณะนี้
โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองน่าจะทำอะไรเสียหน่อย แต่เวลานี้เขานอกจากจะเป็นฝ่ายถูกกระทำ ต้องยอมรับทุกอย่างแล้ว ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ได้
เจ็บ อึดอัด หายใจไม่ออก ความทรมานทยอยกันมาอย่างไม่ขาดสาย คอยเฆี่ยนตีจิตวิญญาณของคุณไม่หยุด
……
“คุณ คุณคะ คุณเป็นอะไร”
หญิงสาวยื่นเงินทอนให้โจวเจ๋อ แต่ทันใดนั้นพบว่าสายตาของผู้ชายที่อยู่หน้าตัวเองเริ่มขุ่นมัว คล้ายกับว่าเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก
การตอบสนองอย่างแรกของหญิงสาวคือ ผู้ชายคนนี้สร้างสถานการณ์อยากเรียกร้องค่าเสียหาย ดื่มน้ำที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ตของตัวเองแล้ว ก็ไม่สบายทันที
แต่พอมองไปสักพักกลับรู้สึกว่าไม่ใช่ ผู้ชายคนนี้กำลังทรมานมากจริงๆ
“คุณคะ ให้ฉันเรียกหนึ่งสองศูนย์ให้คุณไหมคะ” หญิงสาวถาม
ใครจะรู้ว่า ผู้ชายที่อยู่ที่ตรงหน้ากลับยื่นมือออกมา แล้วผลักเธอล้มไปที่พื้น จากนั้นลุกขึ้นมาอย่างโซเซ แล้ววิ่งออกไปข้างนอก
เดิมทีหญิงสาวคิดจะโทรเรียกตำรวจหรือไม่ก็หนึ่งสองศูนย์ เพราะเธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นอาการไม่ค่อยปกติ แต่สุดท้ายเธอจึงคิดว่ามีเรื่องน้อยยิ่งดี จึงไม่หยิบโทรศัพท์ออกมา
…
ทุกสิ่งรอบตัวเหมือนกระจกที่ทำจากน้ำ ส่องแสงเป็นรูปแบบต่างๆ มีแสงบางส่วนส่องเข้ามาและไร้ซึ่งความอบอุ่นแก่ผู้คน แต่กลับให้ความรู้สึกรำคาญใจมากกว่า
โจวเจ๋อไม่รู้ว่าตัวเองเดินไปที่ไหน และไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร เขากระทั่งเตรียมใจแล้ว ว่าตัวเองจะต้องเหมือนสวี่ชิงหล่าง ที่เดินไปบนถนนก่อนหน้านั้นแน่นอน จากนั้นก็รอให้รถคันหนึ่งขับมาชนตัวเอง
เขาได้แต่ต่อต้านการเป็นฝ่ายถูกกระทำ ทำให้ต้องเดินไปข้างหน้า เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่าตัวเองตอนนี้เดินไปถึงไหนแล้ว แต่เขากับต่อต้านความรู้สึกวู่วามที่ดูถูกตัวเองอยู่ในใจมาตลอด
“ปัง…”
โจวเจ๋อชนถังขยะตรงหน้าล้มลง จากนั้นเขาก็ล้มตัวเข้าไปในถังขยะ กลิ่นเหม็นเปรี้ยวแสบจมูกไม่สามารถปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาได้ แต่ในสายตาของเขา กลับมีหญ้าสีเขียวขจีอยู่ทุกแห่งหน ราวกับอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน
ทั้งๆ ที่ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามมาก ทั้งๆ ที่มีแสงสว่างรอบด้านที่สวยสดงดงามมาก แต่กลับไม่มีความรู้สึกสบายใจเลยสักนิด
ที่นี่เหมือนกับกรงขังแห่งหนึ่ง ทำให้คนปฏิเสธมันโดยสัญชาตญาณ และอยากจะหนีมัน
เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะดังอยู่รอบๆ บริเวณ ดูเหมือนจะมีนกนางนวลและนกนางแอ่นฝูงหนึ่งกำลังบินฉวัดเฉวียนเต้นระบำ และที่ไกลๆ เหมือจะอบอวลไปด้วยกลิ่นธูปหอม และมีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนกำลังจุดธูปกราบไหว้แท่นบูชาเทพเจ้า
ภาพต่างๆ ผุดขึ้นมาในหัวของโจวเจ๋อไม่หยุดและบีบประสาทของโจวเจ๋อทีละนิด ไม่ว่าจะเป็นภาพใด มีความเป็นไปได้ที่จะบดขยี้ฟางเส้นสุดท้ายของอูฐ
ในที่สุด ภาพก็หยุดลง โจวเจ๋อพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าประตูสถานที่แห่งหนึ่ง บนนั้นแขวนป้ายสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และด้านหน้าของตัวเอง มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเข็นรถที่มีเด็กทารกจอดอยู่ตรงนั้น พวกเขาเหมือนกำลังจะออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล