ผ่านไปไม่นาน งานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้น พ่อบ้านหวงหมิงคุนพาแขกเหรื่อเข้าไปในห้องโถงงานเลี้ยง
ภายในโถงงานเลี้ยง มีชายชราผมขาวคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งประธาน นั่นคือเยี่ยหงเหวย
ถึงแม้เยี่ยหงเหวยจะอายุมากแล้ว แต่ร่างกายยังคงแข็งแรงอยู่ แววตามีชีวิตชีวา ท่าทางดูสง่าผ่าเผยอย่างที่ผู้มีอำนาจควรมี ท่าทางที่ทรงเกียรตินั้น ทำให้ทุกคนเคารพเกรงขาม
ตอนที่สายตากวาดมองไปเห็นเยี่ยเส่าถิงอยู่ท่ามกลางผู้คน คิ้วเยี่ยหงเหวยขมวดขึ้นมาทันที แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา ละสายตาออกไป ท่าทางเย็นชามาก
“คุณปู่!”
เยี่ยอีอีคล้องแขนกู้เยว่เจ๋อออกมาปรากฏตัวท่ามกลางสายตาของทุกคนด้วยความรวดเร็ว
เห็นความงามที่ดูบอบบางน่าทะนุถนอมไปทั่วทั้งตัวของหญิงสาว ใบหน้าดูซีดเล็กน้อย พูดอวยพรเยี่ยหงเหวยหลายประโยคด้วยท่าทีที่ดูเป็นธรรมชาติและใจกว้าง
เยี่ยหงเหวยยิ้มมองไปทางเยี่ยอีอีด้วยความเอ็นดู ให้ทั้งสองคนนั่งลง
บนโต๊ะงานเลี้ยง มีแต่เครือญาติตระกูลเยี่ย ไม่มีคนนอก ส่วนเยี่ยหงเหวยนั่งอยู่ในตำแหน่งประธานต้อนรับแขกคนสำคัญที่มีหน้ามีตาหลายคน
“พี่อีอี พี่สวยอีกแล้ว…” เหลียงซือหานเข้ามาใกล้เยี่ยอีอี แล้วนั่งลงข้างๆ เยี่ยอีอี มองใบหน้างดงามของเยี่ยอีอีด้วยสีหน้าอิจฉา
เยี่ยอีอียิ้มอ่อน สายตาอ่อนโยนมีแววขำ “ขอบใจจ้ะ”
ฟางซิ่วหมิ่นเห็นลูกสาวตัวเองกับเยี่ยอีอีใกล้ชิดกัน รู้สึกดีใจมาก เยี่ยอีอีคนนี้ตอนนี้ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่เป็นความหวังของตระกูลเยี่ยมากที่สุด ถ้าลูกสาวตัวเองสามารถเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีกับเยี่ยอีอีได้ ในภายภาคหน้า… ก็สามารถกอดตระกูลเยี่ยต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ได้แน่นยิ่งขึ้น!
ฟางซิ่วหมิ่นรีบพูด “ซือหาน ลูกจะต้องเลียนแบบพี่เยี่ยอีอีเป็นเยี่ยงอย่างนะ รู้ไหม?”
“แม่ แน่นอนอยู่แล้วค่ะ พี่อีอีเป็นไอดอลของหนูมาตลอด! ถ้าหนูเรียนรู้ได้เท่าครึ่งหนึ่งของพี่อีอี ชีวิตนี้ก็เพียงพอแล้ว” อยู่ข้างเยี่ยอีอี เหลียงซือหานน่ารักเป็นพิเศษ ปากก็หวานผิดปกติ
“ในบรรดาคนรุ่นหลังตระกูลเยี่ย คนที่เก่งกาจที่สุดก็คือพี่อีอีนี่แหละ” ปากฟางซิ่วหมิ่นก็พูดไป สายตากลับกวาดมองไปทางที่เยี่ยมู่ฝานอยู่
เยี่ยอีอีก็รู้สึกได้ถึงสายตาของฟางซิ่วหมิ่น เธอได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนโยน นอบน้อมมาก
เสียงที่ไม่ดังและไม่เบาเกินไป ดังเข้ามาในหูเยี่ยมู่ฝาน สีหน้าเขาเย็นชา ในบรรดาคนรุ่นหลังตระกูลเยี่ย นอกจากเยี่ยอีอีแล้ว ก็เหลือแค่เยี่ยหวั่นหวันและเขาเท่านั้น ฟางซิ่วหมิ่นพูดแบบนี้…
“อีอี ได้ยินเรื่องของเธอกับเยว่เจ๋อ ใกล้จะประกาศหรือยัง?” หลังจากนั้น ฟางซิ่วหมิ่นก็พูดอีก
ได้ยินคำพูด เยี่ยอีอีพยักหน้า สายตามองตรงไปทางกู้เยว่เจ๋อที่นั่งอยู่ข้างๆ ในแววตาดูเต็มไปด้วยความอ่อนโยนไม่มีที่สิ้นสุด
กู้เยว่เจ๋อมองใบหน้าเล็กงดงามของเยี่ยอีอี แววตาเต็มไปด้วยความรัก ยิ้มแล้วพูดขึ้นมา “ใกล้แล้วครับ ที่จริงผมมีความคิดนี้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่อีอีเป็นห่วงความรู้สึกของคนรอบด้านมากเกินไป ถึงได้เลื่อนมาเป็นช่วงเวลานี้…”
คำพูดนี้ของกู้เยว่เจ๋อมีนัยแฝง คนที่รู้เรื่องพอฟังคำพูดเขาก็รู้แล้ว ว่าคนที่เยี่ยอีอีเป็นห่วงหมายถึงใคร
ตอนนี้ สัญญาแต่งงานของกู้เยว่เจ๋อและเยี่ยอีอียังอยู่ ถึงแม้ในสายตาคนอื่น เยี่ยหวั่นหวันเดิมทีเป็นมือที่สาม เสื่อมเสียชื่อเสียงแล้ว ตอนนี้อยู่อย่างเหลือทน ไม่ได้เป็นคนในโลกใบเดียวกันกับกู้เยว่เจ๋อนานแล้ว แต่ภายใต้ชื่อที่เป็นคู่หมั้น เธอกลับยังเกาะติดอยู่อย่างไร้ยางอาย
เป็นเยี่ยอีอีที่ยังคงนึกถึงความรู้สึกของพี่สาว เป็นห่วงความรู้สึกของเยี่ยหวั่นหวัน
ทั้งสองคนเทียบกันแล้ว เยี่ยอีอีและเยี่ยหวั่นหวันนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในสายตาของทุกคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี