เยี่ยหวันหวั่นกวาดตาอ่านความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ต ผู้คนเห็นเป็นเรื่องสนุกพากันกระพือเรื่องให้ใหญ่โต ส่วนใหญ่คนที่ผ่านไปมาจะไม่ถามหาความจริงเท็จ ด่าอย่างไร้สมอง ด่าว่าดาราโรคจิต ด่าวงการบันเทิงโสมม อย่างไรแล้วหนึ่งในนั้นจะต้องมีคนของหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ฉวยโอกาศนี้เหยียบให้จมเท้าแน่นอน
ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมงข่าวนี้ได้ขึ้นพาดหัวหนังสือพิมพ์ข่าวบันเทิงของหลายสำนักและติดเทรนด์ยอดค้นหา
เยี่ยหวันหวั่นไตร่ตรอง “เว้นเสียแต่อีกฝ่ายยอมรับกับปากว่าตัวเองต้องการหลอกเอาเงินชดเชยจึงได้พูดโกหก ไม่อย่างนั้น…”
เจียงเยียนหรานหน้าซีด “หากพวกเขาจงใจใส่ร้ายจริงๆ จะยอมสารภาพได้อย่างไร?”
ใช่แล้ว ปัญหาอยู่ตรงนี้แหละ
จะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายยอมพูดความจริงออกมาเอง?
อย่างไรแล้วรออีกไม่กี่ปี เด็กผู้หญิงคนนั้นก็จะออกมาสารพภาพเอง แต่ถึงเวลานั้นคงจะสายเกินแก้แล้ว
“ลองงัดไม้แข็งมาใช้ ทำให้พวกเขาตกใจ? บีบให้พวกเขาพูดความจริงออกมา?” ฉู่เฟิงเสนอความคิดเห็น
เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้า “ตอนนี้หานเซี่ยนอวี่เป็นฝ่ายถูกกระทำ จะใช้วิธีการรุนแรงแบบนี้ได้อย่างไร อย่างไรแล้วค่ายหวงเทียนจะต้องเฝ้าจับตาดูอยู่ รอให้โลกโกลาหลไปเอง หากรู้ว่ามีการใช้ความรุนแรงขู่เข็ญ หานเซี่ยนอวี่จะยิ่งตกต่ำไม่มีทางที่จะฟื้นคืนได้ตลอดไป”
ชาติก่อนตอนที่เธอติดตามเรื่องนี้ ก็เคยคิดถึงปัญหาข้อนี้ อีกทั้ง เธอยังคิดถึงวิธีแก้ปัญหาได้จริงๆ อีกด้วย
เพียงแต่ตอนนั้นเธอถูกจำกัดการเข้าออก จึงไม่สามารถช่วยคนแปลกหน้าได้
ฉู่เฟิงคิดตามก็เห็นด้วย จึงได้แต่กล่าวปลอบใจ “คนดีฟ้าคุ้มครอง ไม่แน่คดีอาจจะพลิกก็ได้?”
เจียงเยียนหรานพยักหน้าหงอยๆ “ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ สรุปคือก่อนที่จะมีหลักฐานแน่ชัดกว่านี้ ฉันจะไม่เป็นคนที่ใครพูดยังไงก็คล้อยตามเด็ดขาด ฉันเชื่อมั่นในตัวเขา”
ฉู่เฟิงรีบเสริม “พวกเรามาให้กำลังใจเซี่ยนเซี่ยนกันเถอะ!”
เจียงเยียนหรานกอดฉู่เฟิงด้วยความซาบซึ้ง “ฉู่เฟิง ขอบคุณนายนะ…”
ฉู่เฟิงพลันตัวแข็งทื่อเป็นแท่งน้ำแข็ง สองแก้มแดงระเรื่อ หน้าตางุนงงพลางเอ่ย “ขอบ…ขอบคุณฉันทำไม ไอดอลของเธอก็คือไอดอลของฉัน!”
เยี่ยหวันหวั่นที่เป็นคนโสดโดนทรมานอยู่ข้างๆ นั้น “…”
เฮ้อ ออกมาทรมานคนโสด ไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องโดนเอาคืน
……
ณ ประตูคฤหาสน์หรูแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
บรรดานักข่าวกลุ่มใหญ่พากันห้อมล้อมหานเซี่ยนอวี่และผู้จัดการที่ลงมาจากรถเบนซ์ไว้ไม่ให้ผ่านไปได้
“หานเซี่ยนอวี่ ขอถามค่ะว่าข่าวดังของสามีภรรยาสกุลจ้าวมีมูลความจริงไหมคะ? คุณจะปฏิเสธไหมว่าไม่ได้ก่อเหตุลวนลามและล่วงละเมิดทางเพศลูกสาววัย 10 ขวบของพวกเขา?”
“หลายปีมานี้ทั้งหมดที่คุณเรียกว่าเป็นการกุศลและช่วยเหลือเด็กที่ป่วยหนัก เชิญพวกเขามาเป็นแขกที่คฤหาสน์ของคุณ ก็เพื่อสนองความใคร่ใช่ไหมครับ?”
“หานเซี่ยนอวี่ คุณเป็นโรคใคร่เด็กจริงไหม? ขอถามว่าคุณมีปัญหาด้านสุขภาพจิตหรือเปล่า?”
หานเซี่ยนอวี่ในชุดสีดำ สวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่ ปิดบังกว่าครึ่งใบหน้า ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ยอมตอบอะไรทั้งนั้น มีบอร์ดี้การ์ดและผู้จัดการคุ้มกันพาเดินเข้าไปข้างใน
ผู้จัดการยื่นมือไปกั้นนักข่าวที่แทบจะยื่นไมโครโฟนมาโดนหน้าของหานเซี่ยนอวี่ ตะโกนเสียงดัง “หลีกทางหน่อยครับ! รบกวนทุกท่านช่วยหลีกทางให้ด้วย! มือสะอาดไม่จำเป็นต้องล้าง! คำถามของทุกท่านรอให้ตรวจสอบความจริงแล้ว จะจัดงานแถลงข่าวตอบคำถามให้กับทุกคนครับ!”
เวลานี้ หนึ่งในนักข่าวที่แค้นเคืองต่อความอยุติธรรมได้ล้วงภาพที่ซูมขยายมาใบหนึ่ง พูดอย่างเฉียบคม “มือสะอาดไม่จำเป็นต้องล้างงั้นเหรอ? แล้วรูปถ่ายพวกนี้คุณจะอธิบายยังไง? เด็กหลายคนในรูปถ่ายอยู่ในห้องนอนส่วนตัวของคุณและนอนอยู่บนเตียงกับคุณ พวกเราสามารถคาดเดาได้ไหมว่า เด็กที่ถูกคุณคุกคามและล่วงละเมิดไม่ได้มีแค่คนเดียว?”
ความจริงแล้วภาพที่นักข่าวหยิบยกมาก็ไม่ได้เป็นภาพส่วนตัวอะไร อีกทั้งยังเป็นภาพที่ทางบริษัทเป็นฝ่ายเปิดเผยต่อสื่อเมื่อก่อนหน้านี้เอง
…………………………………
บทที่ 244 นายเสียสติไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี