สวี่อี้เบิกตากว้าง มองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นี่มันบ้าไปแล้ว เวลานี้สลูตสค์ที่เกลียดการเข้าใกล้มนุษย์ที่สุดกลับนอนราบอิงแอบกับเยี่ยหวันหวั่นอย่างใกล้ชิดขนาดนี้อยู่ตรงนั้น ถูกเธอทั้งดึงขนทั้งกอดเท้าแต่กลับไม่ได้ฉีกเธอเป็นชิ้นๆ !
เพียงแต่ ท่าทางของเยี่ยหวันหวั่นทำไมถึงดูเหมือนมีตรงไหนแปลกไป?
สวี่อี้ใจหายวาบ เพิ่งจะเห็นความผิดปกติของเยี่ยหวันหวั่น ข้างกายก็มีเงาร่างคนคนหนึ่งสาวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วอุ้มเยี่ยหวันหวั่นขึ้นมาจากอ้อมกอดของต้าไป๋
“ไปเชิญผู้เฒ่าซุน!”
“ครับ!” สวี่อี้เหงื่อแตกพลั่ก รีบพุ่งตัวออกไป
หากเยี่ยหวันหวั่นเป็นอะไรไป เกรงว่าคนทั้งบ้านนี้ทุกคนคงต้องถูกฝังตามไปด้วย!
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง แสงไฟสว่างไปทั่วสวนจิ่นหยวน
ใบหน้าคนรับใช้ทุกคนไร้สีเลือดยืนตัวสั่นเรียงแถวอยู่ในห้องรับแขก รถยนต์สีดำคันหนึ่งจอดนิ่งที่ด้านนอกบ้าน มีชายหนุ่มคนหนึ่งประคองชายชราผมขาวลงมา
สวี่อี้นำทางคนทั้งสองเร่งฝีเท้าไปยังด้านในตัวบ้าน
เหนือสวนจิ่นหยวนมีเมฆครึ้มปกคลุมไปทั่ว
เมื่อผู้เฒ่าซุนกับศิษย์เอกของเขาเร่งเดินทางมาถึง เห็นเพียงบนเตียงมีหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่ ส่วนซือเยี่ยหานกำลังนั่งอยู่ที่ขอบข้างเตียง โดยที่มือข้างหนึ่งถูกหญิงสาวกอดเอาไว้ในอ้อมอก
หลังจากเห็นใบหน้าของหญิงสาวอย่างชัดเจนแล้ว นัยน์ตาของลูกศิษย์ที่อยู่ข้างกายพลันประกายวาบด้วยความประหลาดใจ
หญิงสาวคนนี้สวยเกินไปแล้ว แม้จะกำลังป่วยจนมีท่าทางอ่อนแรงแก้มทั้งสองแดงเห่อก็ยังสวยสุดๆ มิน่าล่ะถึงสามารถทำให้เจ้านายบ้านนี้ที่ลือกันว่านิสัยโหดเหี้ยมเป็นวิตกกังวลได้ขนาดนี้
สมกับคำที่ว่าสามงามอายุสั้นจริงๆ ไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้ป่วยหนักเป็นโรคอะไร?
“รบกวนผู้เฒ่าซุนด้วย”
ซือเยี่ยหานพูดพลางคิดจะชักมือตัวเองออกมาจากอ้อมอกของหญิงสาว
จากนั้น แค่เขาขยับเพียงเล็กน้อย ท่าทางของหญิงสาวดูเจ็บปวดมากกว่าเดิม กระชับกอดให้แน่นขึ้น ราวกับกำลังกอดขอนไม้ลอยน้ำท่อนสุดท้าย
ซือเยี่ยหานมองไปทางชายชราแล้วเอ่ยขึ้น “ตรวจชีพจรแบบนี้ได้ไหมครับ?”
ผู้เฒ่าซุนได้ยินดังนั้นกระแอมครั้งหนึ่ง “เกรงว่าจะไม่ได้ครับ จะส่งผลกระทบกับผลการตรวจ”
เขายังหลงคิดว่าเป็นร่างกายของเจ้านายหนุ่มของบ้านนี้ที่ทนไม่ไหว จากการนอนไม่หลับเป็นเวลานาน คิดไม่ถึงว่าคนที่ป่วยจะไม่ใช่เขา แต่เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง
ซือเยี่ยหานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ออกแรงอีกนิดหน่อยดึงมือตัวเองออกมา วางมือของหญิงสาวลงบนหมอนวางข้อมือเบาๆ
วินาทีที่ชายหนุ่มดึงมืออก น้ำตาที่หางตาของหญิงสาวพลันไหลรินลงมาด้วยความเสียใจ
ผู้เฒ่าซุนไม่กล้าชักช้า ไม่ให้ลูกศิษย์เข้าไปตรวจ แต่กลับตรวจชีพจรให้หญิงสาวด้วยตนเอง
การตรวจชีพจรครั้งนี้นานผิดปกติ จนทำให้สีหน้าของลูกศิษย์ข้างกายกังวลขึ้นเรื่อยๆ ใจคิดว่าหรือจะเป็นโรคอะไรที่ทำให้แม้แต่อาจารย์ยังรู้สึกว่ารักษายาก?
ผู้เฒ่าซุนตรวจชีพจรถึงสามครั้ง ถึงได้หันไปเอ่ยกับซือเยี่ยหานว่า “คุณซือสบายใจได้ครับ คุณหนูท่านนี้เพียงแค่เป็นไข้ตัวร้อนเพราะลมหนาว แค่ต้องกินยาลดไข้นิดหน่อย ก็จะหายดีอย่างรวดเร็ว”
หลังจากผู้เฒ่าซุนวินิจฉัยจบ ซือเยี่ยหานมองหญิงสาวที่ร้องไห้เสียใจจนหมอนเปียกชื้น แล้วรีบยื่นมือไปให้เธอกอดเอาไว้ใหม่อีกครั้ง ถึงได้หันมองชายชราแล้วเอ่ยขึ้น “เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด รบกวนผู้เฒ่าซุนพักที่นี่สักคืน”
ได้ฟังบทสนทนาของคนทั้งสอง ดวงตาของลูกศิษย์ข้างกายผู้เฒ่าซุนแทบจะถลนออกมาแล้ว เป็นไข้เนี่ยนะ?
อาการป่วยเล็กน้อยแค่นี้หยิบที่วัดไข้มาวัดสักหน่อยก็พอแล้ว ต้องถึงขนาดเชิญหมอเทวดาซุนไป๋เฉ่าที่ค่อนข้างปลีกวิเวกมา แล้วยังขอให้อยู่ที่นี่เพื่อดูอาการด้วยเหรอ!
ลูกศิษย์อ้าปากเหมือนคิดจะพูดอะไรบางอย่าง เพียงแต่จากนั้นก็เห็นอาจารย์ข้างกายส่ายหน้าให้เขา เป็นความหมายว่าไม่ให้เขาพูดมาก
จากนั้น ชายชราลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนแล้วครับ”
……………………………………………………
บทที่ 226 เป็นไข้
เยี่ยหวันหวั่นตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเช้าของอีกวันแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี