เยี่ยหวันหวั่นเตรียมตัวอยู่นาน ในที่สุดก็พูดออกมา “เฮ้อ คืออย่างนี้ค่ะ ก่อนหน้านี้เพื่อกู้เยว่เจ๋อชายชั่วนั่นแล้ว ความสัมพันธ์ของฉันและพ่อแม่ย่ำแย่มาตลอด ครั้งนี้กลับไปบ้านเยี่ย ฉันคุยกับพ่อแม่ชัดเจนแล้ว เพื่อให้พวกเขาสบายใจ เชื่อว่าฉันคิดได้แล้วจริงๆ ฉันเลยเล่าเรื่องพวกเราสองคนให้พวกเขาฟัง…”
พูดมาถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นนิ่งไป ระหว่างที่สายตาสังเกตซือเยี่ยหาน เธอก็พูดไปด้วย “อีกทั้งพวกเราสองคนคบกันจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาสองปีแล้ว ดังนั้น คุณอยากจะ… กลับไป… เจอพ่อแม่กับฉันไหมคะ?”
ที่เธอกังวลมากที่สุดก็คือวันไหนที่เรื่องของตัวเองและซือเยี่ยหานถูกพ่อแม่รู้เข้าโดยบังเอิญ ด้วยท่าทีของซือเยี่ยหานที่มีต่อพ่อแม่เธอแล้ว รวมถึงถ้าพ่อแม่รู้ว่าตอนแรกตัวเองโดนบังคับ ผลลัพธ์นี้เธอไม่กล้าคิดเลย…
ดังนั้นก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปจนถึงจุดที่แย่ที่สุด เธอจำเป็นต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาสำหรับทั้งสองฝ่าย
ถ้าซือเยี่ยหานเห็นด้วย อีกทั้งถ้ายอมให้ความร่วมมือ นั่นเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก…
วินาทีที่เสียงเยี่ยหวันหวั่นสิ้นสุดลง เสียงอื่นๆ รอบตัวราวกับหดหายไปจากข้างหูอย่างน่าประหลาด ความสนใจทั้งหมดอยู่เพียงแค่ปฏิกิริยาของผู้ชายตรงหน้าเท่านั้น
นิ้วมือซือเยี่ยหานนี่ถือแก้วเหล้าอยู่นิ่งไป เพราะแสงไฟในบาร์มืดสลัว เลยมองเห็นสีหน้าเขาไม่ชัดเจน
เวลาแต่ละวินาทีผ่านไป…
“ไม่ได้หรือคะ?” เยี่ยหวันหวั่นเห็นท่าที เธอหลุบตาลงด้วยความหงอยเหงา สีหน้าเต็มไปด้วยเงียบงัน “ซือเยี่ยหาน… สำหรับคุณแล้วฉัน… เป็นแค่ของเล่นเท่านั้นเองใช่ไหม? คุณไม่พอใจ ก็ขังฉันไว้ อารมณ์ดี ก็ปล่อยฉันออกไปบินเล่นข้างนอก…
ฉันรู้ว่าคุณอาจจะไม่ชอบให้ฉันไปสนิทใกล้ชิดกับคนอื่น แม้กระทั่งพ่อแม่ฉัน… แต่ว่า… ถ้าคุณมีท่าทีแบบนี้ ไม่แน่พ่อแม่ฉันอาจจะคิดว่าฉันโดนคนไม่ดีจับตัวไป ที่แย่กว่านั้นคืออาจจะคิดว่าฉันถูกขังเอาไว้เลี้ยงดู…”
ซือเยี่ยหานสีหน้าขรึมไป เห็นแค่หญิงสาวยิ่งพูดยิ่งน่าสงสาร ดูเหมือนจะร้องไห้แล้ว “พวกเขาเป็นพ่อแม่ของฉัน และก็เป็นพ่อตาแม่ยายของคุณในอนาคตด้วย หรือว่าคุณคิดกับฉันแค่เล่นๆ ไม่เคยคิดจะแต่งงานกับฉันหรือ…”
หลังได้ยินคำว่า ‘แต่งงาน’ สองคำนี้ ทันใดนั้นสีหน้าที่เย็นชาของซือเยี่ยหานดูเหมือนขยับเล็กน้อยโดยไม่ทันสังเกตเห็น จากนั้น ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นมา “ได้”
วินาทีที่คำพูดซือเยี่ยหานสิ้นสุดลง ศีรษะเล็กของเยี่ยหวันหวั่นก็เหมือนดอกทานตะวันที่เบ่งบานหันไปหาดวงอาทิตย์ “ค่ะ! จริงหรือจริงหรือคะ? ถ้าอย่างนั้นถึงตอนนั้นแล้วคุณเปลี่ยนลุคหน่อยได้ไหม ให้ตัวเองดูน่าเกลียดขึ้นมาหน่อย เอ้อไม่ ดูแล้วอ่อนโยนมีคุณธรรม เอ้อไม่ ฉันหมายความว่า… ดูแล้วน่าปลอดภัยหน่อย!”
ซือเยี่ยหาน “…”
สีหน้าซือเยี่ยหานที่เพิ่งดูอบอุ่นขึ้นมาดูราวกับลมเหนือพัดมาทันที เสียงก็เยือกเย็นราวน้ำแข็ง พูดเน้นย้ำทีละคำ “ฉันดูไม่น่าเปิดตัวมากเลยหรือ?”
เยี่ยหวันหวั่นรีบส่ายหน้าเหมือนกลองรัวๆ “เป็นไปได้ยังไงๆ! เพียงแต่คุณก็รู้นี่ หลังเรื่องกู้เยว่เจ๋อ พ่อแม่ฉันก็กลัวว่าฉันจะโดนหลอกมาตลอด หล่อเกินไปรวยเกินไปกลัวว่าฉันจะเอาไม่อยู่ กลัวว่าอีกฝ่ายจะทิ้งฉัน นอกใจฉันอะไรเทือกนี้ ยิ่งไปกว่านั้นฉันดันหาคนที่ร่ำรวยล้นฟ้าระดับประเทศ!
ถ้าฉันบอกพวกเขาตรงๆ คิดว่าพวกเขาจะต้องเป็นห่วงจนนอนไม่หลับ!
ดังนั้น ก่อนที่ฉันจะสามารถทำให้พวกเขาไว้วางใจได้ทั้งหมด ฉันยังไม่สามารถบอกสถานะของคุณกับพวกเขา… ดังนั้น… จึงต้องรบกวนคุณหน่อยนะคะ…”
เหมือนซือเยี่ยหานถูกทำให้โมโหจนขำออกมา มองหน้าเธอด้วยสีหน้าทั้งเคร่งขรึมและใจดีในเวลาเดียวกัน “เธอจะเอาปลอดภัยแค่ไหน”
เยี่ยหวันหวั่นแอบหยิบมือถือออกมา เปิดหารูปในนั้นออกมารูปหนึ่ง “ประมาณระดับนี้ก็ได้แล้วค่ะ…”
…………………………………………………
บทที่ 370 เล่นเกินไป
เยี่ยหวันหวั่นพูดไป ก็พลางส่งรูปให้ซือเยี่ยหานดู
เห็นคนในรูปดูเหมือนนักแสดงตลกคนหนึ่ง สวมเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีแดงและกางเกงขายาวทรงกระบอกสีเขียวเหมือนหลุดมาจากยุค 80 ใส่แว่นตากรอบหนาสีดำ ผิวสีคล้ำ ฟันหน้าซี่ใหญ่ อีกทั้งยังหัวล้านด้วย ลักษณะนั้นเกินจะบรรยาย
เยี่ยหวันหวั่นถามด้วยความตื่นเต้น “เป็นยังไงคะ? ดูปลอดภัยมากเลยใช่ไหม?”
ไม่เพียงแค่ปลอดภัย คิดว่ามาส่งถึงหน้าประตูยังไม่มีสาวคนไหนต้องการเลย!
สมบูรณ์แบบจริงๆ!
อีกทั้งไม่มีใครดูออกว่าเป็นใครด้วย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี