ผู้จัดการร้านให้พนักงานเอาชาร้อนมาเสิร์ฟให้ลี่ถิงเซิ่งกับสวี่รั่วฉิงอีกครั้ง
ลี่ถิงเซิ่งเป็นลูกค้าประจำของร้าน แต่ก็ไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่นี่เลยสักครั้ง
วันนี้ถือเป็นครั้งแรก ผู้จัการก็ต้องส่งคนมาบริการอย่างทั่วถึง
พนักงานที่ยกกาน้ำชาเข้ามา เพิ่งเดินเข้ามาได้ไม่ทันไร ก็ได้ยินคำพูดนั้นของลี่ถิงเซิ่งเข้าพอดี จนเกือบทำชาหก
เลี้ยง เลี้ยงดู? ไม่ใช่ว่าประธานลี่คนนี้เป็นคุณชายที่โด่งดังในเมืองหลินชวนหรอกหรือ ต้องให้คนอื่นเลี้ยงดูด้วยเหรอ?
ถ้าคนอย่างตระกูลลี่ยังต้องให้คนอื่นเลี้ยงดู แล้วคนธรรมดาๆอย่างพวกเขานี่ต้องใช้ชีวิตกันยังไง
พนักงานพยายามเก็บข้อสงสัยเอาไว้ในใจ “ประธานลี่ ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ ชาได้แล้วครับ”
น้ำเสียงของลี่ถิงเซิ่งไม่ปรากฏอารมณ์ยินดีหรือโกรธใดๆ เขาเพียงแค่มองมาที่พนักงานที่เข้ามาขัดจังหวะ แล้วตอบอืมเสียงเบา
เมื่อพนักงานเดินกลับมา ผู้จัดการก็ถามเขาว่า “เมื่อกี้ประธานลี่พูดว่าอะไรเหรอ?”
พนักงานเสิร์ฟมีสีหน้าสนุก เขานำเรื่องที่ลี่ถิงเซิ่งพูดกับสวี่รั่วฉิงเมื่อสักครู่นี้มาเล่าให้ผู้จัดการฟังอีกครั้ง หลังจากได้ฟังสีหน้าของผู้จัดการก็เปลี่ยนไปเหมือนพนักงานเสิร์ฟในทันที
“ประธานลี่ คืนนั้นฉันเมา คุณอย่าเก็บเอาคำพูดของคนเมามาใส่ใจเลยนะ.....”
ไม่คิดเลยว่าลี่ถิงเซิ่งจะจำคำพูดตอนเมาได้แม่นขนาดนี้
ลี่ถิงเซิ่งนิ่งเงียบ นิ้วมือลูบแก้วน้ำชาช้าๆ ผ่านไปสักพักเขาถึงได้หัวเราะเสียงหนักออกมา จากนั้นก็นำเรื่องที่สวี่รั่วฉิงบอกว่าจะให้สมบัติเขามาเล่าอีกครั้ง
สวี่รั่วฉิงแอบบ่นในใจ ให้ตาย ประธานลี่ความจำดีขนาดนี้เลยเหรอ ขนาดเธอเองยังจำไม่ได้เลยว่าเธอมีรถกี่คัน! ความจำของคนเราตอนเมาดีกว่าตอนไม่เมาหรือไง?
ลี่ถิงเซิ่งชื่นชมใบหน้าขึ้นสีของสวี่รั่วฉิงจนพอใจ ก็เรียกพนักงานมาคิดเงิน หลังจากนั้นก็หยิบสูทขึ้นมาใส่ช้าๆ
หลังจากที่เขาติดกระดุมครบทุกเม็ด ก็เหลือบมองหญิงสาวที่ยังคงเหม่อลอยอยู่ จากนั้นก็เอ่ยพูดอย่างจนใจว่า “ผมจะไปส่งคุณก่อนก็แล้วกัน”
ระหว่างเดินทาง สวี่รั่วฉิงไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เพราะกลัวว่าลี่ถิงเฉิ่งจะเอ่ยถึงเรื่องเลี้ยงดูขึ้นมาอีกครั้ง
เธอไม่น่าพูดเรื่องลี่ถิงเซิ่งกับจิ่วเอ๋อร์เลย ตอนนี้แค่มองหน้าเขา ในหัวของเธอก็มีแต่เรื่องนั้นผุดขึ้นมา
หนึ่งล้านพอไหมนะ?
สวี่รั่วนิ่งเงียบ พยายามสลัดความคิดบ้าๆออกไปจากหัว
ในที่สุดรถออดี้คันสีดำก็ขับมาจอดที่หน้าคอนโดของสวี่รั่วฉิง
“วันนี้ขอบคุณนะคะ ประธานลี่” สวี่รั่วฉิงมองสายฝนที่ตกลงมาข้างนอกหน้าต่างรถ ถ้าไม่ได้ลี่ถิงเซิ่งมาส่ง เธอก็คงต้องรอคนขับรถมาส่งที่สนามบินแล้ว
สวี่รั่วฉิงก้มหน้าลง กำลังจะถอดเข็มขัดออก แต่จู่ๆมือเย็นๆของเขาก็เชยคางของเธอขึ้น
นิ่งไปชั่วครู่ ซ้ำยังไม่ทันได้ตั้งตัว กลิ่นบีหรี่จางๆและกลิ่นสมุนไพรผสมปนเปกับกลิ่นเย็นๆบนร่างกายของลี่ถิงเซิ่ง ก็โอบล้อมเธอเอาไว้อย่างไม่มีเหตุผล
แก้มของสวี่รั่วฉิงร้อนผ่าว หัวใจเต้นสะเปะสะปะไปหมด
ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก แถมยังใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มือที่กำลังเชยคางของเธออยู่ขยับเลื่อนขึ้นเล็กน้อย
สวี่รั่วฉิงสบนัยน์ตาดำขลับที่เยือกเย็นและลุ่มลึกคู่นั้นของลี่ถิงเซิ่ง
วินาทีนี้เธอไม่กล้าแม้แต่หายใจออกมา กลัวว่าลมหายใจจะทำลายความสั่นไหวที่มีอยู่ในขณะนี้
ในตอนที่สวี่รั่วฉิงคิดว่าชายหนุ่มกำลังจะจูบตัวเองแน่ๆ มือเย็นๆของเขาก็ลูบมุมปากของเธออย่างแผ่วเบาราวกับขนนกจากนั้นก็ผละออกไป แล้วนำเศษผลไม้ทิ้งลงในที่เขี่ยบุหรี่บนรถ
สวี่รั่วฉิงเหมือนเม่นขนยุบ
อาการที่หัวใจกำลังเต้นแรงเมื่อกี้หายวับไปกับตา
อะไรเนี่ย ที่แท้ก็เศษอาหารหรอกเหรอ เมื่อกี้เธอใช้ผ้าเช็ดออกหมดแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมยังเหลือติดปากอยู่ล่ะ......
สวี่รั่วฉิงพูดอะไรไม่ออก
เสียงขำๆของลี่ถิงเซิ่งดังขึ้นมาว่า “เมื่อกี้คิดอะไรอยู่?” เขาเอ่ยถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ