“แม่เจ้า เทพธิดาของฉันสุดยอดไปเลย คาดไม่ถึงว่าจะเป็นอาสะใภ้ของซือเซี่ย! ฐานะนี้! สุดยอดไปเลย!”
“ในที่สุดก็รู้สักทีว่าทำไมซือเซี่ยถึงดูแลเยี่ยหวันหวั่นขนาดนี้!”
“เมื่อกี้เฉินเมิ่งฉีพูดว่าอะไรนะ? บอกว่าที่บ้านซือเซี่ยไม่มีการอบรมสั่งสอน? ชิบ! นี่ไม่เท่ากับว่าด่าอาของซือเซี่ยเขาด้วยหรือไง?”
พูดถึงตรงนี้ ผู้คนรอบด้านพลันส่งสายตาแปลกประหลาดไปทางเฉินเมิ่งฉี
“เฉินเมิ่งฉีคนนี้ก็ตลกดีนะ เจ้าตัวเองยังไม่ได้พูดอะไรเลย เขากลับวิ่งเข้าไปอธิบายโน่นนี่ คนที่รู้ก็คิดว่าเพราะสนิทสนมกันราวพี่น้องถึงได้กังวลใจแทนหวันหวั่น คนที่ไม่รู้จะหลงคิดว่าเขากำลังจงใจใส่ร้ายเยี่ยหวันหวั่นต่อหน้าแฟนเยี่ยหวันหวั่นน่ะสิ!”
“ฉันว่าอย่างหลังมีความเป็นไปได้สูงนะ! เฉินเมิ่งฉีมีคดีติดตัวอยู่ก่อนแล้ว เขาชอบแย่งแฟนของเพื่อนสนิทไม่ใช่หรือไง?”
“ถูกเธอพูดแบบนี้แล้วก็จริงนะ เห้อ แม้แต่ซ่งจื่อหางเขายังไม่เว้น ไม่ต้องพูดถึงผู้ชายที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมขนาดนี้เลย! เมื่อกี้นี้แปดสิบเปอร์เซ็นต์จะต้องจงใจยุแยงแน่ๆ!”
“พระเจ้า น่ารังเกียจจริงๆ! หลายวันมานี้เขาเอาแต่อธิบายว่าซ่งจื่อหางบีบบังคับเขา แล้วยังบอกว่าซ่งจื่อหางขู่เขาว่า ถ้าหากไม่ยอมทำตาม จะพูดว่าเขาเป็นคนไปอ่อยตัวเองก่อน บอกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นซ่งจื่อหางที่โกรธจนใส่ร้ายเขา…ฉันเกือบจะหลงเชื่อ สงสารเขาไปแล้วนะเนี่ย! สุดท้ายเขาหลอกเจียงเยียนหรานเสร็จ ก็วิ่งมาหลอกเยี่ยหวันหวั่นต่อ เฮอะๆๆ…”
“คนแบบนี้ สุดจริงๆ! ทั้งยังรั้งพี่ชายของเยี่ยหวันหวั่นไว้ไม่ยอมปล่อยจนถึงตอนนี้ด้วยนะ!”
…
เฉินเมิ่งฉีตกใจจนมึนงงตั้งแต่ตอนที่ได้ยินซือเซี่ยเรียกซือเยี่ยหานว่าอาเก้าแล้ว
ตอนนี้มาได้ยินคนที่มุงดูอยู่รอบๆ พวกนั้นพูดนั่นพูดนี้ สีหน้าก็ยิ่งซีดเผือด
เป็น…เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง…
ซือเซี่ยกับซือเยี่ยหานเป็นอาหลานกันไปได้ยังไง!
เมื่อครู่นี้เธอกลับพูดต่อหน้าซือเยี่ยหานว่า “ที่บ้านไม่สั่งสอน” แบบนี้
แล้วก็ ซือเยี่ยหานจะคิดว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ของเธอคือกำลังยุแยงความสัมพันธ์ของพวกเขาอาหลานหรือเปล่า?
เธอได้ยินมาว่าสิ่งที่ซือเยี่ยหานไม่ชอบให้เกิดขึ้นมากที่สุดก็คือสิ่งนี้!
เฉิงเสวี่ยเห็นเหตุการณ์นี้แล้ว แค่นหัวเราะทีหนึ่ง เผยสีหน้าว่าเป็นไปอย่างที่คิด เธอรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
วันนี้โชคดีที่มีเฉินเมิ่งฉีเบี่ยงเบนความสนใจของซือเยี่ยหานไป ไม่อย่างนั้นเธอคงจะ…
แต่ว่า หากหลังจากกลับไปแล้วเยี่ยหวันหวั่นฟ้องขึ้นมา…
เทียบกับความกังวลของเฉิงเสวี่ย ตอนนี้เฉินเมิ่งฉีตกใจจนสมองว่างเปล่าไปแล้ว อธิบายกับซือเยี่ยหานอย่างติดอ่าง “คุณชายซือ ฉัน…ฉันไม่รู้…ฉันไม่รู้ว่าซือเซี่ยจะเป็นหลานของคุณ…ขอโทษจริงๆ นะคะ…ฉันเข้าใจผิดเอง…ฉันแค่…เป็นห่วงหวันหวั่นมากเกินไปก็เลยเป็นแบบนี้…คุณอย่าได้ถือสาเลยนะคะ…”
ซือเยี่ยหานไม่ได้พูดอะไร หรือแม้กระทั่งมองก็ไม่มองเธอ แต่กลับมองไปทางเยี่ยหวันหวั่น
ความไม่สนใจของซือเยี่ยหานทำให้หัวใจของเฉินเมิ่งฉีเหมือนกับถ้ำน้ำแข็ง ทำได้เพียงหันไปหาเยี่ยหวันหวั่นที่พึ่งสุดท้ายด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ “หวันหวั่น ฉันไม่ได้เจตนาจริงๆ นะ! เธอรู้ดีที่สุด ทั้งหมดเป็นเพราะฉันเป็นห่วงเธอนะ!”
เยี่ยหวันหวั่นได้ฟังเฉินเมิ่งฉีที่ถึงตอนนี้ก็ยังคิดจะหลอกลวงเธอ สายตาพลันเรียบนิ่ง “จริงหรือ? แต่ว่าพวกเขาล้วนพูดกันว่าเธอจงใจยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับแฟนนะ!”
“จะเป็นไปได้ยังไง หวันหวั่นแม้แต่เธอก็ไม่เชื่อฉันแล้วเหรอ?” เฉินเมิ่งฉีร้อนใจ
เยี่ยหวันหวั่นยัยโง่นี่ ทำไมคนอื่นพูดอะไรก็เชื่อไปซะหมดเล่า!
สวี่อี้หน้านิ่งมองเฉินเมิ่งฉีเสแสร้างอยู่ตรงนั้น เยี่ยหวันหวั่นยัยผู้หญิงโง่นี่ คิดว่าเดี่ยวก็ถูกหลอกอีก…
เยี่ยหวันหวั่นฟังเฉินเมิ่งฉีแก้ตัวไปเรื่อง สีหน้าเผยความร้อนรน สุดท้ายเอ่ยขอโทษขึ้นว่า “ขอโทษนะเมิ่งฉี ก่อนหน้านี้เธอเคยแย่งแฟนของเยียนหรานมาครั้งหนึ่งแล้ว ฉันยากที่จะเชื่อเธอจริงๆ ฉันคิดว่า ต่อไปพวกเราอย่าได้ติดต่อกันอีกเลยจะดีกว่า! ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิด… ถ้าเกิดเธออยากจะแย่งแฟนของฉันขึ้นมาด้วยจะทำยังไง? แฟนฉันหล่อขนาดนี้…”
เยี่ยหวันหวั่นพึมพำพลางแนบชิดข้างกายซือเยี่ยหานด้วยความตื่นกลัว กอดแขนของเขาไว้ด้วยความหวงแหน ใบหน้าเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
ซือเยี่ยหานเห็นเยี่ยหวันหวั่นที่กอดแขนของเขาอย่างกะทันหัน นัยน์ตาเรียบนิ่งไร้คลื่นลมจึงฉายแววประหลาดใจ
ส่วนสวี่อี้นั้น ดีใจจนแทบเป็นบ้าไปแล้ว แม่เจ้าโว้ย ผู้หญิงคนนี้นับว่ามีสมองขึ้นมาบ้างแล้ว เป็นเรื่องที่พันปีจะมีสักหน!
………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี