“เฮ้อ…” ฟางซิ่วหมิ่นแกล้งทำเป็นถอนหายใจด้วยความปลื้มใจ “ถ้าลูกสาวคนอื่นรู้เรื่องเหมือนลูกแบบนี้ก็ยิ่งดีสิ… แต่ตรงกันข้าม บางคนยังเห็นลูกสาวตัวเองเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่ตาสว่างเสียที”
เหลียงหวั่นจวินโดนแม่ลูกคู่นี้พูดจาถากถางจนลมหายใจถี่กระชั้น
“พี่สาว ฉันรู้ว่าพี่ลำบาก แต่พวกเราทั้งครอบครัวก็ลำบากเหมือนกัน เจียหาวเปิดบริษัทนั้นง่ายไหม? เงินพวกนั้นไม่ใช่ว่าแลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานได้มาหรือ? พวกเราก็ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร เลี้ยงคนว่างงานเฉยๆ ไม่ไหวหรอก!” ฟางซิ่วหมิ่นพูดอย่างเย็นชา
แขกเหรื่อรอบด้านมากมาย เวลานี้สายตาต่างจ้องมองมาทางนี้
ถึงแม้จะรู้ว่าหลายปีนี้เยี่ยเส่าถิงตกต่ำ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าครอบครัวนี้จะไม่มียางอายถึงเพียงนี้ ถือว่าบ้านคนอื่นเป็นบ้านตัวเอง อาศัยอยู่มาหลายปี ไม่เพียงไม่รู้บุญคุณ แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะออกไปอีกด้วย
เยี่ยอีอีเห็นความขัดแย้งในตอนนี้ ในแววตาฉาบไปด้วยรอยยิ้ม แต่ใบหน้ากลับอ่อนโยน เธอพูดช้าๆ เหลือบสายตาขึ้นมามองไปทางฟางซิ่วหมิ่นที่มีสีหน้าไม่พอใจกับเหลียงเจียหาวที่ทำอะไรไม่ได้
“หนูต้องขอโทษคุณน้ากับคุณอาก่อนด้วยนะคะ และขอโทษพวกท่านแทนหวั่นหวันด้วย… วันนี้เป็นวันเกิดคุณปู่ ควรสามัคคีปรองดองกัน อย่าเพิ่งวู่วามเลย ถ้าคุณปู่รู้เข้า เกรงว่าจะไม่สบายใจอีกนะคะ”
ได้ยินเยี่ยอีอีพูด สีหน้าฟางซิ่วหมิ่นค่อยคลายลงมาหน่อย แล้วกังวลว่าเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเยี่ยหงเหวย เลยไม่กล้าก่อเรื่องใหญ่โต แล้วส่ายหน้า “อีอี ครอบครัวพวกเราก็ลำบาก หลายปีมานี้ ครอบครัวนี้ทำครอบครัวเราทรมานจนพูดไม่ออก เธอว่ามีคนประเภทไหนที่หน้าด้านไร้ยางอาย ตัวเองไม่มีบ้าน ก็ไปอาศัยบ้านคนอื่นไม่ยอมออกไป ครอบครัวตัวเองลำบากก็ช่าง นี่ยังมาเป็นภาระให้คนอื่นอีก”
เยี่ยอีอีแอบหัวเราะในใจ หางตามองไปทางครอบครัวเยี่ยเส่าถิง แต่สีหน้ากลับยังคงความอ่อนโยนและสง่างามอยู่ดังเดิม แต่ทว่า ตอนที่เยี่ยอีอีคิดจะพูดอะไรต่อ ด้านหลังก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นมา
พอได้ยิน ทุกคนก็หันไปมองทางซ้าย
มีเงาร่างสีแดงปรากฏอยู่ สะท้อนเข้ามาในสายตาของทุกคนทันใด
หญิงสาวหน้าตาสวยงามคนหนึ่งสวมชุดกระโปรงราตรีสีแดงเพลิง เดินเข้ามาท่ามกลางสายตาที่จับจ้องอย่างช้าๆ ภายใต้แสงเงาสะท้อน ใบหน้านั้นแทบจะสมบูรณ์ไร้ตำหนิ เป็นความงดงามเหนือสรรพสิ่ง สร้างเสียงอื้ออึงให้กับทุกคนในทันใด
หญิงสาวยิ้มอย่างสง่างาม ทำให้คนใจเต้น ดวงตาคู่ที่เหมือนพระจันทร์เสี้ยว ดูแวววาวสดใสมีชีวิตชีวาที่สุด เหมือนดั่งดวงดาว ถึงแม้รูปร่างหญิงสาวจะบอบบาง แต่บุคลิกกลับดูโดดเด่นไม่ธรรมดา ไม่เหมือนคนทั่วไป
แค่เพียงแวบเดียว ทุกคนต่างโดนดึงดูดด้วยร่างที่งดงามนี้หมด
“นี่… นี่คือใคร? หน้าตาสวยเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?”
“คนในวงการบันเทิง? เป็นไปไม่ได้… ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย…”
“รูปลักษณ์แบบนี้… ท่วงท่า… เมื่อกี้ฉันเพิ่งคิดว่าเยี่ยอีอีนี่หน้าตาโดดเด่นเดินคนทั่วไปแล้วนะ คิดไม่ถึงว่าจะยังมีคนที่หน้าตาดีกว่าอีก! ผู้หญิงคนนี้มาจากไหนกันแน่?”
แขกที่อยู่ในงาน ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง ต่างอึ้งกันไปหมด
งามหยดย้อยถึงเพียงนี้…
ในใจทุกคนต่างสงสัย คาดเดากันว่าคนที่มานี้เป็นใคร
เยี่ยอีอีและคนอื่นก็สังเกตเห็นหญิงสาวที่สวยคนนั้น เดิมทีหน้าตาของเยี่ยอีอี ก็เป็นความงดงามน่ามองที่สุดของค่ำคืนนี้แล้ว นึกไม่ถึง การปรากฏตัวของผู้หญิงคนนั้น กลับบดขยี้เยี่ยอีอีไปเลย
เยี่ยอีอีมองหญิงสาวที่สวยโดดเด่นเหนือทุกคนด้วยสายตาที่ซับซ้อน มองดูหญิงสาวคนนั้นย่างก้าวอย่างสง่างาม แต่ละก้าวๆ เดินมาทางโต๊ะของพวกเขา อดไม่ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาอย่างประหลาด…
…………………………………………………
บทที่ 332 เยี่ยหวันหวั่นยัยอัปลักษณ์?
เหลียงซือหานก็ตะลึงในรูปโฉมของหญิงสาวคนนั้นเช่นเดียวกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนหน้าตาดียิ่งกว่าเยี่ยอีอีอีก แต่ว่าเธอไม่กล้าแสดงออกมาทางสีหน้า
หญิงสาวค่อยๆ เดินผ่านฝูงชน ไม่ว่าจะเดินผ่านที่ใด ก็จะมีเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจดังขึ้นมาเป็นระลอก
ต่อมา ขณะที่ผู้ชนกำลังสงสัยว่าหญิงสาวผู้นี้คือใครกันแน่ กลับพบว่าเธอเดินตรงไปยังโต๊ะของพวกเยี่ยเส่าถิง ก่อนจะค่อยๆ หยุดลง ดวงตางามตราตรึงคู่นั้นกวาดตามองคนที่โต๊ะ สุดท้ายมาหยุดสายตาที่ร่างของฟางซิ่วหมิ่น
ริมฝีปากสีแดงขยับเล็กน้อย น้ำเสียงไพเราะพลันเปล่งออกมา
“อาหญิงพูดถูกต้องทั้งหมด!”
อาหญิง?!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี