“หนึ่งคำนับฟ้าดิน”
เย่จิ่งหานในชุดแดงมงคล ขับให้ดูมีพลังมากขึ้นหลายส่วน เขามองเจ้าสาวที่อยู่ข้างกาย ในดวงตาเจือรอยยิ้มนิดๆ
สองขาเขาพิการ ได้แต่นั่งรถเข็นไหว้ฟ้าดิน
นาทีนี้ ในใจเย่จิ่งหานทั้งตุ้มๆ ต่อมๆ ทั้งเปรมปรีดิ์ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่เขาก็สามารถมีครอบครัวมีลูกได้เหมือนคนทั่วไป
นับแต่นาทีนี้ หญิงที่อยู่ข้างกายก็คือผู้หญิงที่เขาจะปกป้องจนกว่าชีวิตจะหาไม่
หากเทียบกับความเปรมปรีดิ์ของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนเฉยเมย เพียงแต่อยากรีบไหว้ฟ้าดินให้จบจะได้กลับไปนอน
องค์หญิงตังตังพึมพำอุบ “ก็ไม่รู้ว่านางนี่มีดวงอาจมสุนัขอะไร กลับได้แต่งกับเสด็จอาจริงๆ”
ในใจเย่มู่เจ๋อร้อยอารมณ์หงุดหงิด
หากตอนนั้นเขาไม่ยกเลิกการหมั้นหมาย เวลานี้ที่นางแต่งด้วยก็ควรเป็นเขาถึงจะถูก
ในงานชุมนุมแข่งขันบุ๋น กู้ชูหน่วนทำให้เขาอับอายขายหน้า เขาควรแค้นนาง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ระยะนี้ในสมองกลับหวนนึกถึง เป็นท่าทางนางที่ยิ้มพรายอยู่ตลอด
ทุกการขมวดคิ้วและรอยยิ้ม ทุกการเคลื่อนไหวของนางก็งดงามขนาดนั้น
เขาเสียใจภายหลังบางส่วน เสียใจที่ตอนนั้นถอนหมั้น ครุ่นคิดว่าจะถามกู้ชูหน่วนว่ายินดีออกเรือนกับเสด็จอาจากใจจริงหรือไม่
องค์หญิงตังตังกระตุกเสื้อของอ๋องเจ๋อ เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เสด็จพี่ หรือว่าต่อไปข้าต้องเรียกนางว่าเสด็จอาสะใภ้จริงๆ แล้ว?”
อ๋องเจ๋อไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่า
เดิมกู้ชูหน่วนควรเป็นชายาของเขา บัดนี้เปลี่ยนไปหมด กลับกลายเป็นเสด็จอาสะใภ้ของเขา ฐานะห่างกันหนึ่งชั่วอายุเต็มๆ
“สองคำนับบรรพบุรุษ”
เนื่องจากบิดามารดาสิ้นแล้ว ฮ่องเต้ก็แค่ส่งคนมามอบของขวัญชิ้นใหญ่ ไม่ได้มา ดังนั้นการคำนับครั้งที่สองนี้ ที่คำนับก็คือบรรพบุรุษ
ทว่าวาจาของผู้จัดพิธียังไม่สิ้นโดยสมบูรณ์ กู้ชูหน่วนก็คำนับลงไปแล้ว และไม่สนใจว่าเย่จิ่งหานจะคำนับด้วยหรือไม่
การวิจารณ์รอบด้านค่อยๆ ดังขึ้น
“คุณหนูสามกู้..ไม่ ควรเรียกว่าพระชายาหานแล้ว พระชายาหานจะรีบเกินไปกระมัง นางกลัวว่าเทพสงครามจะกลับคำ ไม่แต่งกับนางแล้วหรือ?”
“ก็ต้องแน่อยู่แล้ว ก็หน้าตาน่าเกลียดเช่นนั้น ที่แต่งด้วยยังเป็นเทพสงครามที่มีอำนาจเทียมฟ้า นางแต่งงานครั้งนี้ สุสานบรรพบุรุษได้ผุดควันเขียวแล้ว (*เป็นสิริมงคล เกิดเรื่องน่ายินดีหรือได้เป็นขุนนาง)”
“ชู่ วันมงคล เจ้าพูดเรื่องพวกนี้ ระวังเทพสงครามจะชักดาบกับเจ้า”
“ผึบ...”
ดวงตาดาบของเย่จิ่งหานส่งไป ทุกคนต่างหนาวสะท้าน ไม่กล้าพูดอะไรอีก
แต่พวกคนที่เพิ่งวิจารณ์เหล่านั้น กลับเสียวสันหลังวาบ รู้สึกว่าเทพสงครามได้ยินการวิจารณ์ของพวกเขาแล้ว
นาทีนี้ พวกเขาราวกับตกสู่โพรงน้ำแข็ง นึกเสียใจยิ่งนัก ได้แต่ภาวนาให้อย่าเกิดเรื่องใหญ่อะไร
ราชวิทยาลัยมีคนมาไม่น้อย อารมณ์และความคิดแต่ละคนก็ต่างไปต่างๆ นานา
บ้างดีใจกับนาง บ้างริษยาเต็มทรวง บ้างรอดูนางถูกทิ้ง
อาจารย์สวีลูกเคราขาว แต่กลับดีใจกับนาง
ซ่างกวนฉู่หยัดตรงสง่างาม ดั่งเทพเซียนหลุดจากโลกีย์ โฉมหน้าหล่อเหลาแห่งยุคนำพาซึ่งรอยยิ้มนิดๆ เพียงแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด สีหน้าของเขากลับระคนขาวซีดที่ยากสังเกตได้เล็กน้อย ราวกับได้รับบาดเจ็บ
สามีภรรยาจะคำนับซึ่งกันและกันบัดเดี๋ยวนี้แล้ว อ๋องเจ๋อกำมือตนเองแน่น หัวใจที่ลังเลอยู่ค่อนวัน จู่ๆ ก็ตัดสินใจได้
เขาก็ไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากไหน กลับยืนขึ้นมา เอ่ยปากถาม “กู้ชูหน่วน วันนั้นที่ถอนหมั้นเป็นเพราะข้าไม่ตั้งใจ หากเจ้าไม่อยากแต่งกับเขา การแต่งงาน...”
“อ๋องเจ๋อ หรือว่าเจ้าจะชิงตัวเจ้าสาว?”
เย่จิ่งหานกำลังยิ้ม แต่การยิ้มนั้นกลับทำให้คนสั่นได้โดยที่ไม่หนาว เขาเพียงนั่งอยู่ตรงนั้นก็มีความน่าเกรงขามที่ไม่ต้องบันดาลโทสะ ทรงอำนาจและบารมีที่ดูแคลนใต้หล้า
อ๋องเจ๋อเกรงกลัวเทพสงครามตั้งแต่เด็ก เพียงสายตาหนึ่งของเทพสงคราม เรือนร่างของเขาก็สั่นกว่าค่อนวัน
บัดนี้นัยน์ตาทั้งคู่ของเทพสงครามหรี่เล็กน้อย ยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ยิ่งชวนให้ขนหัวลุก
เขากลัว เขาอยากถอย
แต่หากถอย ชีวิตนี้ก็จะเสียกู้ชูหน่วนไปแบบถาวร
อ๋องเจ๋อก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีความรู้สึกอย่างไร ชอบกู้ชูหน่วน หรือแค่เจ็บใจหญิงที่เดิมควรเป็นของตนเองไปแต่งกับคนอื่น และเขาก็ไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากไหน กลับหยัดตัวตรง เอ่ยเสียงดัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม
อ่านๆ ไปแล้วก็รู้สึก ประสาท เว่อวัง คิดว่าอ่านจะซ่อนความอะไรไว้ แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่เจอเลย ลำไยมาก...
บางทีก็เบื่ออีนางเอกนี่ กำเริบเสิบสานกวนตีนได้สุดยอด ไล่ออกจากแคว้นก็ได้แล้ว...
ตอนที่1142-1190หายไปค่ะ...
ตอนที่ 1142-1190 หายไปค่ะ...