สวี่อี้มองดูนายของเขาที่เรียกตัวเองว่าสายตาสูงมาก แล้วมองเยี่ยหวั่นหวันข้างๆ ที่ดูโง่ทึ่ม ก็เงียบพูดไม่ออก
เวลานี้เขาเข้าใจจิตใจของหลิวอิ่งที่ได้ยินนายท่านบอกว่ามาตรฐานการเลือกแฟนของเขาคือ ‘หนึ่งเดียวในโลก’ นั้นแล้ว
“ยังมีอะไรจะถามอีกไหม?” ซือเยี่ยหานถาม
เยี่ยหวั่นหวันส่ายหน้า “ไม่มีแล้วค่ะ… แค่… ขอบคุณที่คุณเอาเสื้อผ้ามาให้ฉัน… แล้วยังมีถุงมืออีก… ด้านบนปักเสือตัวน้อยน่ารักมากเลย… คุณเลือกหรือคะ?”
ซือเยี่ยหาน “สวี่อี้เป็นคนเตรียม”
สวี่อี้เอือมอะรา
นายท่านกรุณาสัมผัสจิตใจที่ดีงามของตัวเองแล้วพูดอีกครั้ง!
ที่จริงแล้วผมเป็นคนเตรียม แต่ผมเตรียมไว้หนึ่งร้อยคู่เต็มๆ คุณถึงค่อยเลือกหนึ่งคู่ที่พอใจในนั้นเถอะ!
“อ้อ…” เยี่ยหวั่นหวันพยักหน้า จากนั้นถามต่ออีกประโยค “ต้าไปยังอยู่บ้านเปล่าคะ?”
“อยู่บ้าน” ซือเยี่ยหานพูด
สวี่อี้ได้ยินประโยคนี้ ก็อึ้งไปทันที
อยู่บ้านที่ไหน เขายังหาสลอเดอร์ไม่เจอด้วยซ้ำ!
เยี่ยหวั่นหวันสบายใจขึ้นมาแล้ว “จะเข้าเรียนแล้ว ฉันกลับไปก่อนนะคะ คุณระวังตัวด้วย!”
หลังเยี่ยหวั่นหวันเดินไปแล้ว สวี่อี้ก็รีบมองไปที่ซือเยี่ยหาน “นายท่านสลอเดอร์…”
“นายยังมีเวลาอีกหนึ่งวัน” ซือเยี่ยหานตัดบทประโยคหลังเขาเลย
สวี่อี้สำลักทันที ในใจร้องไห้ดั่งสายฝน “กระผมจะต้องหาสลอเดอร์ให้เจอก่อนที่คุณหนูเยี่ยจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ครับ”
มิน่าอยู่ดีๆ ก็เรียกให้เขาไปตามหาสลอเดอร์กลับมา ที่แท้เพราะอยากจะโอ๋เอาใจคนสวยนี่เอง!
ถึงแม้ไม่อยากจะยอมรับ แต่นายท่านยิ่งทียิ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้นำที่ไม่มีความชอบธรรมแล้ว ฮือๆๆ …
………
วันรุ่งขึ้นหลังเลิกเรียน
เยี่ยหวั่นหวันเก็บประเป๋าเรียบร้อย บอกลาเจียงเยียนหราน
“เธออยู่คนเดียวได้ไหม? ไม่อย่างนั้นฉันสมัครให้เธอไปอยู่หออื่นอาทิตย์หน้า” เยี่ยหวั่นหวันเสนอแนะ
เจียงเยียนหรานส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว ฉันอยู่คนเดียวจะได้มีสมาธิทบทวน!”
ถึงแม้ชิงเหอจะเป็นโรงเรียนเอกชนแสนแพงที่คุณภาพการเรียนนั้นดีที่สุด แต่ก็ยังไม่สามารถไปเทียบกับโรงเรียนม.ปลายธรรมดายังไม่ได้เลย เพราะนักเรียนไม่น้อยหลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จก็ไปเรียนเมืองนอกต่อเลย ไม่สนใจผลการสอบเข้ามาหวิทยาลัยเลยสักนิด ในหอพักหญิงวันๆ ก็คุยกันแต่เรื่องของแบรนด์เนมและเครื่องสำอาง
เจียงเยียนหรานเป็นลูกสาวคนเดียวในบ้าน พ่อแม่ไม่ยอมปล่อยให้เธอจากบ้านไปไกล เธอเตรียมจะสอบเข้าโรงเรียนบ้านเกิด
เดิมทีเธอยังไม่ได้คิดดีว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ไหน แต่ช่วงนี้สนิทกับเยี่ยหวั่นหวันขึ้นมา เธอตัดสินใจสอบเข้าสถาบันภาพยนตร์สาขาการแสดงของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง
อนาคตที่รอคอยอย่างมากก็ได้มาอยู่ร่วมกับเธอแล้ว
เพราะตั้งแต่เด็กได้รับการฝึกฝนจากพ่อแม่ เอกสาขาการแสดงนั้นเธอไม่กังวลใจ เพียงแต่วิชาวัฒนธรรมดูท่าเธอจะต้องสู้อีกรอบ
เธอได้ยินมาว่าเยี่ยหวั่นหวันต้องการเรียนเอกสื่อสารมวลชนคณะนิเทศศาสตร์ของมหาวิทาลัยเมืองหลวง
มหาวิทยาลัยภาพยนตร์และมหาวิทยาลัยการสื่อสารมวลชนเป็นหนึ่งในไม่กี่มหาวิทยาลัยแนวหน้าด้านสื่อภาพยนตร์และโทรทัศน์ของเมืองจีนเลย
และอย่างที่ทุกคนรู้กัน ระดับคะแนนของสาขาที่ไม่ใช่ศิลปะของมหาวิทยาลัยการสื่อสารมวลชนนั้นสูงจนน่ากลัว ไม่ต่างจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเลย เยี่ยหวั่นหวันเป็นคนหนึ่งที่อยากจะสอบเข้าสาขาวิชาสื่อสารมวลชน
ตอนนี้ถึงแม้ว่าคะแนนสอบของเยี่ยหวั่นหวันจะไม่แย่ แต่วิชาเลขเธอเป็นตัวดึงคะแนนลงมาก อยากจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยการสื่อสารมวลชน เกรงว่าจะเฉียดฉิวพอดี…
“หวั่นหวัน เธอจะถือโอกาสตอนนี้กลับบ้าน มาเรียนวิชาเลขเสริมไหม? วิชาเลขเธอนี่เป็นปัญหาใหญ่จริงๆ!” เจียงเยียนหรานถามด้วยความกังวล
เยี่ยหวั่นหวันได้ยิน ก็โบกมือตอบทันที “วางใจได้ๆ ลงชื่อไว้นานแล้ว! อาจารย์ที่สอนพิเศษวิชาเลขให้ฉันเก่งมากเลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี