แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ นิยาย บท 6

บทที่ 6 มีแม่คนนี้ เจ้าตัวเล็กทั้งสองคงต้องกังวลใจจนใจสลายแล้ว

สาวรับใช้เห็นเงาของลี่ถิงเซิ่งมาแต่ไกล ๆ ก็รีบวิ่งซอยเท้ากลับมารายงาน

แล้วสวี่รั่วยีก็หน้าชื่นตาบานขึ้นมาทันที แล้วรีบจัดการกับเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเอง แล้วก็รีบออกไปต้อนรับ

“ถิงเซิ่ง วันนี้ทำงานมาเหนื่อยไหม? ฉันเตรียมน้ำชาเลมอนไว้ให้ดับกระหายคลายความร้อนเองกับมือด้วย เดี๋ยวคุณลองชิมดูสักหน่อยนะ”

ลี่ถิงเซิ่งเดินไปมีแรงลมตามไปด้วย แล้วก้าวใหญ่ ๆ เดินข้ามขั้นบันไดของคฤหาสน์ พอเข้าประตูมา ก็เจอเข้ากับสวี่รั่วยีที่ท่าทางอ่อนโยนเหมือนกับนกน้อยไร้ที่พึ่งและกำลังส่งยิ้มให้อยู่

ข้างหูเหมือนกับมีเสียงยุงบินหวี่ ๆ ดังอยู่ ดังจนหัวคิ้วของลี่ถิงเซิ่งขมวดเข้าหากันแน่น

เขาถอดเสื้อนอกออกด้วยความเคยชิน แล้วโยนให้กับคนรับใช้

สวี่รั่วยีที่เฝ้ารออยู่ข้าง ๆ เขาหูตาว่องไว รีบแย่งเดินไปรับไว้ก่อน แล้วก็เอามาพาดไว้ที่ข้อพับแขนของตัวเอง ทำตัวราวกับเป็นศรีภรรยาที่ดี

เหล่มองสวี่รั่วยีทีหนึ่ง แล้วลี่ถิงเซิ่งก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดคำพูดรำคาญออกไป

เขาเดินไปถึงโซฟาแล้วนั่งลง และหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วก็มองเห็นน้ำชาเลมอนที่รินเสร็จวางไว้บนโต๊ะน้ำชา

แผ่นเลมอนบาง ๆ สองแผ่นลอยอยู่ในน้ำ เปลือกเลมอนถูกปอกออกจนสะอาดเรียบร้อย ที่ก้นแก้วมีส้มจีนเล็ก ๆ สีเขียวกลมอยู่สองซีก สีเขียวและสีส้มที่สดใสสลับกันจนสว่างตา

สีสันนี้ ดูสบายตาและผ่อนคลาย ทำให้เขานึกถึงการพบกับนักปรุงน้ำหอมอันดับหนึ่งของโลกอย่างแอนนาในวันนี้

ผู้หญิงคนนั้น ท่าทางโอหัง กล้าได้กล้าเสีย แต่ว่าลึก ๆ แล้วกลับแฝงไว้ด้วยความเขินอายเป็นอย่างมาก

แค่จูบเดียว ก็ทำให้เธอเปิดเผยความจริงถึงฝีมือการจูบที่อ่อนหัดแล้ว

น่าสนใจอย่างมาก

ลี่ถิงเซิ่งคลี่ยิ้มออกเล็กน้อย แล้วยกแก้วน้ำชาเลมอนที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา แล้วดื่มไปคำหนึ่ง

รสชาติหอมหวานที่เข้าไปในปาก ต่อจากนั้นก็คือความฝืดขมและเปรี้ยวที่แม้แต่น้ำตาลก็ข่มไว้ไม่อยู่

ลี่ถิงเซิ่งขมวดคิ้วขึ้นทีหนึ่ง แล้วก็ไม่รู้สึกสนใจอีกเลย

สวี่รั่วยีรีบเอาเสื้อสูทยัดให้กับคนรับใช้ไป แล้วสั่งให้เอาไปแขวนไว้ในห้องของลี่ถิงเซิ่งที่ชั้นบนให้เรียบร้อย หันไปก็จะไปนั่งใกล้ ๆ ลี่ถิงเซิ่ง

ลี่ถิงเซิ่งรีบเหล่ตามองเธอทีหนึ่ง

แววตาที่เยือกเย็นแบบนั้นทำให้ใจของสวี่รั่วยีร้อนรนขึ้นมาทันที แล้วก็รีบขยับตัวออกห่างไปหนึ่งที่นั่งทันที

กัดริมฝีปากไว้อย่างไม่พอใจ แล้วสวี่รั่วยีก็เค้นรอยยิ้มหวานออกมาอีกครั้ง

“ถิงเซิ่ง น้ำชาเลมอนอันนี้ ฉันวิเคราะห์อยู่ตั้งนาน และตั้งใจทำขึ้นมาเป็นพิเศษ อร่อยไหม?”

ลี่ถิงเซิ่งวางแก้วน้ำชาลง แล้วก็เอาขามาไขว้กันไว้ ดูเย็นชาและสง่างาม “พอกินได้”

ตอบกลับไปอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน

น้ำชาเลมอนที่เธอเตรียมมาทั้งวัน แผ่นเลมอนต้องบางเท่าไหร่ น้ำตาลต้องใส่กี่ส่วน แล้วทดลองทำไปสิบกว่าครั้ง และกะอย่างแม่นยำตรงตามสูตร จนสุดท้ายถึงสามารถทำออกมาจนได้แก้วที่สมบูรณ์ที่สุดแก้วนี้

แต่ลี่ถิงเซิ่งกลับแค่จิบเบา ๆ ไปคำหนึ่งเท่านั้น

“ถิงเซิ่ง ถ้าคุณไม่พอใจละก็ ฉันสามารถลองแก้ไขให้ดีกว่านี้อีกได้นะ”

ทั้งสองมือของสวี่รั่วยีไขว้กันไว้ตรงหัวเข่า และจับนิ้วโป้งทีหนึ่งอย่างร้อนใจ

ลี่ถิงเซิ่งได้นอนในห้องรับรองแขกพิเศษไปสองชั่วโมง ตอนแรกอารมณ์ก็ผ่อนคลายมาก แต่ว่าพอมาโดนผู้หญิงคนนี้เอาแต่พูดเรื่องน้ำชาเลมอนล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุด แล้วอยู่ ๆ ขมับของเขาก็อึดอัดจนปวดขึ้นมา

พอนวดขมับไปเล็กน้อย ลี่ถิงเซิ่งก็ลุกขึ้น แล้วก็เดินขึ้นชั้นบนไป

สวี่รั่วยีรีบก้าวเดินสองก้าวตามไป

พอลี่ถิงเซิ่งรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของด้านหลัง ฝีท้าวก็หยุดลงเล็กน้อย แต่ไม่ได้หันหน้าไป แล้วทิ้งคำพูดไว้ประโยคว่า

“ตั้งใจปรุงน้ำหอมในลี่ซื่อกรุ๊ปไปเถอะ คุณไม่มีพรสวรรค์ด้านทำน้ำชาหรอก อย่าเสียแรงเปล่าเลย!”

ร่างกายที่สูงใหญ่ของเขาหายลับไปกับทางโค้งของบันได แล้วอย่างรวดเร็ว เสียงปิดประตูห้องหนังสือก็ดังรอยตามมา

สวี่รั่วยีสีหน้าขาวซีด แล้วก็เดินเซไปก้าวหนึ่ง

จนต้องจับโซฟาไว้ถึงจะยืนอย่างมั่นคงได้

ที่ลี่ซื่อกรุ๊ป ใครก็ทำอะไรตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยน้ำหอมของเธอไม่ได้ แต่ว่าที่เธอพึ่งพาอยู่ก็มีแค่น้ำหอมไม่กี่ขวดที่รักษาไว้ได้ แถมยังเป็นของที่ขโมยมาจากสวี่รั่วฉิงเมื่อหลายปีก่อนอีกด้วย

หลายปีมานี้ เธอไม่มีผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่เลย

บางทีอาจจะมีพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมาบ้าง แต่หลังจากที่ไม่สนใจข้อคิดเห็นของผู้คน แล้วก็เข้าสู่แผนการขายที่ยิ่งใหญ่ แต่ว่ายอดขายกลับตกต่ำมาก จนทำให้ลี่ซื่อกรุ๊ปกลายเป็นตัวตลก

หลายปีมานี้ เธอให้สมญานามกับตัวเองว่าเป็นนักปรุงน้ำหอมอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลินชวน แต่ว่ากลับเป็นแค่เพียงการหลอกลวงผู้คนเท่านั้น

ในขณะที่เธอดื่มด่ำอยู่กับชื่อเสียงนั้น ก็ต้องอกสั่นขวัญแขวนไปด้วย เพราะกลัวว่าจะโดนคนอื่นเปิดโปงเข้า

แต่ลี่ถิงเซิ่งที่อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่แรก จนมาถึงวันนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งจับติเตียนเธอมากขึ้นแล้ว

เป็นเพราะว่า อยู่ในใจของเขานั้น เธอไม่เคยยึดครองพื้นที่ได้แม้แต่ครึ่งนิ้วเลย?

หรือว่าหลายปีมาขนาดนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะว่าเธอคิดไปเองเหรอ?

“คุณสวี่ คุณไม่เป็นอะไรนะคะ?”

สาวใช้เห็นเธอสีหน้าขาวซีด ก็ใจดีเข้ามาเป็นห่วง

“ไสหัวไปซะ!” พอสวี่รั่วยีโดนคนมองเห็นด้านที่อับอาย ในใจก็รู้สึกหงุดหงิด หันหน้าไปก็ถลึงตาใส่

สาวใช้ตกใจจนสะดุ้ง แล้วก็ถอดออกไปอย่างไม่สบายใจ

มือกำจนเป็นหมัด สวี่รั่วยีสีหน้าครึ้มดำแล้วเดินขึ้นไปข้างบน และกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง

นั่งอยู่บนพื้นพรมเปอร์เซียนำเข้าในห้องนอน แล้วสวี่รั่วยีก็เปิดโน้ตบุ๊คขึ้นอย่างรุนแรง แล้วก็เปิดหน้าอีเมลขึ้นมา

น้ำหอมเหลือไม่เยอะแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ