สถานการณ์ของแคว้นฉู่กับแคว้นหวาตึงเครียดขึ้น อาจจะสามารถปะทุได้ทุกเมื่อ อี้เฉินเฟยกล่าวห้ามปราม “ทุกท่านอย่าผิดใจกันเลย งานชุมนุมโต้วเหวินเป็นเพียงการแบ่งปันความรู้ความสามารถกันเท่านั้น เน้นการมีส่วนร่วม แพ้ชนะเป็นเรื่องรองลงมา”
อี้เฉินเฟยลุกขึ้นกล่าวอย่างไม่เจ็บเอวสะโพก
พวกเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจเพียงนี้ บากบั่นเดินทางพันลี้มายังแคว้นเย่ ก็เพื่อกระดิ่งทลายวิญญาณ
หากแพ้ ก็เหมือนกับมองดูกระดิ่งทลายวิญญาณหลุดมือไปต่อหน้าต่อตา
พวกเขากำลังคิดจะโมโห แต่เมื่อใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้ความสามารถของอี้เฉินเฟย เห็นได้ชัดว่าสามารถเอาที่หนึ่งมาครองได้ แต่เขากับปล่อยไป
ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับกระดิ่งทลายวิญญาณ แล้วพวกเขาจะพูดอะไรมากได้อีก
แคว้นหวากับแคว้นฉู่เดิมทีความสัมพันธ์ก็กระท่อนกระแท่น ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยคนี้ก็ยิ่งทำให้กระท่อนกระแท่น
แต่ว่าเขากลับยังคงมีสีหน้าที่มืดมน
การชนะนี้ ช่างไม่มีเกียรติเสียเลย อีกทั้งลูกสาวทั้งสามของเขา นอกจากน่ารังเกียจแล้วก็ยังคงหนีไม่พ้นน่ารังเกียจ
“ไม่น่าเชื่อว่านางตัวดีจะชนะอีกแล้ว” เซียวหยู่เซวียนพึมพำกับตนเอง ราวกับกำลังฝันก็ไม่ปาน
กู้ชูหน่วนปฏิเสธไปโดยไม่แม้แต่จะคิด “ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าไม่รับเจ้าเป็นลูกศิษย์แล้ว เชิญเจ้าตามสบายได้เลย”
ให้ตายเหอะ นางไม่อยากจะมีภาระหรอกนะ
“อาจารย์ หรือว่าศิษย์ตรงไหนไม่ดี ข้ายินดีที่จะเปลี่ยน”
“ท่านผู้เฒ่า อย่างน้อยเจ้าก็เป็นถึงเทพหมากกระดานที่มีชื่อเสียงในใต้หล้า ข้าเป็นเพียงเจ้าทึ่มไม่เอาไหน หากรับเจ้าเป็นลูกศิษย์จริง ผู้คนในใต้หล้าไม่รู้จะต่อว่าข้าอย่างไร”
“อาจารย์พูดขำแล้ว หากว่าท่านเป็นเจ้าทึ่ม เช่นนั้นใต้หล้านี้ทุกคนคงจะเทียบเจ้าทึ่มไม่ได้แล้ว”
เทพหมากกระดานเปลี่ยนแปลงปฏิกิริยาจากเดิม กลายเป็นคนที่ว่านอนสอนง่ายเชื่อฟัง ไม่ว่าอย่างไรก็จะติดตามกู้ชูหน่วน
ท่ามกลางผู้คนไม่รู้ว่าใครได้ตะโกนขึ้น “กล้าเดิมพันกล้าพ่ายแพ้ ในเมื่อบอกว่าจะรับเทพหมากกระดานเป็นลูกศิษย์ ย่อมต้องไม่มีเหตุผลเปลี่ยนใจ”
ผู้คนต่างแสดงความคิดเห็น ขุนนางไม่น้อยแห่งแคว้นเย่เสนอให้กู้ชูหน่วนรับเทพหมากกระดานเป็นศิษย์ นั่นเป็นเรื่องที่ดีสำหรับการทำให้ชื่อเสียงเลี่ยงลือ สามารถทำให้แคว้นเย่มีหน้ามีตาไม่น้อย
สีหน้าของทูตแห่งแคว้นฉู่ดำทะมึนราวกับถ่าน แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
เทพหมากกระดานเป็นตัวแทนของแคว้นฉู่ของพวกเขา วันนี้กลับมาเป็นลูกศิษย์ให้กับเด็กอมมือผู้น่าเกลียด เกียรติของแคว้นฉู่ถูกทำลายลงภายใต้น้ำมือเขาอย่างสิ้นเชิง
และที่ยิ่งน่าโมโหคือ นางเด็กอมมือนั่นยังไม่อยากจะรับเขาเป็นลูกศิษย์ แต่เขากลับยังหน้าทนที่จะเป็นให้ได้
กู้ชูหน่วนกัดฟัน
หากว่านางทำลายกฎกติกาการเดิมพัน อย่างนั้นก็เท่ากับว่าสามล้านตำลึงของอ๋องเจ๋อนั่นก็ไม่จำเป็นต้องมอบให้กับนาง
ไม่ได้ สามล้านตำลึงเลยเชียวนะ อ้อยกำลังจะเข้าปากช้าง หากว่าหลุดไป อย่างนั้นจะไม่เสียดายแย่รึ
“ก็ได้ ข้ายอมรับ แต่ว่าอ๋องเจ๋อ สามล้านตำลึงของท่านนั้นควรจะจ่ายก่อนหรือไม่”
“ให้เวลาข้าสามวัน แล้วข้าจะมอบให้กับเจ้า”
“ออ……ที่แท้เจ้าก็ไม่มีเงินนี่เอง บอกเนิ่น ๆ สิ ข้าก็ใช่ว่าจะเป็นคนไร้เหตุผลสักหน่อย ข้าสามารถให้เวลาเจ้าสามวัน แต่ว่าดอกเบี้ยนั้น พวกเราสองคนคงต้องเจรจาหารือกันสักหน่อยหรือไม่”
อ๋องเจ๋อถูกทำให้กริ้วจนบาดแผลภายในยิ่งสาหัสขึ้น หากมิใช่บ่าวรับใช้คอยประคอง เกรงว่าคงจะล้มลงไปอีกครั้งเป็นแน่
อ๋องเจ๋อเปล่งเสียงออกมาจากไรฟัน “ได้”
“อาจารย์ หลังสามวัน ข้าจะไปช่วยท่านติดตามทวงหนี้” เทพหมากกระดานยิ้มแล้วกล่าว
รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ชูหน่วนชะงักงัน แล้วรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว
“ยังมีอีกสามตามิใช่รึ ตาหน้าจะประลองอะไร”
หม่ากงกงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตาหน้าประลองบทกวีกัน ดูว่าผู้ใดจะสามารถประพันธ์ได้มากกว่ากัน ประดิษฐ์คำได้ดีกว่ากัน ก็จะถือเป็นผู้ชนะ”
“เช่นนั้นก็เป็นการนำบทกวีกับตำรารวมเข้าไว้ด้วยกันแล้วทำการประลองอย่างนั้นรึ”
“ใช่ ถูกต้อง”
“บทกวีที่ประพันธ์มีการจำกัดหัวข้อหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม
อ่านๆ ไปแล้วก็รู้สึก ประสาท เว่อวัง คิดว่าอ่านจะซ่อนความอะไรไว้ แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่เจอเลย ลำไยมาก...
บางทีก็เบื่ออีนางเอกนี่ กำเริบเสิบสานกวนตีนได้สุดยอด ไล่ออกจากแคว้นก็ได้แล้ว...
ตอนที่1142-1190หายไปค่ะ...
ตอนที่ 1142-1190 หายไปค่ะ...