ในห้องหนังสือนั้นเงียบไปประมาณห้านาที คนรับใช้ก็ผลักประตูเข้ามา
ในมือของเธอนั้นถือแก้วกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จเรียบร้อย พร้อมกับพูด "คุณชายฉิน นี่คือกาแฟโปเลียนที่คุณเพิ่งสั่งเมื่อครู่ค่ะ"
ฉินซวี่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เขามองคนรับใช้แป๊บหนึ่ง แล้วพูดนิ่งๆ "วางไว้ตรงนี้แหละ"
หลังจากที่คนรับใช้ออกไป ฉินซวี่ก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมคุยกับเลขาต่อจากเมื่อครู่ที่ยังพูดคุยกันไม่จบ
"ถ้าไม่ใช่ลี่ถิงเซิ่งทำ งั้นก็เป็นไปได้สูงที่จะเป็นคนของตระกูลซู"
เลขาถึงกับชะงัก คนของตระกูลซูเหรอ?
"คนของตระกูลซูจะมาช่วยคุณแอนได้อย่างไร?"
เลขาพูดมาได้ครึ่งหนึ่ง ในหัวนั้นก็ผุดความทรงจำที่ห่างหายไปนาน คล้ายกับว่าเมื่อสองปีก่อนที่เคยให้เขาสืบค้นเกี่ยวกับคนที่ติดต่อคบค้าสมาคมกับคุณแอน
เวลานั้นเขานั้นรีบให้คนไปสืบให้แน่ชัดเกี่ยวกับคนที่ติดต่อกับคุณแอนและคุณหนูใหญ่ตระกูลซู
เมื่อพบว่าเลขาเงียบไป ฉินซวี่ก็พอจะเดาออกว่าเลขานั้นคิดถึงเรื่องเมื่อสองปีที่ได้แล้ว
"ดูเหมือนว่านายจะรู้แล้วนะ?"
เลขาพยักหน้า "ครับ แต่ถ้าคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังคุณแอนคือคนตระกูลซู งั้นตอนที่พวกเราสืบค้นเรื่องของเธอ ก็คงจะต้องควรระมัดระวังเป็นพิเศษหน่อยใช่ไหม?"
ฉินซวี่นั้นพิงตัวบนเก้าอี้ด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้าน คิ้วเรียวยาวนั้นทำให้เกิดเงาดำปกคลุมดวงตาเขา
เขาพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ "ไม่จำเป็นหรอก การสืบค้นแอนนาไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีอะไร คนของตระกูลซูน่าจะรู้และเข้าใจเจตนา และไม่น่าจะมีปัญหากับพวกเรา"
น้ำเสียงของฉินซวี่ดูตรงไปตรงมา เขาก้มลงจิบกาแฟ เพื่อให้ลำคอชุ่มชื่น หลังจากนั้นก็สั่งกำชับเลขา "บุญคุณความแค้นระหว่างแอนนากับตระกูลสวี่ ต้องสืบค้นให้ละเอียด คุณหนูใหญ่ตระกูลสวี่คนนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ ถ้าแอนนาต้องการจะสู้กับเธอจริงๆแล้วล่ะก็ ก็หาข้อได้เปรียบไม่ได้เลย"
ฉินซวี่พูดพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
ถ้าเธอนั้นเป็นลูกของเพื่อนสนิทสามีภรรยาตระกูลซูจริงๆ เหตุผลที่เธออยู่ที่ตระกูลซู อาจเป็นไปได้อย่างมากที่พ่อแม่ของเธอนั้นตายไปแล้ว
ตระกูลซูปฏิบัติต่อเธอดีมาก แต่เกรงว่าอาจจะไม่เคยสอนเธอเรื่องกฎการใช้ชีวิตในแวดวงตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพล เมื่อถึงวันที่ต้องสู้กับสวี่รั่วยี เกรงว่าจะเสียเปรียบ
ฉินซวี่ปรายตาลง น้ำเสียงนั้นเยือกเย็นลงกว่าเมื่อครู่ "ถ้าคนตระกูลสวี่ต้องการทำอะไรให้แอนนาไม่ราบรื่น ให้คนที่จับตามองดูแอนนาอยู่ในเงามืดนั้นลงมือได้โดยตรงเลย ไม่ต้องรายงานฉัน"
ในห้องหนังสือนั้นเงียบอย่างน่าประหลาด ถ้ามีคนเข้ามาเวลานี้ เกรงว่าคงจะรู้สึกหายใจไม่ออก
เลขาชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็มีคำถามตามมา "ประธานฉิน ถ้าคุณหนูใหญ่ตระกูลสวี่คนนั้นเป็นคนลงมือด้วยตัวเองล่ะครับ?"
หลังจากสิ้นสุดคำถาม ฉินซวี่ก็แทบจะไม่หยุดคิด "เหมือนกัน ลงมือได้เลย ถ้าเธอนั้นเกิดอันตรายอะไรขึ้นมา ฉันจะถามเอาความจากนาย"
น้ำเสียงเขาเยือกเย็นจนเกือบจะถึงขีดสุด เลขานั้นตกใจมาก ตระกูลซูนั้นก็ถือเป็นตระกูลใหญ่ในเหมือนหลินชวน ประธานฉินทำเช่นนี้ไม่ไว้หน้าตระกูลสวี่บ้างเลยเหรอ?
หรือว่าคุณแอนนั้นสำคัญกับเขามากขนาดนั้นเชียวหรือ?
…
ในเวลาเดียวกันนั้น อิตาลีรีคเช่อ ในร้านกาแฟร้านหนึ่งที่ไม่ได้เป็นจุดสนใจของคนมากนัก ซูจิ่วเอ๋อร์ก็ถอดแว่นกันแดดออกวางไว้บนโต๊ะ ห่างจากเธอไม่ไกลนั้น คือเลขากับบอดี้การ์ดของเธอ พวกเขากังวลว่าคนที่ขายข่าวให้ซูจิ่วเอ๋อร์นั้นจะทำให้เธอไม่ปลอดภัย
ซูจิ่วเอ๋อร์ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงแต่สั่งให้พวกเขามาที่ร้านกาแฟด้วย แต่ไม่อนุญาตให้พวกเขานั้นเข้าใกล้บริเวณที่นัดคุยกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ