อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม นิยาย บท 222

กู้ชูหน่วนโยนร่มกระดาษน้ำมันทิ้งไป แล้วนั่งลงข้างๆ เย่เฟิง อยู่เป็นเพื่อนเขาเงียบๆ ภายใต้แสงตะวันร้อนแรง กู้ชูหน่วนครุ่นคิดว่าจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรดี

แต่คิดไม่ถึงว่าเย่เฟิงจะเอ่ยปากก่อน

เพราะเขาไม่พูดมานาน ดังนั้นเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อยจึงค่อยๆ ดังขึ้น

“ข้าเป็นตัวกาลกิณี ใครเจอข้าก็ต้องโชคร้าย ก็พวกท่านลุงท่านป้าที่ลานทาสพี่องครักษ์ใจดีหลายคนที่เขาสูบวิญญาณ ครอบครัวท่านยายเย่ แล้วยังชาวบ้านในหมู่บ้านสายธารอีก ข้ากลัว...”

กลัวว่านางกับเซียวหยู่เซวียนจะพลอยติดร่างแหไปด้วย

กู้ชูหน่วนรู้ความคิดในใจของเขา จึงแทรกคำพูดเขาโดยตรง “ใครว่าเจ้าเป็นตัวกาลกิณี? เจ้าจิตใจมีเมตตา มีคุณธรรม มีคนเท่าไรต่อคิวอยากเป็นสหายกับเจ้า?”

เย่เฟิงยิ้มขม นั่งอยู่ท่ามกลางตะวันจ้า แต่กลับไม่รู้สึกอบอุ่นสักนิด

“ตั้งแต่ข้าจำความได้ก็อยู่ที่ลานทาสแล้ว ตอนนั้นถึงจะลำบากไปหน่อย แต่ข้าก็มีความสุขมาก เพราะที่นั่นมีพวกท่านลุงท่านป้าที่ดีกับข้ามาก”

“เจ้ารู้ไหมว่าความหวังสูงสุดของข้าในตอนนั้นคืออะไร?”

กู้ชูหน่วนถามแบบหยั่งเชิง “หาพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเอง แล้วกลับไปอยู่ข้างกายพวกเขา?”

“เปล่า ความหวังสูงสุดของข้าก็คือได้เป็นผู้คุมเล็กๆ เช่นนั้นข้าก็ทำให้พวกท่านลุงท่านป้าทำงานน้อยลงได้อีกหน่อย ดังนั้นข้าจึงเรียนรู้ชีวิตที่ต้องดูสีหน้าพวกเขา เรียนรู้ที่จะเอาใจพวกเขา”

“ตอนเด็กๆ พวกเขาบอกว่าถ้าอยากเป็นผู้คุมก็ต้องรู้หนังสือ ไม่รู้หนังสือจะเป็นผู้คุมไม่ได้ เพราะอย่างนั้นข้าจึงขอให้ท่านอากับท่านลุงท่านป้าที่ลานทาสสอนหนังสือให้ข้า แต่พวกเขาส่วนมากก็ไม่เป็นเหมือนกัน ข้าก็เลยไปแอบฟังพวกอาจารย์อยู่นอกห้องเรียน”

“ทุกครั้งที่ถูกจับได้ก็ต้องถูกตีรอบหนึ่ง แต่ข้าดีใจมาก สิบกว่าไม้แลกตัวอักษรมาได้หนึ่งตัว คุ้มค่าแล้ว”

“บางครั้งก็ตีแรง ลุกไม่ขึ้นหลายวัน แม้ต้องคลานข้าก็ยังแอบคลานไปแอบฟังนอกห้องเรียน วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า ไม่ว่าจะถูกตีสักกี่ครั้ง ถูกไม้สักกี่หน ข้าก็ยังยืนหยัด อาจารย์ที่วิทยาลัยคงใจอ่อน ทนดูไม่ได้ก็เลยฝืนยอมให้ข้าเรียนจากนอกประตู”

“นาทีนั้น ข้าดีใจสุดขีด ข้าวิ่งเหยาะกลับไปบอกพวกท่านลุงท่านป้า แต่...พวกเขาก็ล้มลงแล้ว...”

“ล้มลง? หมายความว่าอะไร?” ครั้นกู้ชูหน่วนถามแล้วก็อยากตบหน้าตัวเองเสียจริง

ข้ามมิติเวลามาก็อยู่จนโง่แล้วหรือไร? ไม่รู้ว่า ‘ล้มลง’ หมายความว่าอะไร

เย่เฟิงเอ่ยเรียบ ราวกับแค่พูดเรื่องที่ไม่สำคัญ แต่จากมือที่กำแน่นเป็นครั้งคราวของเขา ก็รู้สึกได้ว่าเขาอดกลั้นความทุกข์ใหญ่หลวงอยู่

อดกลั้นสุดชีวิต

“ล้มลงก็คือตาย กลับมาไม่ได้อีก พวกเขาถูกทำให้หิวจนตาย ผู้คุมคนใหม่ยักยอกอาหารใส่กระเป๋าตัวเอง เพื่อผลประโยชน์เพียงเล็ดน้อยของตัวเอง ทำจนทาสมากมายถูกทำให้หิวจนตาย ”

“ข้าเสียใจมาก และทนเห็นพวกเขาแม้ต้องหิวตายไปทีละคนก็ยังจะยกอาหารให้ข้าไม่ได้ ดังนั้น...ข้าก็เลยร้องเรียนผู้คุมโรงครัวที่มาใหม่”

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว

ตอนที่ไปช่วยเย่เฟิงที่เขาสูบวิญญาณ เหมือนเจียงซวี่จะเคยพูด ว่ากว่าพ่อแม่เขาจะได้ขึ้นเป็นผู้คุมโรงครัว ก็ถูกเย่เฟิงร้องเรียนเรื่องยักยอกอาหาร ทำให้พ่อแม่พวกเขาถูกตีจนตาย ดังนั้นเขาถึงแก้แค้นเย่เฟิง

“ข้าแค่อยากให้พวกเขาไม่ยักยอกอาหารอีก ข้าไม่คิดทำร้ายใคร แต่หลังจากข้าร้องเรียนแล้ว ผู้คุมโรงครัวคนใหม่ก็ถูกตีจนตาย นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าทำร้ายคน สองชีวิตต้องจบสิ้นเพราะคำพูดประโยคเดียวของข้า...”

กู้ชูหน่วนแก้ให้ถูกต้อง “เจ้าไม่ได้ทำร้ายพวกเขา แต่กรรมตามสนองพวกเขา ถ้าพวกเขาไม่โลภยักยอกอาหารของทาส ก็ต้องไม่ถูกตีจนตายแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด คนเลวเช่นนั้น ถึงไม่มีเจ้า พวกเขาก็ต้องตายแบบไม่ครบสามสิบสอง”

“จากนั้นข้าก็ถูกเลือกให้เป็นทาสบำเรอ ส่งไปที่ห้องหัวหน้ากองธงกล้วยไม้” เย่เฟิงสั่นเทิ้ม กอดตัวเองแน่นกว่าเดิม คำพูดที่เอ่ยออกมา ฟันสั่นไม่หยุด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม