าบันกองทัพที่ห้า ลานฝึกยุทธ์หมายเลขสาม
“การที่จะเป็นจอมยุทธ์ได้นั้น ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ แต่พวกแกส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะกลายเป็นนักสู้ แต่ขอเพียงสามารถกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ก็มีโอกาสต่างมากกว่าคนปกติทั่วไป และเมื่อต้องการเป็นผู้ฝึกยุทธ์ก็ต้องฝึกฝนวิชาหลอมกายา”
ชายวัยกลางคนกําลังสอนกลุ่มศิษย์ของสถาบัน
ศิษย์ที่อยู่ด้านล่างฟังอย่างตั้งใจ พวกเขาล้วนเป็นสามัญชน วิธีเดียวที่จะได้เรียนรู้วิชาหลอมกายาก็คือการเข้าสถาบันกองทัพ หากไม่ตั้งใจฟังแล้วละก็ การฝึกฝนผิดวิธีไม่เพียงแต่จะไม่เพิ่มพูนพลังฝีมือ แต่มันอาจทําร้ายร่างกายของผู้ฝึกได้อีกด้วย
เย่เทียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน เขาเข้าสถาบันกองทัพที่ห้า และได้เริ่มเรียนที่นี่มาสิบวันแล้ว
สิบวันมานี้ อาจารย์วัยกลางคนได้สอนวิชาหลอมกายาทุกวัน และยังได้สาธิตการเคลื่อนไหวสิบแปดกระบวนท่าของวิชาหลอมกายาด้วยตัวเอง
บางทีอาจเป็นเพราะการข้ามเวลาของเย่เทียน จิตใจของเขาจึงแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปรวมไปถึงความทรงจำที่ค่อนข้างดี ในเวลาเพียงสิบวันมานี้ เขาได้ทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวทั้งสิบแปดกระบวนท่าของวิชาหลอมกายาแล้ว แต่เขายังคงตั้งใจฟังอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีสิ่งใดผิดพลาด
สําหรับศิษย์คนอื่นๆ นั้น หากเวลาไม่ถึงหนึ่งหรือสองเดือน ก็ยากที่จะเข้าใจวิชาหลอมกายาได้อย่างสมบูรณ์
แน่นอนว่าการจ้างอาจารย์ส่วนตัวเป็นอีกกรณี แต่การจ้างอาจารย์มาสอนเป็นการส่วนตัวนั้นไม่ใช่ราคาที่คนธรรมดาจะสามารถใช้จ่ายได้
“วิชาหลอมกายาต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้จึงจะสามารถฝึกปรือได้อย่างสมบูรณ์ นี่เป็นการเคลื่อนไหวของกระบวนท่าแรก…”
อาจารย์วัยกลางคนเริ่มแสดงกระบวนท่าของวิชาหลอมกายาทีละท่า
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป และเมื่อการสอนจบลง เหล่าศิษเริ่มจากไปทีละคน
“เย่เทียน นายเข้าใจถึงขั้นไหนแล้ว? ฉันเข้าใจถึงกระบวนท่าที่สิบสามแล้ว อีกไม่นานก็จะสามารถฝึกปรือวิชาหลอมกายาได้แล้ว ” รุ่นเยาว์อ้วนท้วมคนหนึ่งเดินมาขวางหน้าเย่เทียนและกล่าวอย่างตื่นเต้น
ชายอ้วนคนนี้มีชื่อว่าจางเป่า เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องที่เย่เทียนรู้จักในสิบวันของสถาบัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อนข้างจะดีเลยทีเดียว
“ฉันเพิ่งเข้าใจได้แปดท่า!”
เย่เทียนจงใจปกปิด
เขาไม่อยากบอกว่าเขาเข้าใจการเคลื่อนไหวกระบวนท่าที่ 18 แล้ว ไม่อย่างนั้นคงสร้างปัญหาน่ารำคาญขึ้นแน่ๆ เขาเพิ่งมาถึงยุคนี้ ทางที่ดีก็ควรจะทำตัวไม่โดดเด่น
“สู้ต่อไป ฉันเชื่อว่านายทําได้ ในอนาคตพวกเราจะได้เป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน! ”
จางเป่าเริ่มพูด
แต่เย่เทียนสังเกตุเห็นความจนใจและสิ้นหวังจากส่วนลึกของแววตาของจางเป่า
“ก็นะ..อย่างที่คุณว่า!”
เย่เทียนยิ้ม
เขาได้เห็นพรสวรรค์ของจางเป่าผ่านพรสวรรค์การคัดลอก แม้ว่ามันจะมีพรสวรรค์สูงกว่าเขา แต่ก็เป็นเพียงพรสวรรค์ระดับรองเท่านั้น พรสวรรค์เช่นนี้มีความหวังในการเป็นนักรบ แต่ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากน้อยเพียงใด จางเป่าไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลใหญ่ เขาลูกชายของครอบครัวธรรมดาๆ เท่านั้น มันช่วยไม่ได้ที่จะไม่สามารถฝึกฝนได้อย่างสบายใจ
จุดจบของจางเป่าก็คงจะเหมือนผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ หลักจากจบการศึกษาเขาคงหางานทำที่มั่นคง ทำมันไปจนแกเฒ่า หรืออาจจะตายภายใต้คลื่นสัตว์ร้ายในอนาคต
“จางเป่า ใครกันที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในสถาบันของเรา?”
เย่เทียนถามเสียงเบา
เขาเพิ่งมาถึงสถาบันนี้ได้สิบวัน จางเป่าอยู่ที่นี้ก็มาร่วมเดือนกว่าแล้ว อีกทั้งจางเป่ายังสนิทกับใครหลายๆ คน ดังนั้นมันต้องรู้ข้อมูลต่างๆมากกว่าเย่เทียนอย่างแน่นอน
“ผู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุด?”
จางเป่าไม่รู้ว่าเย่เทียนถามเรื่องนี้เพื่ออะไร แต่เขาก็ยังคงกล่าวตอบอย่างว่าง่าย
“พรสวรรค์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากเปิดเผย แต่หากดูจากการฝึกฝนและความก้าวหน้า เห็นได้ชัดว่าสถาบันกองทัพที่ห้าของเราไม่ได้มีอัจฉริยะมากนัก อัจฉริยะเหล่านั้นโดยปกติแล้วพวกเขาจะเข้าร่วมกับสถาบันกองทัพที่ 1 แต่สถาบันของเราก็ยังมีอัจฉริยะอยู่ผู้หนึ่ง”
“ใครกัน?”
เย่เทียนถามด้วยความสงสัย
“เฉินตง!” จางเป่าพูดอย่างมีเลศนัย
“เฉินตงก็เกิดในครอบครัวธรรมดา พ่อแม่ของเขาก็เป็นคนธรรมดา หนึ่งเดือนก่อนเขามายังสถาบันกองทัพที่ 5 ของเรา ในเวลาเพียงครึ่งเดือน เขาก็กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ และถูกอาจารย์ใหญ่ของเรารับตัวเป็นศิษย์ส่วนตัว ตอนนี้เฉินตงไม่ได้ฝึกกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆอีกแล้ว แต่ได้รับการสั่งสอนจากอาจารย์ใหญ่เป็นการส่วนตัวแทน ”
หืม!
ดวงตาของเย่เทียนเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์