หลี่อานเบ้ปาก คำพูดของประธานลี่ประโยคนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าแอนนาเป็นผู้หญิงดุหรือ.....
ประธานลี่ไปทำอะไรให้แอนนา ทำไมแอนนาถึงต้องโกรธขนาดนี้?
แต่แอนนาก็กล้ามากนะ กล้าที่จะไปกัดประธานลี่
“ยังมีเรื่องอะไรอีกมั้ย?” เสียงที่จืดชืดออกมาจากปาก ของลี่ถิงเซิ่ง สายตาเขาไม่ได้ดูที่คอมพิวเตอร์ แต่เขาเอาเอกสารอสังหาริมทรัพย์ที่ยังตรวจอ่านไม่เสร็จออกมา และเริ่มดูเอกสาร
“ประธานลี่ เครื่องหอมที่แอนนาจอง ตามกำหนดการน่าจะมาถึงคืนนี้”
นิ้วของลี่ถิงเซิ่งเปิดเอกสารอ่านอยู่เรื่อยๆ เขาตอบแค่ว่า “อืม” “เรื่องนี้ฝากนายดูแลด้วย” พูดจบ เขาจบการวิดีโอคอลและหรี่ตาดูเอกสารอยู่ เขารู้สึกคอแห้ง ออกจากห้องสมุดและลงไปดื่มน้ำที่ชั้นล่าง
“ซี๊ด......” เมื่อน้ำไปโดนบริเวณที่แอนนากัด ความเจ็บปวดก็ที่บาดใจก็ผุดขึ้นมา
ลี่ถิงเซิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาทนเจ็บดื่มน้ำเพื่อทำให้ชุ่มชื้นคอแล้วกลับไปที่ห้องสมุดอีกครั้ง ไปส่องกระจก
“ช่างโหดร้ายจริงๆ” ลี่ถิงเซิ่งพูดอยู่คนเดียว เขาหยุดเดิน เอามือไปจับที่ริมฝีปากของตัวเอง
ภาพที่ผู้หญิงนั่งอยู่บนเก้าอี้และทำท่ามองมาข้างล่างได้ปรากฏขึ้นในสมองของเขา
ลี่ถิงเซิ่งอดไม่ได้ที่จะขำแล้วส่ายหัวอย่างหมดหนทาง
เป็นคนที่ร้ายกาจไม่เบานะ ปกติกลับแสดงเป็นเด็กที่ไร้เดียงสา
แต่ครั้งนี้ทนไม่ไหว ท่าทางที่คลื่นโหมทำให้คนชอบ
แต่อรรถรสของการจูบก็ยังแย่เหมือนเดิม
......
ตอนเที่ยงผ่านไป ซูจิ่วเอ๋อร์ได้รับข้อความจากสวี่รั่วฉิง ก็ขับรถพาสวี่อี้ฝานและสวี่อี้หานกลับไปที่บ้าน
ตอนที่สวี่รั่วฉิงเปิดประตู ซูจิ่วเอ๋อร์ได้สังเกตเห็นริมฝีปากของเธอบวมแดงเล็กน้อย
ซูจิ่วเอ๋อร์เข้าไปใกล้เธอมากและหรี่ตามอง: “พูดความจริงมานะ ระหว่างเธอกับลี่ถิงเซิ่งเกิดอะไรขึ้น?”
สวี่รั่วฉิงมองบนเธอคิดว่าการจูบกับลี่ถิงเซิ่งจะไม่รุนแรง แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อล้างเครื่องสำอางแล้ว ริมฝีปากก็มีอาการบวมแดงเล็กน้อย
เธอเปิดประตูให้กว้างขึ้นและเรียกสวี่อี้ฝานและสวี่อี้หานเข้ามา
เจ้าสองคนนี้เปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็ได้เข้าห้องน้ำไป
ห้องโถงเหลือเพียงซูจิ่วเอ๋อร์และสวี่รั่วสองคน
ซูจิ่วเอ๋อร์สองแขนกอดอกไว้และจ้องหน้าเพื่อนรักของเธออย่างไม่ละสายตา
ดีเลย นับเวลาแล้ว พวกเขาพึ่งออกจากสนามบินได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็ไม่รู้ว่าที่นั่นงดงามแล้วด้วย
สวี่รั่วฉิงมองไปที่สีหน้าท่าทางของซูจิ่วเอ๋อร์ก็รู้เลยว่าซูจิ่วเอ๋อร์ต้องคิดอะไรที่ไม่ดีอยู่แน่เลย เธอได้ตบไปที่หน้าผากของซูจิ่วเอ๋อร์: “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น เธออย่าคิดไปเอง!”
“อ้อ? เธอไปกินหมาล่าเครย์ฟิชจนริมฝีปากบวมแดงหรือ?” ซูจิ่วเอ๋อร์ถามกลับ
สวี่รั่วฉิง: “.....งั้นเธอก็ถือว่าฉันกินหมาล่าเครย์ฟิชจนริมฝีปากบวมก็แล้วกัน”
ซูจิ่วเอ๋อร์ทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา: “การกระทำกับคำพูดไม่ตรงกัน”
ซูจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ที่เมืองหลินชวนนาน คืนนี้เธอได้จ้องตั๋วเครื่องบินเสร็จเรียบร้อย พรุ่งนี้เตรียมที่จะออกจากเมืองหลินชวน
สวี่รั่วฉิงพาซูจิ่วเอ๋อร์ไปที่สนามบินก่อนที่จะเช็คอินซูจิ่วเอ๋อร์กระซิบไปข้างหูของสวี่รั่วฉิง: “เรื่องของป้าหวังฉันจะจับตาดู แต่ฉันแนะนำให้เธอบอกเป็นนัยๆให้ลี่ถิงเซิ่งหน่อย ในเมืองหลินชวนไม่มีเครือข่ายสารสนเทศไหนจะสู้ของลี่ซื่อกรุ๊ปได้ แต่ฉันก็แค่แนะนำก็อยู่ที่เธอแล้วว่าจะยอมหรือไม่”
สวี่รั่วฉิงตอบด้วยเสียงเบาๆ
ซูจิ่วเอ๋อร์พูดก็มีเหตุผล เพราะในเมืองหลินชวนไม่มีเครือข่ายสารสนเทศของตระกูลคนรวยไหนจะสู้ของลี่ซื่อกรุ๊ปได้ ถ้าใช้เครือข่ายสารสนเทศของลี่ซื่อกรุ๊ปในการสืบหาเบาะแสของป้าหวังจะเป็นวิธีที่ง่ายกว่า
“โธ่.....” สวี่รั่วฉิงถอนหายใจเสียงดัง
แบบนั้นไม่เหมือนเป็นการหลอกใช้ลี่ถิงเซิ่งหรือ?
สวี่รั่วฉิงปวดหัวพัวพันกันอุตลุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ