“อ๊ะ…นายท่าน…ขอ…ขอโทษครับ…”
เหยียบพลาด…
เมื่อกี้นี้ได้ยินว่าเยี่ยหวันหวั่นบอกจะพานายท่านไปพบพ่อแม่ ด้วยความตกใจสวี่อี้เลยไม่ทันระวังเผลอเหยียบคันเร่งลงไป
สวี่อี้ตกใจเสียจนลนลาน รีบร้อนเก็บโทรศัพท์ที่ตกลงจากมือนายท่านส่งกลับไปด้วยมือที่สั่นระริก
จากนั้นเงยหน้าขึ้นก็พบว่า…ใบหน้าของเจ้านาย…เผยอารมณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนออกมา…
คล้ายกับเจอศัตรูตัวฉกาจ ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับเรื่องที่รับมือยากมากๆ
แต่ว่าสิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ ไม่ได้มีสัญญาณของความโกรธอยู่
ฟู่ว คงไม่ใช่เพราะนายท่านต้องไปเจอกับพ่อตาแม่ยายเลยตื่นเต้นหรอกมั้ง?
สวี่อี้รีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดไร้สาระในสมองออกไป “อะแฮ่ม นายท่าน จะรอคุณหนูเยี่ยไหมครับ?”
“กลับสวนจิ่นหยวน”
“ครับ”
…
งานเลี้ยงฉลองดำเนินมาถึงช่วงท้ายแล้ว บรรดาแขกทั้งหลายทยอยจากไป
เยี่ยอีอีและกู้เยว่เจ๋อฝีนปั้นหน้าส่งแขกอยู่ที่ประตู
เวลานี้ในชาติที่แล้ว ทั้งสองคนได้ประกาศข่าวการหมั้นหมายและกำลังรับคำอวยพรจากผู้คนทั้งหลาย ทว่าเวลานี้กลับได้เพียงสายตาประหลาดจากแขกทั้งหลาย
……
งานเลี้ยงดำเนินมาถึงช่วงท้าย แขกเหรื่อทั้งหลายจึงทยอยกันกลับบ้าน
เยี่ยอีอีและกู้เยว่เจ๋อกำลังฝืนปั้นหน้าส่งแขกอยู่ที่หน้าประตู
เวลานี้ในชาติก่อน ทั้งสองได้ประกาศข่าวการหมั้นหมายและกำลังรับคำอวยพรจากผู้คน ทว่าเวลานี้ สิ่งที่ได้มีเพียงสายตาแปลกประหลาดจากบรรดาแขกทั้งหลาย
เยี่ยหวันหวั่นเดินออกมาจากบ้านใหญ่ หางตาเห็นรถสีดำคันหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกำลังเคลื่อนออกไป รู้สึกกังวลขึ้นมาแวบหนึ่ง
รถคันนั้น…ทำไมดูคุ้นตาเหลือเกิน…
“หวันหวั่น เป็นอะไรไปลูก” เหลียงหวั่นจวินถามขึ้น
“แม่ ไม่มีอะไรค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้า จากนั้นกุมมือมารดาเอ่ยว่า “พ่อคะแม่คะ พวกเรากลับบ้านกันเถอะค่ะ สัมภาระของพ่อกับแม่ หนูให้คนย้ายไปไว้ที่บ้านเรียบร้อยแล้ว!”
เหลียงหวั่นจวินได้ยินดังนั้น ส่งสายเป็นกังวลมองไปทางเยี่ยหวันหวั่น “หวันหวั่น…ลูกไถ่บ้านกลับมาแล้วจริงเหรอ?”
เยี่ยเส่าถิงเอ่ยก็เอ่ยเสียงหนักใจ “จากที่พ่อรู้ หลังจากงานประมูลบ้างหลังนั้นถูกฉู่หงกวงซื้อไป…”
เยี่ยหวันหวั่นผงกศีรษะ “ถูกต้อง หนูไถ่กลับมาจากมือของฉู่หงกวงนั่นแหละค่ะ”
เยี่ยเส่าถิงได้ยินดังนั้น หน้าตาพลันตื่นตกใจ “อะไรนะ? ไอ้จิ้งจอกเฒ่านั่น ลูกทำได้อย่างไร…”
เยี่ยหวันหวั่นรู้ว่าพ่อแม่กำลังกังวลเรื่องอะไร จึงส่งสายตาให้ทั้งสองสบายใจ “พ่อคะแม่คะ สบายใจได้ หนูได้บ้านมาอย่างถูกต้อง ไว้หนูจะเล่ารายละเอียดให้พ่อแม่ฟังนะคะ”
เหลียงหวั่นจวินกับเยี่ยเส่าถิงเห็นท่าทางหนักแน่นของลูกสาว ภายในใจก็สงบลงอย่างประหลาด จึงพยักหน้า
เยี่ยมู่ฝานยืนอยู่ด้านข้าง ไม่รู้ด้วยสาเหตุใดสมองพลันนึกถึงสิ่งที่เยี่ยหวันหวั่นพูดกับตนเองทางโทรศัพท์ในวันนั้น ต่อไปฉันจะปกป้องพ่อกับแม่เอง ความแค้นของตระกูลเยี่ย ฉันจะเป็นคนชำระให้เอง…
เวลานั้นเขาแค่รู้สึกว่าเธอพูดเพ้อฝันถึงสิ่งที่ไม่มีทางเป็นจริง ไร้เดียงสาเกินไป หรืออาจจะเป็นความรู้สึกชั่ววูบ แต่คิดไม่ถึงว่า เวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น เธอไม่เพียงแค่พูดออกมา ยังลงมือทำแล้วจริงๆ อีกทั้งยังทำได้ถึงขั้นนี้แล้ว…
ไม่รู้ว่าเหลียงหวั่นจวินคิดอะไรได้ เอ่ยถามอย่างอึกอักขึ้น “หวันหวั่นลูก สถานการณ์ของบ้านเราเป็นแบบนี้ แฟนของลูกรู้หรือเปล่า?”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “ค่ะ เขารู้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเขาไม่ถือสาเหรอ?” สิ่งที่เหลียงหวั่นจวินกับเยี่ยเส่าถิงกังวลที่สุดคือด้วยเหตุผลของที่บ้านส่งผลกระทบถึงความสุขของลูกสาว
เพื่อให้พ่อแม่สบายใจ เยี่ยหวันหวั่นลอบคิดอยู่แวบหนึ่ง แล้วเอ่ยออกไปอย่างชัดเจน “พ่อแม่ สบายใจได้ เขาไม่ใช่คนในวงการเดียวกับเรา เป็นแค่…คนธรรมดาคนหนึ่ง พนักงานออฟฟิศธรรมดา เป็นคนซื่อสัตย์จริงใจมาก หน้าตาก็ไม่มีพิษมีภัย”
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกว่า คำโกหกครั้งนี้อาจจะต้องใช้ความสามารถทั้งชีวิตของเธอแล้ว…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี