บทที่ 311 แสดงละครคลาสสิกอีกครั้ง / บทที่ 312 ไม่มีศรัทธาเลยสักนิด – ตอนที่ต้องอ่านของ แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
ตอนนี้ของ แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายจีนปัจจุบันทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 311 แสดงละครคลาสสิกอีกครั้ง / บทที่ 312 ไม่มีศรัทธาเลยสักนิด จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เมื่อลั่วเฉินเดินออกมาจากห้องแต่งหน้า สายตาทุกคนพลันเป็นประกาย
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะผมที่ยาวเกินไป ทำให้ลั่วเฉินดูมืดมนไปหมด เวลานี้ตัดเส้นผมสีดำให้สั้นลง ผมด้านหน้าก็ผ่านการจัดแต่ง เผยหน้าผากเอิบอิ่มแวววาวและดวงตาที่สวยมากคู่หนึ่ง
ไม่เหมือนพวกนั้นที่ตังใจกรีดออกมา พอล้างเครื่องสำอางแล้วก็กลายเป็นตาโตสองชั้นที่จืดชืดไร้วิญญาณอย่างชัดเจน ดวงตาของลั่วเฉินมีลักษณะเป็นวงรีเรียวยาวคล้ายหงส์ มีกลิ่นไอของความโบราณ รัศมีความโค้งของตาสองชั้นเรียบลื่นเป็นธรรมชาติ ริมฝีปากบางอมชมพูเหมือนดอกซากุระ แค่เห็นก็กระตุ้นให้คนอยากจะเข้าไปจุมพิต ผิวนุ่มเนียนละเอียดจนไม่มีรูขุมขน
การแต่งกายของลั่วเฉินเป็นไปตามที่เยี่ยหวันหวั่นสั่งไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ได้หรูหรามากมาย ท่อนบนเป็นเสื้อเชิ้ตคลาสสิกธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง สิ่งตกแต่งเดียวที่มีคือลายปักรูปดาวห้าแฉกที่ปกเสื้อ ท่อนล่างเป็นกางเกงสีดำ
การแต่งหน้าแต่งตัวนี้สะอาดสะอ้านเรียบง่าย เพราะบุคลิกของลั่วเฉินเอง ชวนทำให้รู้สึกเย็นชาและห่างเหิน เหมือนกับเงาในความทรงจำอันงดงามสมัยเด็กที่ได้แค่มองแต่ไม่อาจสัมผัส
มิน่าละตลอดสามปีที่ผ่านมาโจวเหวินปินถึงได้ไม่ยอมลืมเสียที นิสัยของลั่วเฉินสะอาดเกินไป สำหรับวงการบันเทิงแล้วนั้น นิสัยและท่าทางแบบนี้หาได้ยากมากๆ
คงเป็นเพราะไม่ได้แต่งตัวอย่างจริงจังแบบนี้มานานแล้ว ลั่วเฉินถึงได้รู้สึกกระดากกับสายตาที่จ้องมองมาของทีมงานและเยี่ยหวันหวั่น
“พี่เยี่ย พี่ว่าเป็นยังไงบ้าง? ใช้ได้ไหม?” ช่างแต่งหน้าเอ่ยถาม
“ใช้ได้” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
“ที่สำคัญคือลั่วเฉินมีทุนเดิมดีอยู่แล้ว ผิวก็นุ่มอย่างน่าเหลือเชื่อ ฉันแทบไม่ได้ทำอะไรกับเขาเลย” ถึงแม้คำพูดของช่างแต่งหน้าจะดูประจบเอาใจ แต่ก็จริงใจมาก
เธอแต่งหน้ามานานหลายปี มองแวบเดียวก็ดูออกแล้วว่าใครเคยผ่านมีดหมอมาก่อน ใครที่ไม่เคยผ่านมีดหมอ และใบหน้านี้ของลั่วเฉิน เธอมั่นใจว่าธรรมชาติสรรสร้างล้วนๆ
พูดด้วยใจเป็นกลาง อันที่จริงสายตาของเยี่ยไป๋ไม่เลวเลย หากดูแค่หน้าอย่างเดียว ใบหน้านี้ของลั่วเฉินมีไม่กี่คนเทียบได้ ทั้งกวงเย่าเกรงว่าจะมีแค่กงซวี่ที่พอจะเทียบเขาได้
เวลานี้เอง ช่างภาพจัดแสงไปด้วยพร้อมกับเดินเข้ามาถาม “พี่เยี่ย ไม่รู้ว่าหัวข้อการถ่ายวันนี้คืออะไรเหรอครับ?”
“อัดคลิปวีดีโอสั้นๆ ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยตอบ
เดิมทีช่างภาพคิดว่าจะถ่ายภาพโปรโมทให้ลั่วเฉิน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการถ่ายวีดีโอ จึงอดแปลกใจไม่ได้ “ถ่ายวีดีโอ? เนื้อหาคืออะไรเหรอครับ?”
ลั่วเฉินที่อยู่เงียบๆ ด้านข้างก็เหลือบมองด้วยความสงสัย
เยี่ยหวันหวั่นกดเปิดบทพูดท่อนหนึ่งในโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งไปตรงหน้าลั่วเฉิน “ยังจำบทพูดท่อนนี้ได้อยู่ไหม?”
ลั่วเฉินรับโทรศัพท์มาดูเพียงแวบเดียว ท่าทางพลันเปล่งประกายขึ้นมา…
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นบทพูดในฉากหนึ่งของ “มังกรผงาด”…
จำได้สิ…
เขาจะจำไม่ได้ได้อย่างไร…
บทพูดทุกบทในมังกรผงาด เข้าล้วนจำได้อย่างแม่นยำไม่ตกหล่นไปสักคำเดียว…
เขาชอบการแสดงจริงๆ ชอบที่จะแสดงความรู้สึกต่างๆ ในชีวิตของบทละคร
ครั้งที่แสดง “มังกรผงาด” เป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุด ตลอดสามปีหลังจากนั้นเขามักจะฝันถึงแต่ละภาพฉากในการแสดง ภาพเงาของคมมีดดาบ การต่อสู้กับอยุติธรรมบ่อยๆ
นั่นเป็นความทรงจำล้ำค่าเพียงหนึ่งเดียวตั้งแต่ที่เขาเข้าวงการมา
“จำได้ครับ…” ลั่วเฉินตอบอย่างเลื่อนลอย
“วันนี้พวกเราจะถ่ายท่อนนี้”
ลั่วเฉินได้ยินดังนั้น ดวงตาพลันวูบไหว จะให้เขาแสดงท่อนนี้อีกครั้งอย่างนั้นเหรอ?
เยี่ยหวันหวั่นไม่ชักช้า เอนกายพิงพนักเก้าอี้ เอ่ยขึ้น “ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ก็เริ่มเลยเถอะ ให้เวลานายปรับอารมณ์สามนาที”
ลั่วเฉินอึ้งไปเล็กน้อยถึงได้สติกลับมา รีบไปเริ่มเตรียมตัว ช่างภาพก็รีบจัดการเซตติ้งให้เรียบร้อย
……………………………………………
บทที่ 312 ไม่มีศรัทธาเลยสักนิด
ครั้งที่ยี่สิบ เผชิญหน้ากับการแสดงที่ย่ำแย่ครั้งแล้วครั้งเล่าของลั่วเฉิน เยี่ยหวั่นหวันหยุดนิ้วที่เคาะบนที่เท้าแขนเก้าอี้ สีหน้าที่เกียจคร้านเวลานี้ไม่มีความอ่อนโยนเหลืออยู่แล้ว
เหมือนรับรู้ได้ว่าผู้จัดการคนนี้อารมณ์เสียสุดขีด บรรยากาศในสตูดิโอกดดันถึงขีดสุด ทุกคนต่างไม่กล้าออกเสียง
เวลานี้ลั่วเฉินที่อยู่ท่ามกลางสายตาเป็นจุดสนใจของทุกคนนั้นเหงื่อออกท่วมตัวแล้ว นิ้วมือจิกกำเป็นหมัดแน่น
เขาทำไม่ได้…
เขาทำไม่ได้อย่างที่คิดจริงๆ…
เขาที่เคยมั่นใจเวลาอยู่ต่อหน้ากล้อง แต่ตอนนี้ทันทีที่เขาหันหน้าเข้ากล้องและสายตาของคนรอบข้าง ทั่วทั้งตัวก็แข็งทื่อและหนาวเหน็บขึ้นมาทันที
เยี่ยหวั่นหวันก็พบว่าท่าทีของลั่วเฉินนั้นผิดปกติ
ไม่เพียงแต่หนีกล้อง กระทั่งตัวเขาเองก็หลีกหนีด้วย
ลั่วเฉินเมื่อก่อนนั้นมีออร่าเหลือล้น ตอนอยู่ต่อหน้ากล้องนั้นมั่นใจที่สุด ราวกับว่าที่ตรงนั้นคือที่ของเขา โลกของเขา แต่ตอนนี้ สำหรับเขาแล้วกล้องนั้นเหมือนกรงขัง ทั่วทั้งตัวเขาเหมือนถูกมัดด้วยพันธนาการที่มองไม่เห็น
นอกจากนี้ เธอยังมองออกว่าลั่วเฉินรังเกียจใบหน้านี้ของตัวเองมาก มักจะเลี่ยงกล้องโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้จะพอเดาเรื่องพวกนี้ได้อยู่บ้าง แต่สภาพของลั่วเฉิน ย่ำแย่กว่าที่เธอคิดไว้เยอะเลย…
เสียง “ปัง—“ ดังขึ้นมา เยี่ยหวั่นหวันโยนกองเอกสารในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง พูดเสียงเย็นชา “ใบหน้านี้คือข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ เป็นสิ่งทุกคนใฝ่ฝันแต่ที่ติดตัวเธอมาโดยไม่ต้องร้องขอ เป็นพรสวรรค์ติดตัวมาเลย! เธอหลีกเลี่ยงมัน รังเกียจที่มันนำโชคร้ายมาให้เธอ? ฉันบอกเธอให้ โศกนาฏกรรมทั้งหมดของเธอไม่ใช่เพราะใบหน้านี้ แต่เป็นเพราะเธอมันอ่อนแอไร้ความสามารถ!
เมิ่งเหลียงเพิ่งอายุสิบแปดก็ได้เป็นราชาหนัง เพราะแม่ป่วยหนัก เลยหายไปหกปี อายุยี่สิบสี่กลับมาอีกครั้ง ก็ยังคงได้เป็นราชาหนังอันดับสอง หลี่จงอี้แสดงเป็นนักแสดงสมทบชายมาสามสิบปีแล้ว อายุ 53 ค่อยได้เล่นเป็นพระเอกแล้วก็ดังเปรี้ยงปร้าง เฉียวเข่อซินตั้งแต่เข้าวงการมาก็โดนกลั่นแกล้งจนถึงตอนนี้ แต่กลับดังเอาๆ ไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมา จนปีนี้เธอได้รับการเสนอชื่อเป็นราชินีหนังของจินหลาน ส่วนเธอก็แค่พลาดช่วงเวลาไปสามปีและไม่ได้รับความยุติธรรม เลยคิดว่าชีวิตนี้ได้จบสิ้นลงตรงนี้แล้ว?”
พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าเยี่ยหวั่นหวันเย็นชาสุดขีด “อยู่ในสถานที่อย่างวงการบันเทิงนี้ ถ้าอยากจะอยู่บนสุดสูงสุด ในอนาคตเธอยังต้องผ่านเรื่องกดดันที่ทนไม่ไหวน่ากลัวกว่านี้อีกร้อยเท่าพันเท่า ถ้าเธอยังอยู่แค่ระดับนี้ ขอโทษด้วย ฉันชวนให้เธอรีบออกไปจากวงการบันเทิงยิ่งดี ฉันจะไม่มาเสียเวลาอยู่กับศิลปินที่ไม่มีศรัทธาเลยสักนิด!”
…………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี