วงการบันเทิงเป็นสถานที่ที่เสาะหาชื่อเสียงลาภยศ แบ่งระดับชั้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าคุณจะเดบิวต์เร็วแค่ไหน ถ้าไม่มีชื่อเสียงก็อยู่ได้แค่ระดับล่างสุด เหมือนกับมดที่ต้อยต่ำ ไม่ว่าใครก็สามารถเหยียบให้ตายได้
สามปีที่ผ่านมาทำให้ลั่วเฉินเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ตอนแรก เขายังคิดว่าจะพยายามและตอบโต้เพื่อตัวเอง ทว่าต่อมาเขาก็ไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องทั้งหมดนี้อีกแล้ว
หลินเฮ่าปรายตามองศิลปินน้องใหม่ข้างกาย ศิลปินน้องใหม่พลันพร้อมใจใช้ไหล่กระแทกลั่วเฉินอย่างแรง “ขอโทษครับ พวกเราต้องเริ่มถ่ายกันแล้ว รบกวนพี่ออกไปหน่อย อย่ามาเกะกะขวางทางที่นี่”
หากเป็นก่อนหน้านี้ ลั่วเฉินคงจะเดินออกไปแล้ว แต่นึกถึงคำกำชับของผู้จัดการเมื่อวาน สองเท้าจึงลังเลขึ้นมา
ศิลปินตัวน้อยกระแนะกระแหนอย่างไม่ชอบใจ “ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ? ไม่เคยพบไม่เคยเจอคนหน้าด้านขนาดนี้ อยากดังจนเสียสติไปแล้วหรือไงรุ่นพี่! ได้เกาะแข้งเกาะขาสมดังใจแล้วไม่ใช่เหรอ? แม้แต่การถ่ายภาพของเด็กใหม่ตัวน้อยๆ อย่างพวกผม พี่ก็อยากมีซีนด้วยเหรอ?”
เมื่อได้ยินเสียงเอะอะจากทางนี้ ช่างภาพที่อยู่ด้านข้างก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังด้วยความรำคาญ “คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด! อย่ามารบกวนคนอื่น!”
ศิลปินน้อยยิ้ม “ได้ยินแล้วใช่ไหม? ยังไม่รีบไสหัวกลับไปหาเจ้านายพี่อีก!”
ลั่วเฉินบีบนิ้วมือที่อยู่ข้างกาย สุดท้ายตัดสินใจที่จะหันกายเตรียมจะเดินออกไป
จากนั้น พริบตาที่เขาหันกาย พลันมีมืออุ่นกดไหล่ของเขาไว้
ผู้ที่มามีท่าทางเกียจคร้าน เดินสบายอารมณ์ ท่าทางไม่ใส่ใจสิ่งใด “โอ้โห ครึกครื้นกันน่าดู!”
เมื่อเห็นเยี่ยไป๋ สีหน้าศิลปินน้อยที่ทำวางท่าใหญ่โตเพราะเห็นว่ามีหลินเฮ่าคอยซัพพอร์ตอยู่เมื่อครู่พลันถอดสี เหลือบมองหลินเฮ่าที่อยู่ข้างกาย
ในเมื่อตอนนี้เยี่ยไป๋เป็นคนโปรดของประธานฉู่
หลินเฮ่าเห็นตัวการที่ทำให้เขาขายขี้หน้าจนหมดสิ้น สีหน้าพลันยิ่งบูดบึ้ง “ผู้จัดการเยี่ย รบกวนดูแลศิลปินในสังกัดของคุณด้วย! อย่าปล่อยให้ออกมาเห่าไปทั่ว!”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็เกือบจะหลุดขำออกมา ต่อให้เธอเพิ่งจะรู้จักลั่วเฉินแค่วันเดียว ก็รู้ว่าเด็กคนนี้พูดน้อยแค่ไหน พออีกฝ่ายพูดมา กลับกลายเป็นว่าลั่วเฉินกำลังเห่าไปทั่วเสียอย่างนั้น
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเล็กน้อย “อ้อ ฉันดูแลศิลปินในสังกัดของฉันดีหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่ว่านะ…ฉันอยากขึ้นบัญชีดำสักคนสองคน น่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ!”
เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะพูดจบ สายตาของหลินเฮ่าวาวโรจน์ด้วยความโกรธ แค่นหัวเราะอย่างดูแคลน “ขึ้นบัญชีดำฉันเหรอ? นายน่ะเหรอ? นายคิดว่านายเป็นใคร! คิดจะเอาขนไก่มาทำเป็นลูกศร! คิดว่าตัวเองใหญ่โตมาจากไหนกัน!”
เขาเป็นคนในสังกัดของพี่ปินเชียวนะ! เขาไม่เชื่อหรอกว่าเยี่ยไป๋จะกล้าทำอะไรเขา
ท่าทางของเยี่ยหวันหวั่นยังคงดูเอื่อยเฉื่อยไม่ใส่ใจ มองใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าที่แสดงอารมณ์ได้แข็งอย่างชัดเจนเพราะทำศัลยกรรมมากเกินไป
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาช้าๆ จากนั้นทำท่าเหมือนโทรศัพท์ “สวัสดีครับ ประธานฉู่หรือเปล่าครับ?”
หลินเฮ่าที่ไร้ความเกรงกลัวใดๆ เมื่อกี้เห็นอีกฝ่ายไม่พูดพร่ำทำเพลงต่อสายหาประธานฉู่ ใบหน้าพลันแข็งทื่อ
เยี่ยหวันหวั่นยังคงพูดต่อไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว “เฮอะๆ ประธานฉู่ ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่อยากจะขึ้นบัญชีดำคนคนหนึ่งเท่านั้นเองครับ ก็เลยมาขออนุญาตคุณก่อน เมื่อครู่มีคนไม่รู้ความ หาว่าผมเอาขนนกมาทำเป็นลูกศร! อะไรนะครับ? ไม่ต้องขออนุญาตคุณเหรอ? ให้ผมขึ้นบัญชีดำได้ตามใจผมเลย?”
ฟังถึงตรงนี้ หลินเฮ่าก็รักษาความใจเย็นเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป ร่างกายเริ่มสั่นเทิ้ม
ส่วนศิลปินหลายๆ คนข้างกายเขาที่เยาะเย้ยลั่วเฉินด้วยกันล้วนไม่กล้าส่งเสียงสักแอะ ถอยกรูดไปอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ กลัวว่าจะตกกระไดพลอยโจนไปกับหลินเฮ่าด้วย
………………………………………………
บทที่ 310 ไฟลูกแรก
เยี่ยหวันหวั่นยกมุมปาก มองหลินเฮ่าที่ตกใจจนหน้าเริ่มซีดขาวแล้วเริ่มพูดกับโทรศัพท์ต่อไป “แต่ว่า อีกฝ่ายเป็นคนของโจวเหวินปินเลยนะครับ!”
“อะไรนะครับ? พวกที่อยู่ต่ำกว่าระดับสองให้ผมขึ้นบัญชีดำได้ตามใจเลยเหรอครับ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี