บทที่ 650 นายเป็นผู้ชายหรือเปล่า
กานต์เห็นฉากนี้ ก็ถอนหายใจส่ายหน้า
“หม่ามี้ หม่ามี้โทรหาครอบครัวเขาดีกว่านะฮะ ผมกลัวว่าจะต้องส่งเข้าห้องฉุกเฉิน คุณไม่เห็นคุณบุริศร์หน้าเขียวเหรอ?”
ประโยคนี้ของกานต์ทำให้นรมนชะงักสักพักหนึ่ง
เธอมองกานต์ พบว่ากานต์และกิจจาก็กำลังมองเธอ ทำสีหน้าเห็นอกเห็นใจปัญญ์
และกล่าวได้ว่า เด็กสองคนนี้ก็มองออกว่าปัญญ์จงใจหาเรื่องใส่ตัวใช่ไหม?
แต่พวกเขากลับไม่ได้เข้ามาห้าม!
ตามหลักการแล้วกานต์ไม่ช่วยปัญญ์ก็ไม่แปลก แต่อย่างไรแล้วกิจจาก็อยู่บ้านปัญญ์มาหนึ่งเดือนกว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นออทิสติก แต่นรมนรู้สึกว่าเขารู้สึกได้ถึงโลกภายนอกเช่นกัน เขาปล่อยให้ปัญญ์ยั่วโมโหบุริศร์โดยไม่สนใจได้อย่างไร?
นรมนมองพวกเขาอย่างหมดหนทาง ตอนนี้โทรหาคมทิพย์ก็ไม่ทันแล้ว เธอทำได้แค่ทำท่าทางบอกกานต์ว่าเดี๋ยวเธอออกไปก่อนสักครู่หนึ่ง
กานต์พูดขึ้น “หม่ามี้ ยิ่งหม่ามี้ใส่ใจคุณอาปัญญ์มากเท่าไร คุณบุริศร์ก็ยิ่งโกรธมากเท่านั้น คุณอาปัญญ์อาจจะโดนต่อยมากขึ้นก็ได้ คุณมองไม่ออกเหรอฮะ? คุณบุริศร์กำลังหึง!”
หึง?
นรมนตกตะลึงทันที
เธอนึกย้อนไปเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ก็ถอนหายใจนิดหน่อยอย่างอดไม่ได้
หรือบุริศร์นึกว่าตนกับปัญญ์มีอะไรกันจริงๆ?
ประทับใจจริงๆ!
แต่ปัญญ์เด็กกว่าเธอสามปี
เหมือนกานต์มองออกว่านรมนกำลังคิดอะไรอยู่ ก็พูดขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “แก่กว่าหุ้มทองสามก้อน อายุไม่ใช่ปัญหาหรอกฮะ”
นรมนสำลักอีกครั้ง
เด็กดื้อคนนี้ไปเรียนมาจากใคร?
แต่ละประโยค
เธอจ้องกานต์เขม็ง จากนั้นก็คิดสักพัก แต่ก็ยังรีบวิ่งไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
กานต์มองกิจจา พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มซุกซน “พี่ พี่เดาสิว่าคุณอาปัญญ์กับคุณบุริศร์ พวกเขาใครจะล้มก่อน?”
“คุณอาปัญญ์”
กิจจาตอบโดยไม่รู้ตัว
“ฉันก็คิดเหมือนกัน ไม่เจียมตัวเลยจริงๆ กล้ายั่วโมโหคุณบุริศร์ได้ยังไง? ไปเอาความกล้ามาจากไหน?”
กานต์ส่ายหน้า จู่ๆ ก็ชะงัก
เขาหันศีรษะกลับไปทันที มองกิจจาแล้วพูดขึ้น “พี่ เมื่อกี้พี่บอกว่าใครจะล้มก่อนนะ?”
กิจจายิ้ม เงียบปากไม่พูดแล้ว
“ไม่ พี่อย่าหยุดพูดสิ เมื่อกี้พี่พูดแล้วไม่ใช่เหรอ? ใครกันนะ? รีบพูดสิๆ”
กานต์ตื่นเต้นแทบตายแล้ว
หม่ามี้บอกว่ากิจจาเป็นออทิสติกอะไรนี่ไม่ใช่เหรอ?
พูดไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?
หรือเมื่อครู่นี้เขาหูฝาด?
กานต์จับมือกิจจาแน่น จับจนกิจจารู้สึกเจ็บเล็กน้อย
เขาขมวดคิ้วอย่างไม่เป็นธรรมชาติแล้วพูดขึ้น “เจ็บ”
“เจ็บอะไร? ฉันถามพี่ ใครล้มก่อน?”
กานต์พูดจบก็ตกตะลึงอีกครั้ง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาทันที
“พี่หายแล้ว? พี่ พี่หายแล้วนะ! ออทิสติกอะไร มันไม่มีอยู่จริงใช่ไหม? ฉันต้องไปบอกหม่ามี้!”
กานต์ดีใจจนลืมไปเลยว่าขาตัวเองยังใส่เฝือกอยู่ ลงจากเตียงทันที ขณะที่ลงจากพื้นก็ล้มลงดังโครม
“โอ๊ย! เจ็บ!”
คราวนี้ถึงตาเขาที่ตะโกนร้องว่าเจ็บแล้ว
สีหน้ากิจจาเปลี่ยนไปทันที
ในใจเขากานต์เป็นคนที่ไม่มีใครมาแทนได้ ตอนแรกที่เขมิกาทำร้ายกานต์เขาก็อยู่ตรงหน้า ต่อมาตอนที่ตรินท์บอกว่าจะฆ่ากานต์ เขาก็อยู่
พ่อแม่ตัวเอง คนหนึ่งจะทำร้ายกานต์ คนหนึ่งจะฆ่ากานต์ ทั้งๆ ที่กานต์ดีกับเขาขนาดนั้น พูดจากก้นบึ้งหัวใจ นี่มันทำให้กิจจารู้สึกติดหนี้กานต์ตลอดเวลา
ความรู้สึกที่เขามีกับกานต์นั้นแตกต่างมาก สำหรับเขา กานต์เป็นคนสำคัญที่สุด
ขณะที่เห็นกานต์ล้มลงพื้น กิจจาก็กระวนกระวาย กังวลใจ
“นายเป็นยังไงบ้าง? เจ็บตรงไหนไหม? ฉันจะไปเรียกหมอให้นาย”
กิจจาพยุงกานต์ไม่ขึ้น กังวลใจจนเหงื่อแตก
เขาให้กานต์อยู่ตรงนี้อย่าขยับไปไหน ตัวเองก็รีบวิ่งออกไป
หลังจากกานต์รอเขาวิ่งออกไป ก็หัวเราะออกมา
“ออกทิสติกอะไร? ฉันไม่เชื่อ เจอกับฉัน พี่จะเป็นออทิสติกต่อไปได้ยังไง”
ขณะที่พูด เขาก็อยากขยับสักหน่อย แต่เจ็บจนกัดฟัน
ราคาที่จ่ายนี่มันมากเกินไป!
ถ้าไม่ใช่กิจจา เขาคงไม่ทำแบบนี้หรอก
หลังจากกิจจาวิ่งออกไปจากห้องผู้ป่วย เจอคุณพยาบาลและคุณหมอ ทันใดนั้นก็พูดไม่ออกอีกครั้ง
เขายืนตรงหน้าคุณหมอ อ้าปากแต่ไม่รู้จะพูดอะไร กังวลใจจนเหงื่อแตกอีกครั้งในชั่วขณะหนึ่ง
“เด็กน้อย เกิดอะไรขึ้น?”
คุณหมอเห็นเขาขวางทางตนและไม่พูดอะไร ก็ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
กิจจารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เขาเป็นห่วงกานต์ และกังวลเกี่ยวกับเขา แต่ตอนนี้ลำคอเหมือนมีอะไรขวางทางอยู่ อยากพูดแต่รู้สึกพูดไม่ออก
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ไม่สบายตรงไหนไหม? น้าพาหนูไปตรวจดีไหม?”
คุณหมอเห็นกิจจามีท่าทางอึดอัด ก็เป็นห่วงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
กิจจาส่ายหน้า ชี้ไปที่ห้องผู้ป่วยกานต์ จากนั้นก็ดึงคุณหมอเดินไป
คุณหมอค่อนข้างเข้าใจแล้ว แต่มองท่าทางกิจจา ก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดขึ้น “หน้าตาดีมากจริงๆ น่าเสียดาย”
เธอนึกว่ากิจจาเป็นใบ้
กิจจาก็ไม่แก้ตัว ดึงคุณหมอมาถึงในห้องผู้ป่วยของกานต์
กานต์ยังคงนั่งอยู่บนพื้น เจ็บจนกัดฟัน เห็นคุณหมอมาก็รีบพูดขึ้น “คุณหมอ ผมล้มลงมา เจ็บฮะ”
กิจจารีบวิ่งไปข้างๆ กานต์ ยื่นมือไปจับมือกานต์ไว้ บนใบหน้ามีแต่ความเป็นห่วง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...