บทที่ 1961 พี่เก้า พี่เป็นปีศาจร้ายสินะ
ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ซือเยี่ยหานจะเอ่ยคำแบบนี้ออกมา ดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นจึงเจรจาผ่อนผันให้เขา “ไม่พูดก็ได้ งั้นวันพรุ่งนี้คุณต้องไปเดินถนนอาหารเลิศรสเป็นเพื่อนฉัน! ถ้าคุณไม่ไป ฉันจะไปหาคนอื่นแล้วนะ!”
นี่ไม่ใช่การเจรจาผ่อนผันแล้ว เป็นการข่มขู่ชัดๆ…
“กลางวันมีธุระ คงไปช้าหน่อย”
“ได้เลย ต่อให้คุณช้าแค่ไหนฉันก็จะรอคุณ!”
….
เช้าวันต่อมา ณ สำนักงานใหญ่อาชูร่า
หลินเชวียมีเรื่องด่วนที่ต้องได้รับการลงนามจากซือเยี่ยหาน ดังนั้นจึงไปพบเขาที่ห้องพักส่วนตัวของเขาโดยตรง ไม่คิดเลยว่าหลังจากไปแล้วกลับไม่พบตัวคน
ดังนั้นหลินเชวียจึงไปที่ห้องสมุด จากนั้นไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้พบซือเยี่ยหานในห้องสมุด
“พี่เก้า ทำไมพี่มาอยู่ที่ห้องสมุดล่ะ คงไม่ใช่ว่าพี่ไม่ได้นอนทั้งคืนเลยใช่ไหม” หลินเชวียถามด้วยความแปลกใจ
“อืม”
“แย่แล้ว อาการเก่าของพี่กำเริบอีกแล้วเหรอ” หลินเชวียถามอย่างเป็นกังวล
ซือเยี่ยหานเงยหน้าขึ้น เอ่ยตอบไป “เพราะเมื่อคืนฝนตกหนัก ไฟเลยดับ”
“อา ใช่ เมื่อคืนมีฝนตกหนักจริงๆ ไฟดับตั้งหลายที่ ที่นี่ของพวกเราก็ดับไปพักหนึ่งเหมือนกัน” หลินเชวียเอ่ยตอบ แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่บ้าง ทำไมฝนตกไฟดับแล้วเขานอนไม่ได้กันล่ะ
ไม่เห็นเคยได้ยินเลยว่าพี่เก้ากลัวฟ้าผ่าด้วย
“เอ่อ พี่เก้า หรือว่าพี่จะกลัวฟ้าผ่า…กลัวความมืด” หลินเชวียถามอ้อมแอ้ม
ซือเยี่ยหานตอบกลับมาว่า “หวันหวั่นกลัว เลยโทรคุยเป็นเพื่อนเธอทั้งคืน”
หลินเชวียตะลึงงัน
ไอ้ปากพล่อย! ไอ้ปากสาระแน! ทำไมต้องถามให้มากความ!
ไม่รู้ว่าซือเยี่ยหานคิดอะไร จู่ๆ ก็พลันเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร แล้วเอ่ยสั่งการประโยคหนึ่ง “วันนี้หลังจบงานเข้าสังคมแล้วไปส่งฉันที่ถนนอาหารเลิศรสด้วย”
หลินเชวียพยักหน้ารับ “ได้ครับ แต่ว่า ทำไมจู่ๆ พี่ถึงสนใจอยากไปที่แบบนั้นขึ้นมาได้ล่ะ ครั้งก่อนฉันบอกว่าอยากไปเดินเที่ยวพี่ยังบอกอยู่เลยว่าน่าเบื่อ!”
ซือเยี่ยหานตอบเพียงว่า “หวันหวั่นอยากไป”
หลินเชวียพูดไม่ออกแล้ว
“พี่เก้า พี่อยากได้คนไปกับพี่ด้วยไหม” หลินเชวียถามด้วยท่าทางหงอยๆ
ซือเยี่ยหานตอบอย่างเฉยเมย “ไม่เอา”
หลินเชวียจึงตอบกลับไปว่า “พี่เก้า พี่เป็นปีศาจร้ายสินะ?!”
ซือเยี่ยหานชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง “นายอยากให้ฉันตามเจียงเหยียนมาเหรอ”
หลินเชวียหุบปากลง
หลินเชวียไม่พูดอะไรแล้ว
ถ้าเจียงเหยียนรู้เข้า แบบนั้นคงต้องไปแขวนคอตายอย่างเบื่อจะมีชีวิตอยู่เสียแล้ว!
ในฐานะคนสนิทของพี่เก้า ในฐานะผู้รู้ความจริงอันน่าตกใจแบบนี้ คนที่รู้ถึงความสัมพันธ์ของสองคนนี้เพียงหนึ่งเดียว ภาระที่แบกอยู่บนไหล่ของเขาช่างหนักหนาเหลือเกิน หนักเกินไปแล้ว…
เสี่ยวหงเอ๋ย! เพื่อเธอแล้วพี่ชายอย่างฉันต้องแบกรับความลำบากไว้มากแค่ไหนน่ะรู้บ้างไหม
……..
ตกเย็น หลินเชวียรับหน้าที่ขับรถ ขับเลี้ยวไปเลี้ยวมาก็มาถึงถนนอาหารเลิศรสแล้ว
พอลงจากรถ ก็มองเห็นบรรยากาศที่คึกคัก วันนี้ดูเหมือนจะมีการจัดงานเทศกาลโคมบุปผาอะไรสักอย่าง บนท้องถนนล้วนเต็มไปด้วยคู่รักวัยรุ่นมากมาย หลินเชวียได้รับความเสียหายหนึ่งล้านแต้มอีกครั้งแล้ว
“พี่เก้า พี่แน่ใจเหรอว่าจะไปเดินเที่ยวกับยัยนั่นจริงๆ น่ะ ถ้าคนอื่นจำพวกพี่สองคนได้ แบบนี้คนอื่นจะไม่ตกใจตายเอาเหรอ”
ขณะที่หลินเชวียมีท่าทางกังวลใจ ห่วงใยประเทศชาติและประชาชน น้ำเสียงใสกระจ่างสายหนึ่งก็แว่วดังขึ้นไม่ไกลนัก
“คุณเก้า…”
พอได้ยินเสียงของเยี่ยหวันหวั่น หลินเชวียก็หันไปมองตามทิศทางที่เสียงแว่วมาตามสัญชาตญาณ ผลคือ พลันมองเห็นเด็กสาวคนหนึ่งที่อยู่ในชุดเดรสสีขาว เรือนผมดำปล่อยยาว บริสุทธิ์งดงามราวกับนางสวรรค์ปรากฏตัวสู่ครรลองสายตาแล้ว
“บ้าน่า…เยี่ย...เยี่ยหวันหวั่น…เหรอ” หลินเชวียลองขยี้ตาดู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี