บทที่ 10 ภาพสวยเกินไป ไม่กล้าจินตนาการ
ไม่ ไม่ ไม่ ทำไมทั้งสมองถึงเต็มไปด้วยผู้ชายคนนั้นได้นะ
เธอรีบสะบัดหัว แล้วสลัดภาพในหัวสมองออกไป
“ได้ ได้ ได้ อี้ฝันของเราโตแล้ว! แต่ว่ารางวัลของวันนี้ไม่ได้มีแค่การหอมแก้มจากแม่นะ ยังมีมื้อใหญ่ที่ไม่ได้ออกไปกินกันนานแล้วอีกด้วย! คืนนี้พวกหนูอยากจะกินอะไรจ๊ะ? แม่จะตอบตกลงทุกอย่างเลย!”
พอเด็กทั้งสองคนได้ยินว่าคืนนี้สวี่รั่วฉิงจะพาพวกเขาออกไปกินมื้อใหญ่ ในดวงตากลมโตก็เหมือนราวกับมีดวงดาวที่เต็มท้องฟ้า
“ผมอยากไปกินอาหารฝรั่งเศส”
“อี้หานอยากกินสุกี้หม้อไฟ!”
พี่น้องทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกันแต่กลับพูดไม่เหมือนกัน
สวี่อี้ฝานขมวดคิ้วขึ้น แล้วย่นจมูกโด่ง ๆ ของตัวเองขึ้นเบา ๆ อย่างรังเกียจ “กินสุกี้หม้อไฟอะไร ควันร้อนซะขนาดนั้น”
สวี่อี้หานสวนกลับ “สุกี้หม้อไฟอร่อย! หนูไม่อยากกินอาหารฝรั่งเศสสักหน่อย มารยาทเยอะแยะเต็มไปหมด กินแล้วก็เหนื่อย แถมยังกินไม่อิ่มอีก……”
เด็กสาวจู๋ปากขึ้นเล็กน้อย มือที่เนื้อแน่น ๆ กอดแขนของสวี่รั่วฉิงเอาไว้อย่างออดอ้อน น้ำเสียงอ่อนโยนอ่อนหวาน “คุณแม่ พวกเราไปกินสุกี้หม้อไฟกันดีไหมคะ”
สวี่รั่วฉิงล้วงโทรศัพท์ออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วเริ่มค้นหาดูว่าละแวกอพาท์เม้นต์ตรงไหนมีร้านอาหารฝรั่งเศส แล้วตรงไหนมีร้านสุกี้หม้อไฟบ้าง
เธอคล้ายกับสวี่อี้หาน ที่ชอบกินสุกี้หม้อไฟมาก แต่สวี่อี้ฝานไม่ได้ นิสัยและความชอบล้วนเหมือนลี่ถิงเซิ่ง เริ่มตั้งแต่เด็ก ๆ ก็ชอบกินอาหารฝรั่งเศส อาหารอิตาลี แต่อาหารอร่อยทั่วไปของในประเทศกลับไม่ได้สนใจมากนัก
ยีนนี่น่ากลัวจริง ๆ!
สวี่รั่วฉิงแบะปากเล็กน้อย นิ้วมือลื่นไถลไปบนหน้าจอ “ลูกรักอย่าใจร้อนไปนะ แม่ลองหาดูก่อน ถ้าเขาให้เอาอาหารเข้าไปกินด้วยได้ เดี๋ยวพวกเราก็สั่งสุกี้หม้อไฟสำหรับหนึ่งคนให้เขาส่งมาที่ร้านอาหารฝรั่งเศสกันดีไหม?”
“เอ๋?” พอสวี่อี้หานได้ยิน ปากเล็ก ๆ ก็จู๋ขึ้นสูงมาก “ทำไมถึงไม่สั่งอาหารฝรั่งเศสส่งไปที่ร้านสุกี้หม้อไฟแทนล่ะ?”
สวี่อี้ฝานเปิดปากอธิบายขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “ตอนที่คุณแม่พาเราไปที่ร้านอาหารฝรั่งเศส มีตอนไหนที่เธอเคยเห็นบ้างว่าคนเขาถือใส่กล่องกลับกัน? อาหารมื้อใหญ่สไตล์ฝรั่งเศสก็จะต้องดื่มด่ำอยู่ภายใต้บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมของร้านอาหารซิ”
หลังจากที่สวี่รั่วฉิงจองร้านอาหารฝรั่งเศสมิชลินสามดาวไว้ร้านหนึ่ง และสั่งสุกี้หม้อไฟสำหรับหนึ่งคนอีกสองชุดแล้วขอให้ส่งไปที่ร้านอาหารฝรั่งเศสแล้ว แล้วก็ก้มตัวลงมาและสั่งกำชับกับลูกที่น่ารักทั้งสองคนของตัวเองอย่างจริงจังขึ้นว่า “เอาล่ะ! ตอนนี้รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ลบรอยลิปสติกแดงที่แม่ทิ้งไว้บนแก้มออกด้วย!”
……
ร้านอาหารมิชลินที่สวี่รั่วฉิงจองเอาไว้ เป็นร้านที่พอมีชื่อเสียงของเมืองหลินชวน
ราคาก็ค่อนข้างทำให้แบ่งแยกชนชั้น คนที่มาดื่มด่ำกับอาหารค่ำที่นี่จึงค่อนข้างบางตา
สวี่รั่วฉิงที่ร่างสูงระหง ใบหน้าเรียวยาวโดนแว่นกันแดดสีดำบดบังไปกว่าครึ่ง พนักงานในร้านอาหารก็อดไม่ได้ที่จะส่งสายตามาที่เธอเป็นพิเศษ
ผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูมีสง่าราศีมากพาเด็กน่ารักมาอีกสองคน ใครจะไม่ชอบล่ะ?
เด็กผู้หญิงหวานแหววน่ารัก เวลายิ้มขึ้นมาทำให้ผู้คนก็อารมณ์ดี
เด็กผู้ชายเย็นชาเรียบเฉย เหมือนกับเป็นผู้ใหญ่ตัวเล็ก
สวี่รั่วฉิงถอดแว่นกันแดดออก แล้ววางลงบนโต๊ะ และก็เปิดเผยดวงตาที่ใสสะอาดแวววาวของเธอออกมา เรียวปากแดงพึมพำเล็กน้อย แล้วก็เรียกพนักงานขึ้นเบา ๆ
หลี่อานเองก็มาถึงร้านอาหารมิชลินในเวลานี้พอดี
วันนี้ที่ลี่ซื่อกรุ๊ปมีการประชุมขึ้นมากะทันหัน แล้วลี่ถิงเซิ่งก็เป็นคนดำเนินการเองเลย
ปกติเขาก็ค่อนข้างชอบอาหารฝรั่งเศสของร้านอาหารมิชลินร้านนี้อยู่แล้ว ก็เลยให้หลี่อานมาสั่งอาหารแล้วซีนกับจานตามแบบดั้งเดิมแล้วเอาไปส่งให้เขาที่ห้องทำงาน
หลี่อานมองไปทีเดียวก็เห็นสวี่รั่วฉิงที่รูปโฉมโดดเด่นอยู่ในร้านอาหารแล้ว
เขาตกใจก่อนเป็นอันดับแรก แล้วอย่างรวดเร็วก็นึกขึ้นได้ว่าลี่ถิงเซิ่งเคยบอกว่าผู้ช่วยแอนเป็นนักปรุงน้ำหอมอันดับหนึ่งของโลก
ในเมื่อเป็นนักปรุงน้ำหอมที่มีชื่อเสียงระดับโลก รายได้ก็คงจะนับไม่ถ้วน จะมากินข้าวที่ร้านอาหารมิชลินสามดาวบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรน่าแปลก
แต่ว่าตอนที่หลี่อานได้ยินเด็กที่อยู่ข้างสวี่รั่วฉิงเรียกเธอว่า“คุณแม่”นั้น ความตกใจบนใบหน้าก็ไม่มีทางปิดบังไว้ได้อีก
นี่มัน……!!
ผู้ช่วยแอนมีลูกแล้ว ยังจะมายุ่งกับประธานลี่อีก!
นี่มันบ้าบอเกินไปแล้วมั้ง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ