มองใบหน้าเรียวเล็กสวยงามของเยี่ยหวันหวั่น แล้วมองใบหน้าของเหลียงซือหานลูกสาวของตัวเอง สีหน้าของฟางซิ่วหมิ่นพลันบูดบึ้งขึ้นอีกหลายส่วน
หากเยี่ยหวันหวั่นเป็นผู้หญิงอัปลักษณ์? เช่นนั้นลูกสาวของเธอฟางซิ่วหมิ่นจะนับว่าเป็นอะไร?!
ทางด้านฟางซิ่วหมิ่นปากยังกระตุกไม่หยุด ทว่าเยี่ยหวันหวั่นในเวลานี้ ได้ส่งสายตามองมาที่ตนอีกครั้ง มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาทั้งคู่หรี่เล็กลงกว่าครึ่ง มองฟางซิ่วหมิ่นเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มพลางกล่าว
“น้าหญิง คำพูดของน้าเมื่อครู่ หวันหวั่นเห็นว่ามีเหตุผลมาก”
ฟางซิ่วหมิ่นชะงักไปเล็กน้อย พลันนึกไม่ออกว่าเมื่อครู่ตัวเองพูดว่าอะไร
เหลียงซือหานที่ตื่นจากความตกตะลึงมาแล้ว เมื่อได้เห็นใบหน้างดงามไร้ที่ติของเยี่ยหวันหวั่น แววตาของความริษยาพลันพุ่งตรงออกมาจากนัยน์ตา
มีสิทธิอะไร?
มีสิทธิอะไรเยี่ยหวันหวั่นถึงได้หน้าตาดีแบบนี้?
เขาล่ะนับเป็นตัวอะไร!
เหลียงซือหานนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของฟางซิ่วหมิ่นขึ้นได้ จึงพูดทันทีด้วยรอยยิ้มเย็นชา “เยี่ยหวันหวั่น ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เธอไม่มารับพ่อกับแม่เธอไปด้วยเลยล่ะ”
เมื่อก่อนฟางซิ่วหมิ่นได้แต่ตำหนิว่าเยี่ยหวันหวั่นไม่สนใจพ่อแม่ ปล่อยให้พ่อแม่ไปอยู่กับครอบครัวคนอื่น
ในเมื่อเยี่ยหวันหวั่นรู้สึกว่ามันถูกต้อง ก็ให้เธอถูกต้องให้พอ!
เหลียงซือหานมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างมีชัย รอดูว่าเยี่ยหวันหวั่นจะโต้ตอบอย่างไร
หน้าตาดีแล้วมีประโยชน์อะไร?
ก็เป็นแค่ดอกไม้ประดับแจกันที่ไร้ความรู้ไร้ความสามารถไม่ใช่เหรอ!
เยี่ยหวันหวั่นเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มมองหน้าของคางคกขึ้นวออย่างเหลียงซือหาน องศาโค้งของมุมปากยิ่งลึกลงไปอีก เธอเอียงศีรษะเล็กน้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คนที่ต้องพาพ่อกับแม่ออกไป ไม่ใช่น้องสาวลูกพี่ลูกน้องอย่างเธอหรอกเหรอ?”
คำพูดของเยี่ยหวันหวั่นทำให้ฟางซิ่วหมิ่นและเหลียงซือหานชะงักอึ้งไปเลยจริงๆ
“เยี่ยหวันหวั่น เธอพูดอะไรนะ?!” ตอนนี้ฟางซิ่วหมิ่นลุกพรวดขึ้นมา ชี้หน้าตะคอกใส่เยี่ยหวันหวั่น
จากนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นพลันหุบลงอย่างรวดเร็ว แววตาเผยความเย็นชา “น้าหญิง ตั้งแต่วันที่น้ากับน้าชายแต่งงานกัน ก็พักอาศัยอยู่บ้านของเรามาโดยตลอด ถึงตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมายี่สิบกว่าปีแล้ว”
ไม่รอให้ฟางซิ่วหมิ่นและเหลียงซือหานเอ่ยพูด ก็ถูกเยี่ยหวันหวั่นพูดตัดไปตรงๆ “เดิมทีก็ไม่ใช่ครอบครัวร่ำรวย ห้องก็ไม่ได้ใหญ่โต หลังจากที่คุณน้ากับคุณน้าชายมีน้องแล้ว บ้านก็ยิ่งแออัด ด้วยเหตุนี้จึงควรย้าย หนูกับพี่ชายของหนูมีบ้านแต่กลับไม่ได้ ทำได้เพียงพักอยู่ข้างนอก เมื่อครู่น้องสาวพูดอย่างทะเยอทะยานมั่นใจ พูดตลอดว่าอยากรับพวกคุณน้าออกไป ไม่อยากรบกวนคนอื่น ซึ่งแบบนี้ก็ดีมากเลย หนูกับพี่ชายของหนูจะได้กลับมาอยู่ที่บ้าน คอยดูแลพ่อกับแม่ได้”
“เยี่ยหวันหวั่น เธอกำลังพูดจาเหลวไหลอะไร?” ฟางซิ่วหมิ่นถลึงตาจ้องเยี่ยหวันหวั่นพลันกล่าว “พ่อกับแม่ของเธอต่างหากที่มาอาศัยในบ้านของพวกเรา!”
เผชิญหน้ากับฟางซิ่วหมิ่นที่โกรธสุดขีด เยี่ยหวันหวั่นหยักยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย โค้งเป็นรอยยิ้มเสน่ห์ชั่วร้าย “น้าหญิงคะ อายุของน้าก็มากแล้ว เกรงว่าคงจะหลงลืม ตอนที่คุณน้าแต่งงานกับคุณน้าชาย ทั้งสองยากจนข้นแค้น อย่าว่าแต่ซื้อบ้านเลย แม้แต่งานแต่งของพวกน้าทั้งสองก็มีพ่อแม่ของหนูเป็นคนจัดการให้ และบ้านที่พวกคุณอยู่ในตอนนี้ ก็เป็นพ่อของหนูที่ซื้อมาเองตั้งแต่แรก และยกให้คุณน้ากับน้าชายได้พักอาศัยกันชั่วคราว
แต่ว่าต่อมาคุณน้าหญิงและคุณน้าชายไม่มีวี่แววจะย้ายออกเลย พ่อแม่ของหนูก็ไม่อยากพูดมากอะไร อย่างไรแล้วเราก็เป็นญาติกัน อีกอย่างพ่อแม่ของหนูก็ทำเรื่องเลวทรามอย่างการขับไล่ญาติพี่น้องไม่ลง ตลอดเวลายี่สิบกว่าปีมานี้ก็ไม่เคยเก็บค่าเช่าบ้านเลยสักแดงเดียว
แต่ว่าหนูได้ยินคำพูดทะเยอทะยานมั่นใจของน้องสาวแล้ว เหมือนมีความหมายว่าจะรับคุณน้าหญิงคุณน้าชายย้ายออก นี่ก็เป็นแค่คำพูดไม่กี่คำเท่านั้น หากน้องสาวมีความทระนงแบบนี้จริงๆ หนูในฐานะพี่สาวก็ต้องขอชื่นชม”
พูดมาถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็มองไปทางเหลียงซือหานอย่างมีนัย พลางแกล้งทำเป็นพูด “เพียงแต่หนูเห็นว่าตอนนี้น้องสาวเหมือนจะยังไม่มีความสามารถนี้ ถึงได้…อย่างไรแล้วน้องสาวก็อาศัยอยู่ที่บ้านของเรามาโดยตลอด ไม่เคยออกจากบ้านเลย แล้วจะไปพูดว่าอยากรับพ่อกับแม่ออกไปแบบนั้นได้อย่างไร?”
……………………..…………………
บทที่ 334 ของที่ให้ไปแล้ว
“เยี่ยหวันหวั่น เธอ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี