แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 862

อ๋องเซ่อเจิ่งฉีเจ๋อซวนจะแต่งงานแล้ว

ปีนี้ฉีเจ๋อซวนอายุยี่สิบสองปี

ภรรยาเป็นคุณหนูของบ้านเซี่ยงกั๋วกง ไม่รู้มีคุณหนูในเมืองหลวงสักกี่คนที่ร้องไห้จนตาแดง

เพราะฉีเจ๋อซวนเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงหลายคนอยากจะแต่งงานด้วย

แต่เสียดายที่ ไม่ว่าเขาจะดีเลิศขนาดไหน ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขาแล้ว

แต่ประชาชนในเมืองหลวงล้วนดีใจมาก

เพราะว่าอ๋องเซ่อเจิ้งแต่งงาน องค์หญิงใหญ่ที่จากไปหลายปีก็ได้กลับมา

ตอนนี้ในเมืองหลวง มีหญิงที่แต่งงานแล้วหลายคนล้วนออกมาจากโรงเรียนผู้หญิง ต่างมีความซาบซึ้งใจต่อองค์หญิงใหญ่ซ่งฉงปิง

ดังนั้นเมืองหลวงในวันนี้จึงครึกครื้นกว่าปกติ

และในวันนี้ จวนอ๋องเซ่อเจิ้งก็มีแขกพิเศษสองคนมา

คนหนึ่งเป็นหมอหลวงของซีหรงโม่เวิ่นเทียน เขาไม่ได้แต่งงานตลอดชีวิต แต่กลับทำให้ทุกคนล้วนเคารพ

เขามาร่วมงานแต่งของฉีเจ๋อซวน ก็เพื่ออนาคตที่สันติภาพของทั้งสองประเทศ

อีกคนหนึ่งคือเยหลิน

ข้างๆของเยหลินมีแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุพอๆกับหยวนหยวน ดวงตาของนางมีแสงสว่าง สายตาที่มองเยหลินเต็มไปด้วยความหลงรัก

ส่วนเยหลินมองผู้หญิงคนนั้นด้วยความจนปัญญา

คู่แบบนี้ทำให้ซ่งฉงปิงรู้สึกตกใจมาก

คิดไม่ถึงว่าเยหลินจะถูกผู้หญิงคนนี้'ติดตาม'

ถึงแม้ความรักของเยหลินมาช้าไปหน่อย แต่ดีที่สุดท้ายก็ยังมา

ในเรือนหลังของจวนอ๋องเซ่อเจิ้ง เล่อเล่อตื่นเต้นมากจะไปปลุกห้องเจ้าสาว แต่กลับถูกท่านพ่อจับปกเสื้อเอาไว้

"เด็กผู้หญิงไปปลุกห้องเจ้าสาวไม่ได้"ฉีเทียนเห้าทำหน้าบึ้งตึง

เล่อเล่อไม่ยอม"ท่านพ่อ ใครตั้งกฎไว้ว่าเด็กผู้หญิงปลุกห้องบ่าวสาวไม่ได้?และอีกอย่างหนึ่ง ข้าก็แต่งงานแล้ว ไม่ใช่เด็กผู้หญิงอีกแล้ว"

"พี่สาว พี่เขยมาหา"

เล่อเล่อเพิ่งพูดจบ เสียงที่ดีใจของหญิงสาวก็ส่งเข้ามา

เสียงนี่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นของหยวนหยวน

เล่อเล่อได้ยินว่าสวีจื่อเชียนมาหานาง ก็ไม่เถียงกับพ่อแล้ว แย่งปกเสื้อมาจากมือพ่อโดยตรง แถมยังไม่ได้มองสวีจื่อเชียนที่อยู่ข้างหลังของหยวนหยวนและหยวนหยวน ก็หนีไปโดยตรง

ฉีเทียนเห้ามองชายหนุ่มที่สุภาพและอ่อนโยน ความจริงจังบนใบหน้าไม่ได้ลดลงแม้แต่นิด

แต่สวีจื่อเชียนไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าเพราะความจริงจังที่ปรากฏบนใบหน้าของฉีเทียนเห้า ยังคงเป็นท่าทางที่อ่อนโยนและสุภาพ แต่ตอนที่มองไปทางฉีเทียนเห้า ก็ปรากฏความเคารพบนใบหน้ามากขึ้น

สวีจื่อเชียนทำความเคารพต่อฉีเทียนเห้า"ขอแสดงความเคารพต่อท่านพ่อตาขอรับ"

หลังจากทำความเคารพเสร็จสิ้น สวีจื่อเชียนก็พูดตรงๆว่า"ลูกเขยขอไปหาเล่อเล่อก่อนขอรับ"

ฉีเทียนเห้ามองสวีจื่อเชียน รู้สึกพอใจมากกับกิริยาท่าทางของเขา

ดังนั้น ฉีเทียนเห้าพยักหน้า"ไปเถอะ"

สวีจื่อเชียนเดินไป

หยวนหยวนเดินมาถึงข้างๆฉีเทียนเห้า มองทิศทางที่พี่สาวและพี่เขยจากไป ถามด้วยความประหลาดใจ"ท่านพ่อ พี่สาวกับพี่เขยเป็นไรหรือเปล่าเจ้าคะ?"

ฉีเทียนเห้าแตะศีรษะของหยวนหยวน"เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กๆไม่ต้องรู้"

หยวนหยวนไม่ยอม"ท่านพ่อ ข้าใกล้ถึงวัยปักปิ่นแล้ว ไม่ใช่เด็กแล้วเจ้าค่ะ"

......

ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง หลังจากเล่อเล่อวิ่งหนีไป ก็โล่งใจลง

เล่อเล่อตบหน้าอกของตัวเอง แล้วถอนหายใจพูดว่า"ขวัญหายไปหมดเลย"

"ใครทำให้เจ้าขวัญหาย?"ในเวลานี้ ข้างหลังเล่อเล่อมีเสียงส่งมา

เล่อเล่อไม่ได้สงสัยอย่างอื่น พูดตรงๆว่า"แน่นอนว่าคือสวีจื่อเชียนไง โอ้ย!"

เวลานี้เล่อเล่อถึงรู้สึกตัวมาได้ หันไปก็เห็นว่าสวีจื่อเชียนกำลังมองตัวเองด้วยความอ่อนโยน

เล่อเล่อรู้สึกตัวสั่น นางกลัวสีหน้าแบบนี้ของสวีจื่อเชียนที่สุด

"คือว่า......ไม่ใช่นะ......เจ้าอย่าเข้าใจผิด......"

หลังจากพูดติดๆขาดๆไปหลายคำ เล่อเล่อก็พูดไม่ลงแล้ว ดวงตาที่ใหญ่โตหมุนกะพริบอยู่นั่นแหละ

"เข้าใจผิดอะไร?"สวีจื่อเชียนเข้าใกล้เล่อเล่อทีละก้าว

เล่อเล่อ"......คือว่า ข้ายังมีเรื่องอื่นอีก ข้ากลับก่อนนะ"

เล่อเล่อกลัวสวีจื่อเชียน

จริงๆแล้วสวีจื่อเชียนก็เป็นแค่ปัญญาชนที่ไม่มีฝีมือการต่อสู้ในตัว แต่นางกลัวเขาโดยไร้เหตุผล

ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับสวีจื่อเชียน เล่อเล่อรู้สึกว่า นางหนีไปดีกว่า

แต่......

เล่อเล่อเพิ่งวิ่งไปก้าวหนึ่ง ก็มีมือหนึ่งปรากฏขึ้นในบริเวณเอว

นางถูกดึงเข้าไปในอ้อมอกที่มีกลิ่นคุ้นเคยมาก

เล่อเล่อ"......"ไหนบอกเป็นปัญญาชนไง?ทำไมแรงเยอะขนาดนี้?

เล่อเล่อ"สวีจื่อเชียน เรามีอะไรค่อยๆคุยกัน"

ในฐานะที่เป็นฝาแฝดของอ๋องเซ่อเจิ้ง

ในฐานะที่เป็นลูกสาวคนโตขององค์หญิงใหญ่

ในฐานะที่เป็นหลานสาวที่ไทเฮารักใคร่ที่สุด

เล่อเล่อเป็นคนที่ไม่มีขื่อมีแปจริงๆ ไม่งั้นตอนนั้นก็คงไม่แอบเข้าไปในกองทัพโดยไม่ให้ทุกคนรู้ แล้วยังไปทำสงครามกับเป่ยอันด้วย

ไม่อย่างนั้นจะบังเอิญได้เจอสวีจื่อเชียนที่กำลังเป็นกุนซืออยู่ในกองทัพได้อย่างไรล่ะ?

อาจเป็นเพราะว่าทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนมีสิ่งที่ปราบปรามมันได้ เล่อเล่อในฐานะที่เป็นคนที่ไม่กลัวอะไร แต่กลับกลัวสวีจื่อเชียนมาก

เมื่อได้เห็นสวีจื่อเชียน เล่อเล่อก็ขาอ่อน อยากจะหนีไป

สวีจื่อเชียนเห็นลักษณะนั้นของเล่อเล่อ มีแสงสว่างพาดผ่านในดวงตา จากนั้นอุ้มเล่อเล่อขึ้นมาทันที

เล่อเล่อกรีดออกมา รีบกอดคอของสวีจื่อเชียนเอาไว้

แต่หลังจากรู้สึกตัวได้ว่าตัวเองทำอะไรไป เล่อเล่อก็ อยากจะหาหลุมซ่อนตัวลงไป

วิชาเบาตัวของนางถือว่าดีเลยทีเดียว ทำไมถูกอุ้มขึ้นมาแค่นี้เองก็กรีดออกมา?

แถม......

เล่อเล่ออยากจะปล่อยคอของสวีจื่อเชียนออก นางรู้สึกว่าคอของสวีจื่อเชียนร้อนตัวมาก

สวีจื่อเชียนกลับมองออกเป้าหมายของเล่อเล่อ เพียงเตือนไว้ว่า"ปล่อยออก ก็จะต้องคุยกันที่นี่"

เล่อเล่อเห็นดวงตาที่เจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกของสวีจื่อเชียน ก็ไม่กล้าปล่อยมือออกเลย

รู้สึกว่าถ้าปล่อยมือออกจะไม่มีเรื่องดีแน่ๆ

ดังนั้นนางมีแต่ต้องกอดคอของสวีจื่อเชียนเอาไว้

ดังนั้น ทุกคนที่มาเข้าร่วมงานแต่งงานของจวนอ๋องเซ่อเจิ้งก็เห็นว่า องค์หญิงหนิงติ้งฉีเจ๋ออี๋ถูกสามีของนางอุ้มออกไปจากจวนอ๋องเซ่อเจิ้ง

"องค์หญิงหนิงติ้งเป็นไรหรือ?"

"ข้าว่าน่าจะเป็นเพราะอ๋องเซ่อเจิ้งจะเข้าเรือนหอแล้ว ราชบุตรเขยก็รอไม่ไหวแล้ว"

"เรื่องขององค์หญิงหนิงติ้งยังกล้านำมาพูดเล่นอีก เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?"

"เออ ข้าไม่กล้าแล้ว เพียงแต่ว่าองค์หญิงหนิงติ้งและราชบุตรเขยรักกันขนาดนี้ ทำไมแต่งงานมาสี่ปี ยังไม่มีลูกเลย?"

"อาจเป็นเพราะว่าคลอดไม่ได้"

"เป็นไปไม่ได้ ความสามารถขององค์หญิงใหญ่เจ้าจำไม่ได้หรือ ใครๆล้วนมีโอกาสตลอดไม่ได้ แต่องค์หญิงหนิงติ้งเป็นไปไม่ได้"

"......"

ภายในงานเลี้ยงมีการซุบซิบหลายๆอย่าง

ส่วนองค์หญิงและราชบุตรเขยที่ได้ข่าวว่ารักกันนั้น ได้กลับถึงจวนองค์หญิงของพวกเขา

จากนั้นคนใช้ทั้งหมดล้วนถูกราชบุตรเขยไล่ออกไป

"ทังหยวน ชิงจวี๋ พวกเจ้าอย่าไป"เล่อเล่อยกมือขึ้น อยากจะให้สาวใช้ที่เติบโตพร้อมกับตัวเองนั้นอยู่ต่อ

แต่สิ่งที่ตอบกลับนางเป็นเสียงปิดประตูของสวีจื่อเชียน

คนอื่นๆอยู่ข้างนอก ส่วนพวกเขาสองคนอยู่ข้างในห้อง

ทันใดนั้นเล่อเล่อก็ไม่รู้ว่าจะวางมือเท้าไว้ที่ไหนดี เต็มไปด้วยความไม่สบาย

"คือ......คือว่า......สวีจื่อเชียน ไม่งั้นเราอย่าหย่ากันเถอะ?"เล่อเล่อคิดจะต่อรอง

แต่เพิ่งพูดออกมา นางดูถูกมือใหญ่คู่หนึ่งจับหัวเอาไว้

ท่านี้คือ......

ทันใดนั้นเล่อเล่อก็อึ้งไปเลย

รู้สึกแต่ว่าท่านี้เหมือกับว่าหัวของนางเป็นสิ่งของอย่างหนึ่ง

แต่เมื่อนางเผชิญกับดวงตาที่ลึกซึ้งของสวีจื่อเชียน เล่อเล่อก็หวาดกลัวอีกครั้งหนึ่ง อธิบายว่า"สวีจื่อเชียน เราสองคนการแต่งงานแบบปลอมๆมาหลายปีนี้ ข้าก็เสียเวลาเจ้าจริงๆ ไม่อย่างนั้น ข้าชดใช้เจ้าละกัน?เจ้าอยากได้อะไร?"

ถูกต้องแล้ว พวกเขาสองคนได้การแต่งงานแบบปลอมๆ

หลังจากคนอื่นถึงวันปักปิ่น เกือบจะหมั้นกันหมด

แต่ตอนที่นางอายุสิบหก ไม่เพียงแต่ไม่ได้หมั้น แถมยังไปทำสงครามอีกด้วย

จากนั้นพ่อก็โมโห อยากให้นางแต่งงานออกไป เพื่อให้สามีของนางเป็นคนดูแลนาง

แต่คนในเมืองหลวงนางล้วนไม่ชอบ!

พอดีในเวลานี้ กุนซือที่นางเจอในกองทัพได้มาที่เมืองหลวง

เขาบอกว่าสามารถแต่งงานแบบปลอมๆได้

ดังนั้นนางเลยแต่งงานกับเขาในตอนที่นางอายุสิบแปดปี

พวกเขาสองคนต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีโอกาสจะไปล่าสัตว์ด้วยกัน ชีวิตแบบนี้ก็สบายดี

ส่วนสวีจื่อเชียนก็ไม่ใช่ปัญญาชนที่ไร้ประโยชน์เลย เขาสอบได้จ้วงหยวน

แน่นอนว่า การที่ราชบุตรเขยสอบจ้วงหยวนได้ ก็เป็นเพราะว่าเบื้องหลังของนางสนับสนุนให้เต็มที่

จากนั้นสวีจื่อเชียนก็ได้เป็นข้าราชการ ได้ช่วยน้าฮ่องเต้จัดการราชกิจ เวลาที่อยู่กับนางเลยน้อยลง

ถึงแม้นางรู้สึกว่าชีวิตที่ไม่มีสวีจื่อเชียนอยู่ด้วยน่าเบื่อมาก แต่เมื่อเห็นหญิงในเมืองหลวงที่อยู่แต่ในเรือนหอ นางก็รู้สึกว่าชีวิตแบบนี้ของตัวเองมันดีงามมาก

แต่เมื่อวานสวีจื่อเชียนพูดว่า เขาชอบตัวเอง อยากเป็นสามีภรรยาที่แท้จริงกับตัวเอง ทำให้นางตกใจไปหมด

ถึงแม้นางยอมรับว่าอยู่กับสวีจื่อเชียนสบายมาก

แต่นางรู้อย่างชัดเจนว่า จริงๆแล้วสวีจื่อเชียนเป็นสุนัขจิ้งจอก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง